ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1320 นัดแรกของงานแต่งงาน

บทที่ 1320 นัดแรกของงานแต่งงาน

สองสามีภรรยาบรูซค้างที่ฟาร์มปลาหนึ่งคืน วันต่อมาถึงจะกลับไปที่วอชิงตัน ตอนที่บอกลากันจอร์จก็ยังเล่นมุก ถามฉินสือโอวว่าสนใจจะทำความรู้จักกับโอบามาไหม เขาพาไปแนะนำให้รู้จักกันได้นะ

ฉินสือโอวรู้ว่านี่คือการพูดเล่น และแน่นอนว่าเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกสนใจที่จะทำความรู้จักกับโอบามาอยู่แล้ว ดังนั้นเขาจึงบอกจอร์จว่าให้ช่วยโปรโมตอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินสักหน่อยก็พอ บอกให้ประธานาธิบดีของอเมริกาลองชิมอาหารทะเลระดับโลกดูสักหน่อย

ส่งพวกเขาทั้งครอบครัวเสร็จแล้ว ฉินสือโอวเพิ่งคิดว่าจะไปตระเวนดูรอบๆ ทะเลสาบเฉินเป่า ทว่าเออร์บักก็มาหาเขา แล้วบอกว่าเขาควรเตรียมการ์ดเชิญงานแต่งงานได้แล้ว

ฉินสือโอวจึงบอกว่าปล่อยให้ทางฝั่งวินนี่ได้เตรียมตัวก่อนดีกว่า ทางฝั่งของเขามีคนเยอะแถมยังซับซ้อนเกินไป ต้องเตรียมตัวและวางแผนให้ดีๆ

เออร์บักเลยบอกกับเขาว่า “ไม่ ฉิน นายต้องลิสต์รายชื่อแขกก่อน ถึงจะสะดวกกับทางฝั่งวินนี่”

ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจว่า “ทำไมล่ะครับ?”

เออร์บักยิ้มแล้วตอบเขาว่า “จำได้ไหม วินนี่เคยบอกว่าระหว่างเธอกับเพื่อนสมัยเรียนเกิดความเข้าใจผิดกันอย่างหนัก ถ้าเป็นการ์ดเชิญงานแต่งธรรมดาๆ พวกเธอคงไม่มางานแน่ๆ แต่ถ้าบนการ์ดเชิญมีชื่อของท่านรัฐมนตรีแมทธิว จิน มีชื่อของเจ้าชายเฮนรี และมีชื่อของคาเมรอนที่เป็นนักแสดง แบบนั้นพวกเธอต้องพากันมางานนี้แน่ๆ”

ฉินสือโอวนึกถึงภาพเหตุการณ์ตอนที่เขาบอกว่าจะแต่งงานขึ้นมาได้ทันที วินนี่บอกว่าเพื่อนสมัยเรียนของเธออาจจะไม่มางานแต่งงาน แต่เออร์บักก็บอกว่าพวกเธอต้องมาแน่ เรื่องทั้งหมดเขาจะเป็นคนจัดการเอง ที่แท้ตาเฒ่าก็วางแผนไว้แบบนี้นี่เอง

เมื่อเป็นแบบนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะแย้งแล้ว หลังจากนั้นเป็นเวลาติดกันสี่วัน ถึงจะตัดสินใจลิสต์รายชื่อแขกที่มาร่วมงานได้สำเร็จ ในระหว่างนั้นเขาได้โทรศัพท์ไปหาแขกทุกคนว่าพอจะมีเวลาว่างไหม ถ้ามีเวลาว่าง เขาก็จะส่งการ์ดเชิญไปให้

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือแขกรับเชิญคนสำคัญทั้งสาม เจ้าชายเฮนรี เจ้าชายจากอาหรับ และรัฐมนตรีแมทธิว จินต่างก็เป็นคนที่ค่อนข้างมีหน้ามีตาในสังคมกันทั้งนั้น ถ้าบอกว่าพวกเขาจะมาร่วมงาน เมื่อมีพวกเขาทั้งสามคน งานแต่งงานของฉินสือโอวก็จะกลายเป็นงานแต่งงานระดับสูง

ฉินสือโอวส่งบัตรเชิญมางานแต่งงานให้เพื่อนสมัยมัธยมปลายกับเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยทุกคน เขาจะรับผิดชอบตั๋วเครื่องบินไปกลับและพาพวกเขาไปดื่มไปเที่ยวหลังจากมาถึงแคนาดา พวกเพื่อนๆ จ่ายแค่เงินใส่ซองสำหรับงานแต่งงานก็พอแล้ว ส่วนค่าใช้จ่ายที่เหลือทั้งหมดเขาจะเป็นคนจัดการเอง

ในบัตรเชิญที่ส่งไปให้เพื่อนๆ ร่วมชั้นเรียนพวกนั้น เขาไม่ได้บอกว่าจะมีใครมาร่วมงานแต่งงานของเขาบ้าง เพราะเขาไม่อยากให้มีจุดประสงค์อย่างอื่นแอบแฝงมากับมิตรภาพของเพื่อนเก่า

เมื่อกำหนดรายชื่อแขกที่จะมาร่วมงานเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกราวกับว่าเขาได้ปัดภาระออกไปจนพ้นตัวแล้ว ทว่าเออร์บักก็บอกเขาอีกว่า เขายังต้องจัดเตรียมที่พักล่วงหน้าสำหรับแขกที่จะมาร่วมงานด้วย

ฉินสือโอวเลือกจัดงานในช่วงวันหยุดต่อเนื่องที่ยาวที่สุดของปี ทว่าสาเหตุไม่ใช่เพียงเพราะว่าเขาต้องการดูแลเรื่องการเดินทางให้เพื่อนสมัยเรียนที่มาจากจีนเพียงอย่างเดียว แต่อีกหนึ่งสาเหตุเป็นเพราะวินนี่เป็นคนเลือกจัดงานในช่วงเวลานี้

ตามตำนานเทพนิยายท้องถิ่นของแคนาดา วันอังคารในสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคมเป็นวันเทศกาลที่เทพทั้งหลายจะร่วมอวยพรให้กับคู่บ่าวสาวที่เพิ่งจะแต่งงานกันใหม่ๆ วันนี้เป็นวันเทศกาลที่มีหญิงชายชาวแคนาดาแต่งงานกันเยอะที่สุด

แน่นอนว่า ช่วงเวลานี้ย่อมเป็นช่วงที่จองห้องพักได้ยากที่สุดด้วยเช่นกัน

สำหรับเกาะแฟร์เวลแล้วนี่เป็นเรื่องที่จัดการได้ง่ายมาก เมืองแฟร์เวลปิดการท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาวของปีนี้ ไม่ได้รับนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้ามา โดยได้คำนึงถึงความปลอดภัยของเจ้าชายเฮนรี เจ้าชายอาหรับ รัฐมนตรีแมทธิว จิน รวมไปถึงกลุ่มผู้บริหารและประธานกรรมการเป็นหลัก หากเกิดปัญหาเรื่องมีคนแอบแฝงตัวเข้ามาฉินสือโอวคงรับผิดชอบไม่ไหว

เมื่อเป็นเช่นนี้โรงแรมที่มีบรรยากาศแบบเมืองเล็กๆ ก็เพียงพอสำหรับการเข้าพักแล้ว จัดการให้คนธรรมดาพักอยู่ที่นี่ แล้วส่งแขกระดับสูงให้พักที่โรงแรมห้าดาวในนครเซนต์จอห์น เป็นอีกครั้งแล้วที่ฉินสือโอวได้ใช้ทรัพยากรของบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรสเพื่อจองชุดห้องพักชั้นพิเศษจำนวนมาก

หลังจากจองโรงแรมฮิลตันได้ไม่นาน น้องสาวคนน้องของพี่น้องฮิลตัน นิกิ ฮิลตันก็โทรศัพท์มาหาเขาอีกครั้ง

ครั้งที่แล้วที่นิกิโทรหาเขา เขาก็รู้สึกแปลกประหลาดใจอยู่เหมือนกัน มาคราวนี้พอเธอโทรมาอีกครั้ง เขาเลยยิ่งสับสนงงงวย จึงถามหยั่งเชิงฮิลตันคนน้องว่าเธออยากจะมาร่วมงานแต่งของเขาด้วยใช่ไหม

ตอนนี้ถึงคราวฮิลตันคนน้องที่รู้สึกสับสนบ้างแล้ว เธอไม่รู้เรื่องงานแต่งงานของฉินสือโอว แน่นอนล่ะว่าเธอไม่มีเหตุผลที่จำเป็นจะต้องรู้เรื่องนี้ เนื่องจากทั้งสองคนไม่เคยคลุกคลีกัน อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่คนรู้จักกัน ฉินสือโอวจึงไม่ได้วางแผนว่าจะเชิญเธอมางานแต่งงาน

พอรู้ว่างานแต่งงานของเขาจะถูกจัดขึ้นในวันอังคารสัปดาห์ที่สองของเดือนตุลาคม ฮิลตันก็หัวเราะเจื่อนๆ แล้วพูดว่า “บังเอิญจริงๆ เลยค่ะ ฉิน ฉันมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่กำลังจะแต่งงานวันนั้นเหมือนกัน ดังนั้นฉันเลยต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ฉันอาจจะไปร่วมงานแต่งงานของคุณไม่ได้”

ฉินสือโอวก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “อ้อๆ เป็นเรื่องที่น่ายินดีจริงๆ ครับ นี่ไม่มีอะไรให้ต้องขอโทษเลย ต่างก็เป็นเรื่องน่ายินดีเหมือนกันทั้งคู่เลยไม่ใช่เหรอครับ?”

ฮิลตันคนน้องหัวเราะออกมา หลังจากนั้นก็พูดอย่างไตร่ตรองมาดีแล้วว่า “ฉิน คุณรู้ใช่ไหมคะว่า ฉันต้องส่งของขวัญอวยพรงานแต่งงานที่ไม่เหมือนใครให้กับเพื่อนสนิท อืม แต่หลังจากที่ฉันตามหาดูแล้ว ฉันก็คิดว่าฉันคงจะต้องขอความช่วยเหลือจากคุณ”

ฉินสือโอวจึงพูดกับเธอว่า “ถ้าผมพอจะช่วยได้ ผมก็ยินดีที่จะทำครับ แต่ขอถามหน่อยว่าผมต้องช่วยยังไงเหรอครับ?”

ในตอนนี้เขาเข้าใจถึงจุดประสงค์ของฮิลตันที่โทรมาหาเขาทั้งสองครั้งแล้ว นั่นเป็นเพราะเธออยากขอความช่วยเหลือจากเขาก็เท่านั้น เพียงแต่ว่าตอนที่รู้จักกันครั้งแรก เธอไม่กล้าพูดกับเขาตรงๆ ก็เท่านั้น

ฮิลตันคนน้องก็พูดกับเขาว่า “คุณฝากปะการังแดงคุณภาพสูงจากทะเลน้ำลึกไว้ที่ร้านแฟล็กชิพสโตร์ของบริษัททิฟฟานี่แอนด์โคหนึ่งชิ้นใช่ไหมคะ? ได้ยินมาว่ามันมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ฉันอยากขอซื้อไว้สักส่วนหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณจะยอมตัดใจขายให้ไหม?”

เมื่อได้ยินเธอพูดแบบนี้ ฉินสือโอวก็หัวเราะออกมา แล้วพูดว่า “ไม่มีปัญหาครับ นิกิ ด้วยมิตรภาพที่พวกเรามีต่อกันแล้ว ผมจะปฏิเสธคุณได้ยังไงกันละครับ? โดยเฉพาะคนที่สวยมากๆ อย่างคุณด้วยแล้ว”

เขามีปะการังน้ำลึกสีแดงอยู่เยอะแยะ อยากหาช่องทางจำหน่ายจะตาย ลูกค้าแบบฮิลตันคนน้องเขาต้องยินดีต้อนรับอยู่แล้ว

ฮิลตันคนน้องได้ฟังคำที่เขาพูดก็ดีใจมาก เธอพูดว่า “พระเจ้าคุ้มครองจริงๆ แบบนั้นดีที่สุดเลยค่ะ หลายวันมานี้ฉันอยากโทรมาหาคุณทุกวันเลย แต่กลัวว่าจะได้ยินคำปฏิเสธของคุณ ฉันเคยเห็นปะการังสีแดงชิ้นนั้นมาก่อน มันสวยมากจริงๆ ถ้าเป็นฉัน ฉันคงทำใจขายมันไม่ลงแน่ๆ”

เธอรู้อยู่แล้วว่าฉินสือโอวไม่ได้ขาดแคลนเงินทอง

ฉินสือโอวจึงบอกกับเธอว่า “คืออย่างนี้นะครับ ต้นเดือนหน้าผมจะเดินทางไปนิวยอร์ก พอถึงตอนนั้นพวกเราค่อยคุยกันเรื่องราคา ดีไหมครับ?”

ฮิลตันคนน้องตอบรับด้วยความดีใจว่า “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ ใช่แล้ว ฉิน ครอบครัวของฉันพอจะมีธุรกิจด้านการบริการอยู่บ้าง ถ้าคุณมีความต้องการทางด้านนี้ อย่างเช่นว่าต้องการจองโรงแรมระดับไฮเอนด์กับการจัดงานแต่งงานที่เหนือระดับ หรือความต้องการเกี่ยวกับบริกรในงาน คุณบอกฉันได้เลยนะคะ ฉันจะจัดการให้เอง”

ฉินสือโอวไม่ได้ต้องการเรื่องพวกนี้ สำหรับเรื่องงานแต่งงานเขาได้ติดต่อบริษัทรับจัดงานแต่งมืออาชีพผ่านคาเมรอนเรียบร้อยแล้ว ชื่อบริษัท OK-KNOT

บริษัทนี้ดำเนินการให้บริการนายทุนอเมริกันระดับสูงและดาราฮอลลีวูดมาโดยตลอด ถึงเวลานั้นแม้กระทั่งบอดี้การ์ดพวกเขาก็จะจัดเตรียมให้ อีกทั้งบริการด้านการคุ้มกันความปลอดภัยก็เป็นจุดแข็งของบริษัทแห่งนี้เช่นกัน ให้บริการอย่างครบวงจรเลยทีเดียว

ปี 2016 งานแต่งงานของทอม ครูซกับเคที โฮล์มส นักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังก็มีบริษัทรับจัดงานแต่งงานแห่งนี้เป็นผู้ดำเนินงานให้ ในตอนนั้นทอมคาดหวังว่าเขาจะได้จัดงานแต่งงานในปราสาทเก่าแก่สักแห่ง บริษัท OK-KNOT จึงใช้ปราสาทโอเดสคาลชิที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงโด่งดังในศตวรรษที่ 15 เพื่อจัดงานแต่งงานให้กับเขา ต้องรู้ด้วยว่าปราสาทแห่งนี้ไม่เคยปรากฏต่อสาธารณชนมาก่อนเลย ทำให้เห็นได้ว่าพวกเขามีความสามารถมากเพียงใด

ฉินสือโอวไม่รู้ว่าการจัดงานแต่งงานครั้งนี้ต้องใช้เงินเยอะแค่ไหน บริษัท OK-KNOT ยังไม่ได้ทำการเสนอราคาให้กับเขา แต่ก็คาดว่าน่าจะไม่ต่ำกว่าสี่ห้าล้านดอลลาร์สหรัฐ เงินทุนสำหรับการรักษาความปลอดภัยเพียงอย่างเดียวก็ใช้เงินถึงล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐแล้ว

เวลายังไม่ทันเข้าสู่เดือนกันยายน เขาไม่จำเป็นต้องวนเวียนอยู่กับเรื่องงานแต่งงานเลย ฉินสือโอวยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่ฟาร์มปลาของเขาได้อย่างสบายอกสบายใจเหมือนเช่นเคย

แน่นอนว่า ตอนนี้สามารถเรียกฟาร์มปลาของเขาว่าฟาร์มเกษตรหรือฟาร์มเลี้ยงสัตว์เล็กๆ ได้แล้ว นอกจากปลูกผัก ธัญญาหารกับองุ่นแล้ว พอลลี่ยังส่งลูกม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ ขณะเดียวกันก็ได้ส่งลูกสัตว์เลี้ยงสำหรับใช้แรงงานอีกจำนวนหนึ่งมาให้เขาด้วย

……………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท