ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1348 โรงอาบน้ำพุร้อน

บทที่ 1348 โรงอาบน้ำพุร้อน

หลังจากจัดการเรื่องของนายทหารเก่าเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็รีบกลับไปที่เกาะแฟร์เวลทันที เขาต้องจัดการเตรียมงานแต่งงานแล้ว เดือนหน้าก็จะถึงงานวันแต่งงานครั้งใหญ่ของเขาแล้ว

เดิมทีพอถึงเดือนสิงหาคมฟาร์มปลาก็จะเริ่มก่อสร้างสวนดอกไม้ได้แล้ว อันเดร์นักออกแบบสวนรายใหญ่ช่วยเขาติดต่อผู้จัดจำหน่ายวัสดุอุปกรณ์ ทีมก่อสร้างของวิลที่ฉินสือโอวจ้างมาก็เตรียมพร้อมสำหรับการทำงานอยู่ตลอดเวลา

แต่ฉินสือโอวก็คิดใคร่ครวญได้ว่าเขากำลังจะจัดงานแต่งงานแล้ว อีกทั้งการสร้างสวนดอกไม้ก็เป็นงานระยะยาว ตั้งแต่การซ่อมแซมพื้นผิวดินให้เรียบร้อยก่อน มีพื้นที่บางส่วนที่คุณภาพดินไม่ดี และยังต้องขนดินมาเพิ่ม ทำให้อย่างน้อยๆ ก็ต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งถึงจะสามารถสร้างเค้าโครงขึ้นมาได้ ซึ่งในระหว่างนั้นจะทำให้ฟาร์มปลาเละเทะไม่เป็นระเบียบ เขาจึงยังไม่ให้เริ่มการก่อสร้าง

แต่ว่าในตอนนี้เขาสามารถบุกเบิกบ่อน้ำร้อนได้แล้ว ในที่สุดการเคลื่อนไหวของหินหนืดใต้ทะเลก็เข้าสู่ช่วงพักตัว ระดับอุณหภูมิในบ่อน้ำร้อนของฟาร์มปลาจึงคืนสมดุลและกลับเข้าสู่สภาวะปกติแล้ว เมื่อฉินสือโอวลองตรวจวัดดูก็พบว่าระดับอุณหภูมิผันผวนไปมาอยู่ระหว่างสี่สิบห้าถึงห้าสิบองศา

เนื่องจากการเคลื่อนไหวของหินหนืด อุณหภูมิของน้ำจะเปลี่ยนแปลงอยู่เป็นประจำ และบางครั้งอาจสูงถึงห้าสิบหกสิบองศา แต่บางครั้งก็ลดลงถึง 20 องศากว่าๆ ทำให้ไม่กล้าเริ่มการก่อสร้างในบ่อน้ำร้อนตามอำเภอใจ หากหินหนืดไหลทะลักขึ้นมาสถานการณ์คงจะย่ำแย่มากแน่ๆ

ได้แปลนร่างของบ่อน้ำร้อนมาตั้งนานแล้ว ฉินสือโอวรอที่จะเริ่มการก่อสร้างมาเป็นปีๆ นี่ทำให้เขาร้อนใจพอดูทีเดียว

พอเขาโทรไปหาวิล วิลก็บอกเขาว่าสามารถเริ่มงานได้ทันที หลังจากนั้นก็ส่งแปลนก่อสร้างมาให้เขาอีกครั้ง เพื่อให้เขาทำการยืนยันเป็นครั้งสุดท้าย หากไม่มีปัญหาอะไรก็จะเริ่มงานตามนี้เลย

เวลาว่างในช่วงนั้นก็มีค่าเหมือนกัน วิลปรับปรุงการออกแบบบ่อน้ำร้อนของฟาร์มปลาให้ใหม่อีกครั้ง ที่ฟาร์มปลาบ่อน้ำร้อนสองบ่อแบ่งเป็นบ่อเล็กและบ่อใหญ่ เขาแนะนำว่าให้ใช้การตกแต่งสองสไตล์ สไตล์แรกเป็นแบบเรือกสวนตามธรรมชาติ ส่วนอีกบ่อให้ตกแต่งด้วยสไตล์สปอร์ตแบบทันสมัย

ฉินสือโอวลองศึกษาดูแล้วก็รู้สึกว่าใช้การตกแต่งสองสไตล์ก็ดีเหมือนกัน เขาจ่ายเงินทุนครึ่งหนึ่งให้วิลล่วงหน้าเป็นเงินจำนวน 220,000 ดอลลาร์แคนาดา แล้วบอกให้เขาดำเนินการสร้างบ่อน้ำพุร้อนโดยเร็ว

วิลรู้วันเวลาที่เขาจะจัดงานแต่งงาน จึงได้รับปากกับเขาว่า “วางใจได้เลยนะ ฉิน ตอนนี่เพิ่งจะต้นเดือนกันยายน ใช้เวลาแค่สองอาทิตย์ครึ่ง ฉันก็จะสร้างโรงอาบน้ำร้อนของนายทั้งสองหลังจนเสร็จแล้วล่ะ”

เขาเป็นคนพูดคำไหนคำนั้น วันต่อมาเขาก็พาวิศวกรมาทำการวัดแล้ว ต่อจากนั้นพอคนงานมาถึงก็เริ่มดำเนินการก่อสร้างบ่อน้ำร้อนทั้งสองบ่อเลยทันที

เนื่องจากหลายวันมานี้อุณหภูมิน้ำไม่คงที่ พอฉินสือโอวไม่ได้ไปแช่น้ำร้อน บ่อน้ำร้อนแห่งนี้เลยกลายเป็นรังของนกจมูกหลอดหางสั้นไปเสียแล้ว บริเวณรอบๆ เต็มไปด้วยขนนกและขี้นก ตอนที่ไปดูวิลตกใจมาก เขาจึงพูดขึ้นมาว่า “ชิท ฉิน นายทำการทารุณกรรมนกที่นี่หรือยังไงกัน?”

หลังจากที่คนงานสูบน้ำออกจนแห้ง ก็พบว่าใต้บ่อน้ำร้อนยังมีไข่นกจมูกหลอดหางสั้นอยู่อีกไม่น้อยเลย ลองนับดูคร่าวๆ แค่บ่อน้ำร้อนบ่อใหญ่บ่อเดียวก็งมไข่นกขึ้นมาได้มากกว่าร้อยฟอง เห็นได้ชัดว่าพวกนกจมูกหลอดหางสั้นพากันออกไข่ไว้ที่นี่…

วิลนำทีมก่อสร้างดำเนินงานตลอดทั้งวันทั้งคืนด้วยความเร่งรีบ ใช้เวลาแค่สองสัปดาห์ก็สร้างโรงอาบน้ำร้อนได้เสร็จสมบูรณ์แล้ว

ในระหว่างขั้นตอนการดำเนินการก่อสร้าง สิ่งที่ขั้นตอนที่ต้องใช้เวลามากที่สุดก็คือการขยายบ่อน้ำพุร้อนให้กว้างขึ้น เดิมทีบ่อน้ำพุร้อนทั้งสองบ่อมีเนื้อที่เพียงไม่กี่สิบตารางเมตร แต่หลังจากขยายให้กว้างขึ้นแล้ว บ่อน้ำร้อนบ่อใหญ่ก็มีเนื้อที่กว้างขึ้นถึง 250 ตารางเมตรและตกแต่งด้วยสไตล์ธรรมชาติ ส่วนบ่อเล็กมีเนื้อที่ 150 ตารางเมตร ถูกตกแต่งให้เป็นสไตล์สปอร์ตแบบทันสมัย

พวกเขาไม่กล้าทำการก่อสร้างตรงบริเวณด้านหน้าบ่อก็เพราะกลัวว่าจะเกิดปัญหาขึ้นในระหว่างที่กำลังขยายบ่อ ถ้าหินหนืดไหลทะลักออกมาคงดูไม่จืดเลยล่ะคราวนี้

โรงอาบน้ำร้อนสไตล์ธรรมชาติถูกสร้างขึ้นอย่างค่อนข้างเรียบง่าย บ่อน้ำร้อนถูกแบ่งออกเป็นบ่อใหญ่ขนาด 100 ตารางเมตรสองบ่อ และขนาดเล็ก 25 ตารางเมตรอีกสองบ่อ โดยใช้กระจกนิรภัยกั้นให้แยกจากกัน เมื่อมองจากผิวน้ำจะยังคงเป็นบ่อหนึ่งบ่อ แต่ที่จริงแล้วถูกแบ่งออกเป็นสี่ส่วน

สาเหตุที่ต้องกั้นบ่อให้กลายเป็นสี่ส่วนก็เพื่อที่จะทำให้บ่อน้ำร้อนมีฟังก์ชันการใช้งานที่มากยิ่งขึ้น พวกเขาเติมสารคอปเปอร์ซัลเฟตลงไปในบ่อใหญ่บ่อหนึ่ง น้ำในบ่อจึงกลายเป็นสีเทอร์ควอยซ์ใส เติมบ่อใหญ่อีกบ่อด้วยไอรอนซัลเฟต น้ำในบ่อจึงกลายเป็นสีแดงสวย ส่วนบ่อเล็กทั้งสองบ่อก็มีลักษณะเฉพาะตัวเช่นกัน

เมื่อเป็นเช่นนี้เวลาแช่น้ำร้อนในแต่ละบ่อ ก็จะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกัน

บริเวณรอบๆ บ่อน้ำร้อนถูกโอบล้อมด้วยหินปูน และปลูกพืชจำพวกเถาวัลย์ไว้บนก้อนหิน พืชที่ปลูกไว้ก็จะเติบโตไปตามหินก้อนต่างๆ ล้อมรอบบ่อน้ำไว้จนทั่วบริเวณ เมื่อถึงตอนที่ดอกไม้บานทั่วทั้งโรงอาบน้ำก็จะถูกตกแต่งอย่างสวยงามเกินคำบรรยาย

นอกจากนี้ ยังเคลื่อนย้ายต้นไม้มาเพื่อตกแต่งภูมิทัศน์รอบๆ บ่อน้ำร้อน ต้นไม้พวกนี้ไม่ใช่ของจริง แต่เป็นต้นไม้ที่ทำมาจากพลาสติก พวกมันกลายเป็นโครงสำหรับการยึดเหนี่ยว มีชั้นของพลาสติกสังเคราะห์ที่มีความโปร่งใสสูงซึ่งปกคลุมบ่อน้ำพุร้อนไว้เสมือนเป็นหลังคา แบบนี้ต่อให้ฝนหรือหิมะตกก็สามารถแช่น้ำร้อนได้

โรงอาบน้ำแห่งนี้ยังเชื่อมต่อกับศาลาเก๋งจีนหลังหนึ่ง ซึ่งจริงๆ แล้วก็คือห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าและห้องนั่งเล่นที่ถูกทำขึ้นมาเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกในการแช่บ่อน้ำร้อนนั่นเอง

โรงอาบน้ำร้อนอีกหลังหนึ่งถูกสร้างขึ้นและตกแต่งด้วยสไตล์สปอร์ตทันสมัย ทีมก่อสร้างขุดขยายสระว่ายน้ำให้มีรูปร่างเหมือนไวโอลิน บริเวณรอบๆ ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบที่มีความละเอียดสวยงาม ทั้งยังวางเก้าอี้เอนหลังไว้ในน้ำ เพื่อเติมเต็มกลิ่นอายของความทันสมัย

หลังจากสร้างโรงอาบน้ำทั้งสองหลังเสร็จแล้ว ฉินสือโอวก็ลองเข้าไปด้านใน กลิ่นกำมะถันเข้มข้นแพร่กระจายอยู่ในอากาศอย่างหนาแน่น เมื่อสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็เริ่มร้อนขึ้น

แบบนี้ค่อนข้างน่าเป็นห่วงอยู่เหมือนกัน เขาจึงถามขึ้นมาว่า “ก๊าซพวกนี้จะไม่เป็นปัญหาใช่ไหม?”

วิลตอบเขาด้วยความมั่นใจว่า “ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน ฉิน บ่อน้ำร้อนของนายเกิดจากภูเขาไฟ ต้องมีกลิ่นกำมะถันเจือปนอยู่ในอากาศอยู่แล้ว โดยเฉพาะการที่ฉันขุดขยายมันให้กว้างขึ้นก็จะยิ่งทำให้ก๊าซกำมะถันถูกปล่อยออกมามากยิ่งขึ้น”

พวกเขาทั้งสองคนเปลือยกายแล้วลงไปนั่งแช่น้ำร้อน ฉินสือโอวที่กำลังเพลิดเพลินกับน้ำแร่อุ่นๆ ก็พูดขึ้นมาว่า “ชิท คุ้มกับเงินที่เสียไปจริงๆ แต่ว่านะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกแปลกๆ ก็ไม่รู้”

วิลครุ่นคิดอยู่สักครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า “ฉิน ฉันว่าตอนนี้ไม่ใช้โอกาสที่ดีในการแช่น้ำร้อน ไม่อย่างนั้นพวกเราพากันขึ้นจากน้ำก่อนดีกว่าไหม? แช่น้ำร้อนตอนอากาศหนาวกว่านี้น่าจะดีกว่า ผ่านไปอีกเดือนหนึ่งก็จะเป็นช่วงงานแต่งงานของนายพอดี ถึงตอนนั้นก็เป็นช่วงที่เหมาะกับการแช่บ่อน้ำร้อนแล้ว”

ฉินสือโอวก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้น ตอนนี้มันยังร้อนเกินไปหน่อย วันที่อากาศร้อนอบอ้าวแบบนี้ควรจะตากแอร์แทนที่จะมาแช่บ่อน้ำร้อนใช่ไหมล่ะ?

แต่จะว่าไปแล้วโรงอาบน้ำทั้งสองหลังก็สร้างขึ้นมาได้อย่างสวยงามจริงๆ ซึ่งนี่ทำให้เขามีความสุขมาก เขาจ่ายเงินส่วนที่เหลือให้กับวิลอย่างสบายๆ และแถมยังให้ทิปเขาเพิ่มอีกสองพันดอลลาร์

วิลจูบเช็คเงินสดใบนั้น แล้วพูดกับเขาว่า “เจ๋งเลย เพื่อน นี่แหละคือเหตุผลที่ฉันชอบทำงานให้นาย เออขอถามอะไรหน่อยสิ ช่วงนี้ในเมืองมีงานอะไรบ้างหรือเปล่า? อย่าลืมส่งให้ฉันเป็นคนทำนะ ฉิน ส่งมาให้วิลเพื่อนนายคนนี้”

ฉินสือโอวชนกำปั้นกับเขาแล้วพูดอย่างยิ้มๆ “วางใจเถอะ งานในเมืองนี้เป็นของนายทั้งหมดนั่นล่ะ”

ขณะที่กำลังจะเดินไปส่งวิล ที่หน้าประตูทางเข้าฟาร์มปลาก็มีคนมาพอดี คนที่มาเป็นคู่หนุ่มสาวสามีกับภรรยา ผู้ชายสะพายกระเป๋าหนึ่งใบ ส่วนผู้หญิงก็อุ้มลูกเอาไว้ทั้งสองคนกำลังจะเดินเข้ามาในฟาร์มปลา

ฉินสือโอวกำลังจะถามว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่ ทว่าชายคนนั้นก็โบกมือให้เขาด้วยท่าทางดีใจเสียก่อน แล้วหลังจากนั้นก็พูดกับเขาว่า “ไฮ ไฮ คุณฉินใช่ไหมครับ? คุณคือฉินแน่ๆ”

ฉินสือโอวจับมือทักทายกันกับเขา แล้วลองถามหยั่งเชิงว่า “พวกคุณมาหาผมเหรอครับ?”

ชายคนนั้นใช้มือทั้งสองข้างกุมมือเขาอย่างแรง ราวกับว่าได้พบกับผู้นำประเทศไม่มีผิด “ใช่แล้วครับ คุณฉิน พวกเรามาหาคุณแล้วก็มาขอบคุณคุณด้วย”

วิลพูดหยอกเขาว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย ฉิน งั้นฉันไปก่อนแล้วกันนะ ฉันนึกว่านายจะเจอเรื่องวุ่นวายแล้วเสียอีก ก็ว่าจะมาช่วยนายพอดี นายก็รู้นี่เพื่อน ว่าฉันน่ะเกิดในครอบครัวผู้รับเหมาก่อสร้าง เลยมีแรงเยอะเหลือเฟือเลย”

ฉินสือโอวยิ้มพร้อมกับโบกมือให้เขาเพื่อบอกเป็นนัยว่าให้วิลกลับไปได้แล้ว หลังจากนั้นเขาก็หันกลับไปถามสองคนนั้นว่า “พวกคุณมาขอบคุณผมเหรอ? ขอบคุณเรื่องอะไรกัน?”

……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท