ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1384 ไม่มีเงินรางวัล

บทที่ 1384 ไม่มีเงินรางวัล

คนกลุ่มหนึ่งเดินไปดูตามเสียงและสิ่งที่เห็นก็คือใบหน้าที่ยิ้มแย้มของบูล ฉินสือโอวจึงถอนหายใจและพูดว่า “นี่บูล หยุดทำตัวแบ๊วได้แล้ว ตอนนี้ทุกคนรู้สึกอึดอัดและไม่มีอารมณ์ที่จะมาล้อเล่นกับนายนะ”

บูลพูดอย่างระมัดระวังว่า “ผมเข้าใจแล้วกัปตัน ผมก็เสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเหมือนกัน คุณไม่สามารถเข้าใจความเศร้าโศกในใจของผมตอนนี้ได้หรอก ตั้งแต่พ่อผมจากไป ผมไม่เคยเศร้าแบบนี้อีกเลย…”

ฉินสือโอวจ้องไปที่เขา ไอ้บ้านี่ล้อตัวเองเล่นเหรอไง?

เดาว่าบูลคงสังเกตเห็นว่าตัวเองพูดเกินจริงมากเกินไป จึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “กัปตันก็เป็นซะอย่างนี้ คุณก็รู้ว่าสนามหญ้าหน้าบ้านผมก็ปลูกแตงกวา แล้วเมล็ดพันธุ์ก็เอามาจากคุณด้วยไม่ใช่เหรอ? ขอบอกเลยนะกัปตันว่าแตงกวาของคุณรสชาติดีมาก…”

“เข้าเรื่องเถอะ!” ฉินสือโอวถอนหายใจพร้อมกับพูดไปด้วย บูลทำให้เขากังวลจนจะบ้าตายแล้ว คนที่เป็นพ่อคนแล้ว ทำไมถึงยังทำตัวเชื่อถือไม่ได้แบบนี้นะ?

แตงกวาก็คือแตงกวา เพียงแต่แค่เรียกไม่เหมือนกันเท่านั้น ถึงแม้จะเป็นพันธุ์เดียวกัน แต่ถ้าออกเสียงเป็นภาษาอังกฤษ จริงๆ แล้วจะแปลได้เป็น ‘แตงกวา’ คำนี้

“อย่างไรก็ตามสวนของผมก็ปลูกแตงกวาไว้แถวหนึ่ง พวกมันโตจนมีขนาดใหญ่มาก แตงกวาลูกที่ใหญ่ที่สุดที่ผมเคยวัดมามีความยาวถึง สี่สิบสี่จุดห้านิ้ว! แต่แอนนี่เคยค้นหาฐานข้อมูลทั้งหมดของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดทางออนไลน์ดูแล้วและสถิติที่ยาวที่สุดอยู่ที่สี่สิบเอ็ดจุดห้านิ้ว” บูลกล่าว

ฉินสือโอวยิ้มอย่างมีเลศนัยแล้วพูดว่า “ใครจะไปรู้ว่าฐานข้อมูลนี้บันทึกไว้ตั้งแต่เมื่อไร?”

เคลลียิ้มและพูดว่า “แตงกวากับฟักทองไม่เหมือนกันนะ รายงานบันทึกของผักชนิดนี้มีไม่มาก ดังนั้นสถิตินั้นจึงมีประโยชน์ ฐานข้อมูลของเรามีความล่าช้าถึงเจ็ดวัน เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการการตรวจสอบและอนุมัติ แต่ผมรับรองได้ว่าสถิติของแตงกวาไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”

บูลพูดอย่างตื่นเต้นว่า “แล้วจะยังลังเลอะไรอยู่ล่ะ? ไปเถอะ รีบไปดูที่บ้านผมกัน”

วิลล่าของบูลก็อยู่ในฟาร์มปลาแกธเธอริงเช่นกัน ตอนนี้มีวิลล่าสองหลังในฟาร์มปลา หลังแรกเป็นของบูลและอีกหลังเป็นของโอดอม ฉินสือโอวขอบคุณคุณหมอสุดหล่อที่คอยช่วยเหลือเมืองเล็กๆ แห่งนี้ด้วยการสร้างวิลล่าให้กับเขา

บูลและแอนนี่เริ่มปลูกในพื้นที่เล็กๆ ในสนามหญ้าหน้าวิลล่า เดิมทีพวกเขาต้องการจะปลูกผักเป็นจำนวนมาก แต่เนื่องจากแอนนี่มีลูก จึงทำให้ไม่มีเวลาจัดการดูแลพวกมัน จึงทำได้แค่ปลูกแตงกวาที่เธอชอบกิน

วิธีการปลูกแตงกวาที่ฉินสือโอวใช้แบ่งออกเป็นสองวิธี วิธีแรกคือการปล่อยให้เลื้อยและโตขึ้นจากดิน อีกวิธีหนึ่งคือปลูกบนโครงไม้ ซึ่งวิธีที่บูลใช้คือวิธีที่สอง เพราะสามารถเก็บกินโดยตรงได้

ภายใต้การนำทางของบูล กลุ่มคนจึงเริ่มจัดการและทำตามกันมากขึ้น

แอนนี่กำลังยุ่งอยู่ในสวนแตงกวา บูลน้อยตัวอ้วนก็กำลังคลานอยู่บนสนามหญ้าด้วยตัวเอง เจ้าเด็กคนนี้อายุเยอะกว่าเถียนกวาสองเดือน แต่พัฒนาการกลับช้ากว่าเถียนกวา เขาเพิ่งจะคลานได้แต่เถียนกวากลับเดินได้แล้ว

เมื่อเห็นกลุ่มคนกำลังเดินมาที่บ้านของตัวเอง บูลน้อยก็ตกใจ เขาใช้มือและเท้าคลานลงไปในสวนผักพร้อมกับกรีดร้อง แต่เขาอ้วนเกินไป พอคลานเร็วเกินไปจึงทำให้หกล้มและกลิ้งลงไปได้…

“เด็กคนนี้นี่แข็งแรงจริงๆ” เคลลีพูดชื่นชม

ฉินสือโอวหัวเราะและพูดว่า “ผมขอถามหน่อย พวกคุณมีสถิติโลกเรื่องน้ำหนักของเด็กทารกหรือยัง? ผมรู้สึกว่าเด็กคนนี้ก็สามารถสร้างสถิติได้นะ”

เคลลียักไหล่พร้อมพูดว่า “ขออภัยด้วย สถิตินี้ยังไม่มีจริงๆ”

สวนผักเล็กๆ ที่มีพื้นที่ไม่ใหญ่มากนักก็มีกลุ่มคนเข้ามาล้อมรอบ มองเข้าไปข้างในจะมีแตงกวาลูกใหญ่และยาวห้อยอยู่บนเถาวัลย์เป็นจำนวนมาก

ฮิวจ์คนน้องมองแตงกวาขนาดใหญ่เหล่านี้แล้วอุทานว่า “โอ้ ให้ตายเถอะ แตงกวาพวกนี้ลูกใหญ่มากจริงๆ มา มาถ่ายรูปให้ฉันหน่อย ฉันต้องการโพสต์บนทวิตเตอร์ให้สาวๆ เข้ามาดู ความสุขของพวกเธอจะได้อยู่ในมือฉัน”

“พระเจ้า ฮิวจ์คนน้อง ระวังปากหน่อยเถอะ” มีคนพูดอย่างไม่พอใจ “ที่นี่มีเด็กๆ อยู่นะ”

กอร์ดอนและเด็กวัยรุ่นคนอื่นๆ ต่างพากันมองฮิวจ์คนน้องด้วยความดูถูกและทำปากตามทีละคน ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ ให้ตายเถอะ!

แตงกวาที่นี่มีขนาดยาวมากจนฉินสือโอวคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่าแอนนี่ภรรยาของบูลต้องชอบกินแตงกวาในฟาร์มปลาแน่นอน ดังนั้นเมื่อปีที่แล้วบูลจึงตั้งใจมาขอเมล็ดไปปลูกเอง

แอนนี่เป็นผู้หญิงที่ดีมาก เธอเป็นผู้หญิงที่สนิทกับวินนี่ที่สุดในเมืองนี้ ดังนั้นฉินสือโอวจึงถ่ายทอดพลังโพไซดอนของฟักทองให้ในช่วงที่ฝนตกในปีนี้ จึงยิ่งทำให้แตงกวาของบูลที่ได้รับพลังไปเพื่อรักษารสชาติให้ดีเหมือนกับในสวนผัก

แต่แตงกวาในสวนผักของฟาร์มปลาไม่ได้เติบโตเท่าของเขา อาจเป็นเพราะว่ามีแตงกวาที่ปลูกบนพื้นที่นี้มีเพียงแค่บางส่วนเท่านั้น แต่แตงกวาในฟาร์มปลาจะปลูกอยู่ระหว่างกองผัก ซึ่งจะทำให้สารอาหารในดินกระจายได้ไปทั่ว

แตงกวาที่ยาวที่สุดอยู่ส่วนบนของสวนผัก มันห้อยอยู่ตรงนั้นซึ่งมีความยาวกว่าหนึ่งเมตร ดูเหมือนกับกระบองฟันหมาป่า ที่ทั้งยาวทั้งหนาและยังมีสีเขียวสดอีกด้วย ดูแล้วรสชาติคงจะดีไม่น้อย

เคลลีทำการวัดอยู่ครู่หนึ่ง แตงกวาลูกนี้มีความยาวสี่สิบหกนิ้ว ซึ่งเท่ากับหนึ่งร้อยสิบเจ็ดเซนติเมตร!

เมื่อเห็นข้อมูลการวัดแล้ว บูลจึงก็ยิ้มอย่างมีความสุขแล้วพูดว่า “ว้าว เยี่ยมมาก ผ่านไปแค่ไม่กี่วันก็ยาวขึ้นมาอีกหน่อยแล้ว”

“นี่มันยาวมากจริงๆ” ชาร์คร้องอุทาน “บูล คิดไม่ถึงว่านายจะมีฝีมือในด้านนี้ นายปลูกได้อย่างไร?”

คราวนี้ก็มาถึงการแสดงของบูลแล้ว เขาแสร้งทำเป็นเชี่ยวชาญแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องที่ซับซ้อนมาก พูดแล้วมันจะยาว…”

“ถ้าอย่างนั้นก็พูดให้มันสั้นๆ สิ” ฉินสือโอวทำท่าทางอย่างเสแสร้งไม่เป็น

บูลที่มีความซื่อสัตย์มากจึงพูดว่า “เอาล่ะ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะแอนนี่เป็นคนดูแลสวนผักนี้ด้วยตัวเองและเธอก็ยังบอกผมว่าที่นี่มีแตงกวาลูกใหญ่แบบนี้อยู่ลูกหนึ่ง”

ทันใดนั้นผู้คนก็เข้าใจทันที จากนั้นก็มองไปที่แอนนี่ด้วยสายตาแปลกๆ

แอนนี่เป็นผู้หญิงเงียบๆ ค่อนข้างเก็บตัว เมื่อทุกคนมองด้วยสายตาแบบนี้เธอจึงรู้สึกอาย จึงอุ้มลูกชายขึ้นมาและแกล้งทำเป็นหยอกล้อเขา วินนี่จึงแก้หน้าให้เธอ วินนี่จ้องไปที่ทุกคนด้วยสายตาดุร้ายแล้วพูดว่า “มองอะไรกัน? ถ้ายังมองฉันกับแอนนี่อีกจะให้ภรรยาของพวกคุณจัดการ!”

ชาวเมืองจึงหัวเราะขึ้นมาทันทีและค่อยๆ ละสายตาจากวินนี่ คราวนี้จึงหันมาจ้องที่ฉินสือโอวแทน

ฉินสือโอวแอบถอนหายใจ เขาถูกความคิดอันบริสุทธิ์และงดงามของวินนี่หลอกเข้าแล้ว หลังจากแต่งงานกันลักษณะท่าทางแบบนี้ก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาไม่สามารถตอบสนองอะไรได้

เคลลีตรวจสอบฐานข้อมูล จากนั้นก็จับมือกับบูลและแอนนี่แล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “ขอแสดงความยินดีกับพวกคุณด้วย ใช่แล้ว พวกคุณสร้างสถิติโลกได้สำเร็จ แต่พวกคุณยังไม่ได้ส่งเอกสารการสมัครมา ดังนั้นผมจึงยังไม่สามารถยืนยันให้พวกคุณได้ พวกคุณต้องทำสำเนาเพิ่มหนึ่งฉบับ”

แซนเดอร์สคุ้นเคยกับการทำสิ่งนี้ดี เขาจึงพูดทักขึ้นมาว่า “เรื่องนี้ให้ผมจัดการเถอะบูล คุณแค่ดูแลแตงกวาของคุณให้ดีก็พอแล้ว หลังจากผมได้ข้อมูลมาเพิ่มแล้ว แตงลูกนี้ก็จะยิ่งใหญ่โตมากขึ้น”

บูลพยักหน้าด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็ถามเคลลีว่าเงินรางวัลนี้เท่าไร เคลลียักไหล่พร้อมพูดว่าเสียดายที่สิ่งนี้ไม่มีรางวัล…

ฉินสือโอวหัวเราะดังขึ้น ตอนแรกที่ประกาศสถิติโลกกาวชีวภาพเขาก็คิดว่าจะมีรางวัล แต่สุดท้ายก็ไม่มี มีแค่เพียงใบรับรองหนึ่งฉบับเท่านั้น

แต่สำหรับกาวชีวภาพนี้ ส่งผลอย่างมากต่อสถิติโลก กล่าวคือมันสามารถเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเองได้และทำให้ขายได้ในราคาดีอีกด้วย

แต่สำหรับแตงกวาลูกนี้? ฉินสือโอวไม่คิดว่าสถิติของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดจะช่วยเพิ่มมูลค่าอะไรให้กับตัวมันได้

………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน