ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1351 แนวปะการังในฝัน

บทที่ 1351 แนวปะการังในฝัน

ฉินสือโอวดำน้ำมาหลายครั้งแล้ว ทำให้ในตอนนี้รู้ทางหมดทุกซอกทุกมุม แต่เป็นครั้งแรกที่วินนี่ได้ดำน้ำตั้งแต่มาถึงเกาะแฟร์เวล ความจริงนี่ก็เป็นการดำน้ำครั้งแรกในชีวิตของเธอด้วย ดังนั้นจึงมีความตื่นเต้นอยู่บ้าง

หลังจากลงน้ำและตีขาวนอยู่ในน้ำรอบหนึ่งอย่างรวดเร็วแล้ว ฉินสือโอวก็ว่ายขึ้นไปบนผิวน้ำ เพื่อรอรับวินนี่

จากนั้น เขาก็เห็นว่าวินนี่ทำเหมือนกับนักกีฬากระโดดน้ำ กระโดดขึ้นมาจากเรือ สองมือพนมไว้แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้า พยายามทำท่ากระโดดลงน้ำที่สวยงาม

รูปร่างของเธอผอมเพรียว ท่ากระโดดลงน้ำของเธอท่านี้สวยงามมากจริงๆ แต่ว่าลึกๆ แล้วฉินสือโอวกลับรู้สึกปวดไข่ขึ้นมา การดำน้ำไม่ใช่แบบนี้ ใครเขากระโดดลงน้ำกัน มีแต่หันหลังให้ตรงกับน้ำแล้วโหม่งหัวลงมากันทั้งนั้น!

ครั้งแรก ฉินสือโอวรู้สึกว่าวินนี่ค่อนข้างซื่อบื้อ แต่ว่าเป็นซื่อบื้อแบบน่ารัก

เพราะต้องแบกถังออกซิเจนไว้ เป็นเหตุทำให้การกระโดดลงน้ำแบบนี้สามารถทำให้การสูดออกซิเจนลำบากขึ้น เขาเดาว่าวินนี่ในตอนนี้ก็คงไม่ค่อยรู้สึกดีเท่าไรนัก คิดว่าคงมีสำลักบ้าง จึงว่ายเข้าไปแล้วรีบยื่นมือไปลูบที่หน้าอกของวินนี่

แต่วินนี่กลับคิดว่าเขามาแต๊ะอั๋งเธอ จึงยกคิ้วสูงแล้วตบมือยั้วเยี้ยของเขาออก เธอสำลักไปพลางเข้าไปหาเขาแล้วทำท่าทุบแสดงว่าโกรธไปที่เขา

ฉินสือโอวกลอกตาใส่เธอไปทีหนึ่ง และไล่ลมให้เธอต่อ พอวินนี่รู้สึกดีขึ้นมาแล้ว จึงเข้าใจถึงความหมายที่เขาทำแบบนี้ ทำให้รู้สึกเกรงใจขึ้นมาในทันที เธอนึกว่าผู้ชายของเธออยากจะเล่นสงครามในน้ำเสียอีก

เมื่อวินนี่รู้สึกดีขึ้นแล้ว ฉินสือโอวจึงลากข้อมือเธอดำไปด้านล่างที่เป็นจุดแนวหินปะการัง และในเวลาเดียวกันเขาก็ปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปเพื่อหาพวกของไอซ์สเกต บอลหิมะและบีน เพื่อเรียกพวกมันมาหา

ก่อนที่เจ้าตัวเล็กทั้งสามจะมาถึง ทั้งสองคนก็ดำลงไปยังด้านบนของแนวปะการังอย่างรวดเร็ว

แสงอาทิตย์เจิดจ้า ส่องทะลุผ่านเข้าไปในทะเล ส่องสว่างไปที่แนวปะการังทำให้มองเห็นได้อย่างชัดเจน โพลิปที่มีสีสันหลากหลายว่ายไปมาอยู่ในน้ำ ฝูงปลานกแก้วที่สวยงามก็ว่ายอยู่รอบๆ การที่พวกมันรับรู้ได้ถึงจิตสำนึกแห่งโพไซดอน ทำให้พวกมันว่ายเข้ามาหาอย่างดีอกดีใจ

ในตอนนี้ พลังโพไซดอนของฉินสือโอวแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนมาก สามารถรับรู้ความรู้สึกของสิ่งมีชีวิตใต้ทะเลได้ชัดเจนมากขึ้น แม้แต่ปลานกแก้วที่เป็นสัตว์ไอคิวต่ำ เขาก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของพวกมัน ซึ่งเมื่อก่อนทำไม่ได้เลย

วินนี่เห็นฝูงปลานกแก้วพวกนี้ ก็ยิ้มออกมาในทันใด เธอยื่นมือไปแตะปลานกแก้วตรงหน้า ปลาตัวอ้วนพวกนี้ไม่เคยถูกคนจับมาก่อน แต่ละตัวจึงค่อนข้างใสซื่อ หลังจากพวกมันเข้ามาในอาณาเขตการควบคุมของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนแล้วก็สงบลงมาก ขนาดวินนี่แตะไปโดนตัวพวกมันก็ไม่หลบหนี

ล็อบสเตอร์สีรุ้งหลายตัวโผล่ออกมาจากรูรูหนึ่ง ข้างหลังพวกมัน มีกุ้งเปปเปอร์มินต์สองตัวที่โผล่หัวออกมาดูลาดเลาอยู่ พวกมันมองไปที่วินนี่และฉินสือโอวแล้วก็มุดกลับเข้าไปในรูต่อ

พวกมันเป็นหมอตัวน้อยของฟาร์มปลา เหมือนกับพวกกุ้งสเตโนพุสและกั้งตั๊กแตนที่สามารถรักษาโรคให้ปลากุ้งปูได้ สามารถกินปรสิตที่อยู่บนตัวของสิ่งมีชีวิต และยังสามารถตัดชิ้นส่วนบนร่างกายที่เน่าออกไปได้

หลังจากฝูงปลานกแก้วมาถึงแล้ว ก็มีวงศ์ปลาแมวว่ายเข้ามา ปลาชนิดนี้โตไม่เป็น มีหลังสีเขียวอ่อน ข้างลำตัวและท้องมีสีเงิน บนตัวมีเกล็ดทรงกลมแผ่นใหญ่แต่บาง แล้วก็ยังมีหางสีสดใส สวยงามมาก

วินนี่ยื่นมือออกไปอีกครั้ง แต่วงศ์ปลาแมวพวกนี้ฉลาดกว่ามาก เมื่อรู้สึกว่ามีสิ่งของเข้ามาใกล้ ก็รีบส่ายหัวสะบัดหางจากไปทันที เพื่อว่ายไปยังที่ที่ปลอดภัยแล้วหันหัวมามองฉินสือโอว

วงศ์ปลาแมวพวกนี้ก็คือปลาเศรษฐกิจที่เขาเพิ่งนำเข้ามาในฟาร์มปลา เป็นปลาที่ประมูลมาพร้อมกับปลาลิ้นหมามินิ เพื่อเตรียมจะนำไปทำปลากระป๋องในอนาคต

เนื้อของวงศ์ปลาแมวค่อนข้างละเอียด อุดมไปด้วยสารอาหาร มีทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็กและจุลธาตุจำพวกสังกะสี เป็นที่นิยมมากในทวีปเอเชีย ยุโรปและอเมริกา

แถบทวีปอเมริกาเหนือไม่มีร่องรอยของวงศ์ปลาแมว นี่เป็นปลาในเขตร้อนชนิดหนึ่งที่จำต้องมีอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสม ดีเอ็นเอของวงศ์ปลาแมวพวกนี้ได้ถูกเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะเป็นปลาที่มนุษย์พัฒนาขึ้น นำเข้ามาจากอเมริกาใต้ และสามารถอาศัยอยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือได้

จากนั้นก็มีปลาแซลมอนแปซิฟิกอีกหลายประเภทปรากฏตัวขึ้น วินนี่มองไปอย่างสนใจ ฉินสือโอวเกิดไอเดียขึ้นมา จึงเรียกเต่ามะเฟืองตัวใหญ่สองตัวที่อยู่ใกล้ๆ เข้ามาหา

เต่ามะเฟืองมีไอคิวที่เรียบง่าย พวกมันสามารถรับรู้ได้ถึงคำสั่งที่ค่อนข้างซับซ้อนของฉินสือโอว อย่างเช่นการว่ายมาวนไปรอบๆ สองรอบค่อยว่ายกลับไป ส่วนบอลหิมะกับบีนที่มีไอคิวสูงนั้น หากว่าพวกมันพูดได้แล้วล่ะก็ ความจริงสามารถคุยโต้ตอบกับฉินสือโอวได้เลย ไอคิวสูงถึงปานนั้น!

เต่ามะเฟืองว่ายเข้ามาอย่างโอ่อ่า ฉินสือโอวตบเบาๆ ไปที่สะโพกของวินนี่เพื่อเป็นความหมายว่าให้เธอขึ้นไปนั่ง วินนี่ยิ้มแล้วส่ายหัว ฉินสือโอวทำมือเป็นสัญลักษณ์ว่าโอเค แล้วเข้าไปจับเต่ามะเฟืองตัวหนึ่งไว้

หลังจากถูกเขาแตะแล้ว เต่ามะเฟืองก็หยุดขาทั้งสี่ที่กำลังเคลื่อนไหวลง ฉินสือโอวทำการจูงมันเหมือนกับจูงม้าไปข้างๆ วินนี่ ให้วินนี่ขึ้นไปนั่ง จากนั้นเขาก็ว่ายนำอยู่ข้างหน้า เต่ามะเฟืองตามอยู่ข้างหลัง ราวกับว่าได้กลายเป็นม้าตัวหนึ่งไปแล้วอย่างนั้น

เขาพาเต่ามะเฟืองว่ายไปวังคริสทัลเวอร์ชันป้อมปราการบนภูเขาที่เกิดจากการรวมตัวกันของแก้วทะเล ฉินสือโอวเปิดไฟฉายใต้น้ำที่เตรียมมา ทันใดนั้น แสงสีขาวบริสุทธิ์ราวกับหิมะอันเจิดจ้าก็ได้ส่องแสงออกมา และส่องเข้าไปในแก้วทะเลเป็นเส้นโค้งงอ

แก้วทะเลมีสีสันหลากหลาย แต่แสงที่กรองออกมาได้นั้นไม่เหมือนกัน แสงจ้าสีขาวจะส่องไสวอยู่ด้านบน ทำให้วังใต้น้ำนี้สว่างสวยงามเป็นที่สุด ส่วนสีแดงเหลืองเขียวและสีอื่นๆ ก็ทำการย้อมสีน้ำทะเลรอบๆ ให้มีสีสันขึ้นมา

ใบหน้าเรียวยาวของวินนี่ได้เต็มไปด้วยสีหน้าประหลาดใจสุดขีด เธอเผลออ้าปากทำให้ท่อออกซิเจนที่อยู่ในปากหลุดออกมา จนทำให้เกิดฟองอากาศจำนวนมากลอยออกมาในน้ำ แล้วก็ส่งเสียงบุ๋งๆ ออกไปทางผิวน้ำ

ฉินสือโอวรีบยัดท่อออกซิเจนให้เธอ แล้วจับมือเธอว่ายเข้าไปในวังคริสทัล

ความจริงจะเรียกว่าวังคริสทัลก็ไม่ได้ เพราะก็เป็นแค่การมากองรวมกันของแผ่นแก้วทะเลเท่านั้น แต่สำหรับคนที่เพิ่งเคยดำน้ำครั้งแรกแล้ว ภาพแบบนี้คือภาพที่ทำให้ใจเต้นได้รัวๆ อย่างไม่ต้องสงสัยเลย

วินนี่ที่ถูกฉินสือโอวจูงมือไว้เหมือนกับซินเดอเรลลาที่เพิ่งเข้าไปในวังไม่มีผิด แม้ว่าวังคริสทัลจะมีพื้นที่เล็กมาก แต่เธอก็ยังว่ายวนอยู่ข้างในเป็นเวลาพักหนึ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื้นตันใจ

ฉินสือโอวเปลี่ยนกำลังไฟของไฟฉายในมือไม่หยุด การที่แสงส่องประกายแบบนี้ ทำให้เกิดการหักเหแสงของแก้วทะเลและน้ำทะเลทำให้เกิดเป็นแสงสีสันหลากหลายออกมา ทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยสีสันของโลกแห่งความฝัน

รอจนวินนี่ได้สติกลับมาแล้ว ฉินสือโอวก็หยุดนิ่งอยู่กับที่ คุกเข่าข้างหนึ่งในท้องทะเล มือขวากุมมือของวินนี่ไว้ เงยหน้ามองเธอแล้วหยิบกล่องแหวนออกมาจากกระเป๋าคาดเอว ทำท่าขอแต่งงานออกมา

ทุกอย่างได้ถูกแสดงออกมาโดยไม่มีคำพูด วินนี่เข้าใจความหมายของเขา จึงรับกล่องแหวนมาจากเขา เธอโน้มตัวลงดึงมือเขาขึ้นมา จากนั้นก็ใช้หน้าผากแตะไปที่หน้าผากเขา สายตาที่อ่อนโยนและหวานแหววนั้น ราวกับว่าจะละลายไปในน้ำเลย

ฉินสือโอวบรรลุเป้าหมายแล้ว จึงพาวินนี่ว่ายออกไปข้างนอก วังคริสทัลมีทางออกทะลุไปข้างนอกได้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ด้านหลังก็คือแนวปะการังเจ็ดสี ทำให้สามารถนำความตื่นใจตระการตาแบบใหญ่โตให้กับวินนี่ได้อีก

วินนี่กำลังชื่นชมแนวปะการังที่สวยงามอยู่ ตอนนี้บอลหิมะที่มีผิวพรรณดั่งหินหยกก็ว่ายออกมาจากส่วนลึกของแนวปะการัง มีไอซ์ สเกตที่น่าเกรงขามและบีนที่หน้าตาซื่อๆ ตามมาอยู่ข้างหลัง พวกมันเห็นฉินสือโอวกับวินนี่แล้ว จึงรีบว่ายเข้ามาหา

ฉินสือโอวเข้าไปลูบเจ้าตัวน้อยสามตัว ตอนนี้การรับรู้ความรู้สึกของเขาต่อเจ้าสามตัวแข็งแกร่งขึ้นมาก ก่อนหน้านี้เขาสามารถรู้สึกได้แค่ว่าทั้งสามตัวฉลาด แต่หลังจากพลังแข็งแกร่งขึ้นแล้ว เขาสามารถแบ่งแยกได้เลย ว่าในบรรดาเจ้าสามตัวนี้ตัวที่ฉลาดที่สุดคือบีนโลมาปากขวด ต่อมาก็บอลหิมะ และต่อมาก็คือไอซ์สเกต

…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท