หลังจากตื่นนอนในวันรุ่งขึ้น ฉินสือโอวก็วิ่งหอบไปรอบๆ ชายหาดและเห็นชาร์คที่กำลังชกมวยอยู่ก็มองเขาด้วยสายตาแปลกๆ จากนั้นก็ส่ายหัวไปมา เขาวิ่งไปต่ออีกจนพบกับนีลเซ็นที่กำลังออกกำลังกายในตอนเช้าอยู่ก็มองไปที่เขาและส่ายหัวอีกเช่นเดียวกัน
นี่ทำให้ฉินสือโอวแปลกใจมากจึงถามว่า “อะไร มีอะไรบนหน้าฉันเหรอ?”
นีลเซ็นมองหน้าคนอื่นๆ พร้อมกับส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่นะบอส เมื่อคืนคุณทำงานหนักใช่ไหม?”
“ได้ยินมาว่าถึงกับต้องเรียกหมอโอโดมมาเลยเหรอ? มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“ฉันกล้าพนันเลยว่าบอสต้องหมดแรงแน่ๆ”
“ให้ตายเถอะ!” ฉินสือโอวสบถคำด่าออกมา “ฉันแค่ฝันร้าย วินนี่ตกใจไปหน่อย ดูเหมือนว่าตอนนี้ฉันคงจะไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ?”
เมื่อคืนเขาใช้พลังโพไซดอนมากเกินไป วินนี่จึงตกใจเหมือนกับที่ลูกน้องกลุ่มนี้เป็น คิดว่าก่อนหน้านี้เธอคงจะเหนื่อยจึงไม่พูดอะไรเลยสักคำและรีบโทรศัพท์หาโอดอมให้มาหาก่อน
โอดอมตรวจเขาสักพัก คำตอบก็คือเขาหมดแรง ต้องให้กินกลูโคสสองรอบ จากนั้นก็กลับไปด้วยสีหน้าที่มีเลศนัย
แต่จริงๆ แล้วเขาไม่ได้เป็นอะไร หลังจากดื่มของกลูโคสเข้าไปแล้วก็รู้สึกปกติและนอนหลับพักผ่อน ตอนนี้เขาก็กลับมาเป็นฉินสือโอวที่แข็งแรงอีกครั้งแล้ว
แต่เห็นได้ชัดว่านีลเซ็นไม่คิดอย่างนั้น หลังจากได้ยินปัญหาของเขา ชายคนนี้ก็สังเกตดูอย่างละเอียดอยู่พักหนึ่งแล้วส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “ไม่บอส คุณดูเหนื่อยมากต้องพักผ่อนนะ โดยเฉพาะเอวของคุณต้องพักให้มากๆ”
เมื่อเห็นสีอันชั่วร้ายของลูกน้องเหล่านี้แล้ว ฉินสือโอวก็เงียบลง เพราะถ้าพูดคุยปรึกษาปัญหานี้ต่อก็คงไม่มีประโยชน์อะไร วิธีที่ชาญฉลาดก็คือการเปลี่ยนเรื่องพูด
ดังนั้น เขาจึงตบไหล่นีลเซ็นเบาๆ และพูดว่า “บางทีนะ นีลเซ็นเชื่อฉันเถอะ อย่าเพิ่งรีบแต่งงานกับแพรีสเลย เว้นไปอีกสักไปอีกสองปีเถอะแล้วนายจะมีความสุขมากขึ้น การแต่งงานก็คือหลุมฝังศพของความรัก!”
แบล็คไนฟ์และคนอื่นๆ มองไปที่เขาด้วยความเห็นอกเห็นใจและพูดว่า “บอส เชิญคุณนอนลงได้ตามสบาย โลงศพข้างๆ ผมยังมีที่ว่าง ต้องการมาอยู่ด้วยกันไหม?”
“พวกนายอย่าทำให้ฉันกลัวสิ แพรีสกับฉันจัดเตรียมงานหมั้นแล้ว” นีลเซ็นพูดด้วยความหวาดกลัว
ฉินสือโอวพูดปลอบเขา “ไม่เป็นไร บางทีชีวิตของนายอาจจะดีก็ได้ แพรีสที่นายเจอคงจะไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาๆ” ในขณะที่พูดอยู่เขาก็พยักหน้าให้แบล็คไนฟ์ “เก็บที่ว่างข้างๆ นายไว้ให้นีลเซ็นแล้วกัน ส่วนฉันจะหาที่ของตัวเองเอง”
นีลเซ็น “…”
และก็เป็นไปตามที่เขาต้องการ ลูกน้องรูปร่างกำยำกลุ่มหนึ่งก็เริ่มพูดคุยกันเรื่องการแต่งงานที่ไม่มีความสุขของพวกเขา
“ก่อนที่จะแต่งงาน ก็เป็นนางฟ้า ทำให้หวงแหนเธอเป็นอย่างมาก แต่พอหลังแต่งงานแล้วก็เปลี่ยนไป จู่ๆ เอวของเธอก็ห้อยเป็นยางรถและแม้แต่เสียงในลำคอของเธอก็ยังน่ากลัวขึ้นอีกด้วย”
“ให้ตายเถอะ ช่างเป็นฝันร้ายจริงๆ มิน่าล่ะ ที่บอสบอกว่าเขาฝันร้าย ตอนนี้ชีวิตของฉันถึงเหมือนอยู่ในฝันร้ายทุกวันเลย”
“โดยเฉพาะหลังคลอดลูก ฉันเสียใจจริงๆ ทำไมตอนนั้นถึงโง่ไปเลือกแต่งงานนะ? จริงๆ แล้วฉันควรรักษาความโสดไว้ นีลเซ็นไม่ต้องรีบแต่งงานนะรู้ไหม?”
ฉินสือโอวโบกมือไปมาพร้อมกับแสดงสีหน้าจริงจัง “อย่าทำให้นีลเซ็นตกใจกลัวไป ตอนนี้แคนาดากำลังประสบปัญหาประชากรลดลง ไม่เคยได้ยินประโยคนั้นมาก่อนเหรอ? มีลูกคนเดียวเป็นโทษมีลูกสองคนถือเป็นรางวัล แต่ถ้าโสดไม่มีลูกก็คงจะลำบาก! อย่าทำให้นีลเซ็นกลัวจนไม่กล้าแต่งงานเลยนะ”
นีลเซ็นยิ้มเจื่อนๆ และพูดอย่างหดหู่ใจว่า “พวกนายต้องโกหกฉันแน่ๆ การแต่งงานคือพระราชวังสุดท้ายที่มีความสุข”
“ใช่สิ ดังนั้นนายก็ต้องรีบแต่งงาน” ฉินสือโอวแกล้งทำเป็นตบไหล่ของเขาเบาๆ แล้วทิ้งให้นีลเซ็นรู้สึกสับสนอยู่คนเดียว จากนั้นเขาก็วิ่งต่อไปอย่างมีความสุข
ในขณะที่เตรียมตัวออกทะเลในช่วงเช้า แซนเดอร์สเรียกเขาให้มาหา เขาจึงหันกลับมาและถามว่า “เฮ้ ศาสตราจารย์มีเรื่องอะไรเหรอ?”
แซนเดอร์สเดินเข้ามาพร้อมกับขมวดคิ้วแล้วแอบอมยิ้มถามว่า “ฉิน ได้ยินมาว่าเมื่อคืนนี้คุณไปหาหมอมาเหรอ?”
สีหน้าของฉินสือโอวก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง “อย่าพูดอย่างนั้นศาสตราจารย์ คุณเป็นคนที่มีความรู้ระดับสูง อย่าพูดอะไรไร้สาระหน่อยเลย”
“แล้วเมื่อคืนคุณไม่ได้ไปหาหมอหรอกเหรอ?”
“เอาล่ะ ผมไปหาหมอ แต่มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ”
“เหมือนที่ผมคิดคืออะไร?” แซนเดอร์สถามด้วยความแปลกใจ
ฉินสือโอวมองเขาอย่างงุนงงและพูดว่า “อืม บางทีผมอาจจะเข้าใจผิด ว่าแต่มีเรื่องอะไร?”
แซนเดอร์สใช้ศอกสะกิดแขนของเขาด้วยความสงสัยและพูดว่า “มีสองเรื่อง เรื่องแรกที่จะบอกคุณก็คือพักผ่อนบ้างเถอะบอส ถึงแม้ว่าวินนี่จะเป็นสาวสวยเซ็กซี่ก็ตาม” ในขณะที่พูดเขาก็ส่ายหัวอีกครั้ง “พูดตามตรง ถ้าเป็นผมมีภรรยาเหมือนวินนี่ตอนที่ยังหนุ่มๆ อยู่ ผมคงต้องไปพบแพทย์วันละสองครั้ง”
“นี่ล้อผมเล่นเหรอ?” ฉินสือโอวแอบด่าเจ้าคนหน้าไม่อายคนนี้ในใจ โชคดีที่ยังคิดว่าเขาเป็นนักวิทยาศาสตร์อาวุโสที่ตัวเองเคารพอยู่ตั้งแต่แรก
แซนเดอร์สกระแอมขึ้นและพูดว่า “เปล่า เรื่องที่สำคัญเรื่องที่สอง คนจากบริษัทกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดมาถึงแล้ว เราไปเตรียมตัวกันเลยไหม?”
ฉินสือโอวพูดด้วยความงุนงงว่า “พวกเขานี่รวดเร็วจริงๆ เลย มาเร็วกันขนาดนี้เลยเหรอ?”
“แน่นอน วันนั้นผมแจ้งให้พวกเขาทราบเป็นครั้งแรกแล้ว อีกอย่างไม่ใช่ว่าจะใกล้ถึงวันฮาโลวีนแล้วเหรอ? พวกเขาก็กำลังเตรียมหัวข้อบันทึกพิเศษสำหรับฟักทองไว้เช่นกัน” แซนเดอร์สกล่าว
คราวนี้นำทีมโดยเคลลี พอล ผู้อำนวยการหน่วยงานบริษัทกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดจำกัดในแคนาดาเหมือนกับครั้งที่แล้ว เขายังคงสวมเสื้อกั๊กขนาดเล็ก ช่วงปลายเดือนตุลาคมในเซนต์จอห์นอากาศจะเริ่มหนาวแล้ว ฉินสือโอวมองดูเสื้อที่เขาสวมอยู่ก็อยากจะชื่นชมความสามารถในการอดทนต่อความหนาวเย็นของเขา
ครั้งนี้เคลลี พอลพาทีมงานตากล้องมาด้วย เขาพูดว่า “ผมเห็นรูปถ่ายที่พวกคุณส่งมา ผมมั่นใจว่าคราวนี้จะต้องทำลายสถิติโลกได้ พวกคุณให้เราได้เป็นสักขีพยานร่วมกันเถอะ”
ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่ามันไม่ใช่เรื่องที่จะขอกันง่ายๆ นะครับ”
พวกเขาเดินจากวิลล่าไปที่ฟาร์มปลาแกธเธอริงพร้อมปืนยาวและปืนสั้นจำนวนมาก ระหว่างทางผ่านเมืองเล็กๆ ชาวเมืองหลายคนที่ไม่มีอะไรทำจำนวนหนึ่งก็วิ่งเข้ามาดูและยังมีนักท่องเที่ยวตามมาเหมือนกับมาดูการแสดง
หลังจากเข้ามาในสวนฟักทอง เคลลี พอลก็มองไปรอบๆ และอดที่จะถอนหายใจไม่ได้แล้วพูดว่า “พระเจ้า พวกคุณสร้างสถิติโลกไว้จริงๆ คิดไม่ถึงว่าฟักทองจะลูกใหญ่มากขนาดนี้เลยเหรอ?”
จริงๆ แล้วมันถูกพลังโพไซดอนปกคลุมไว้ จากความรู้ของฉินสือโอว ฟักทองที่สร้างสถิติโลกโดยทั่วไปนั้นจะได้รับการเพาะปลูกเป็นพิเศษและโดยพื้นฐานแล้วมีฟักทองไม่กี่ชนิดที่จะปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ได้
แน่นอนว่าในช่วงแรกมีการปลูกกันเยอะมาก แต่วิธีที่ใช้เพาะปลูกของพวกเขาคือวิธีการปลูกแบบสปาร์ตัน คือแต่ละช่วงจะต้องคัดเลือกก่อนหนึ่งรอบ จากนั้นก็ทิ้งฟักทองลูกใหญ่ไว้และเก็บฟักทองลูกเล็กๆ สุดท้ายเหลือฟักทองลูกใหญ่ที่เหลือไว้ก็เพื่อให้เข้ากับความอุดมสมบูรณ์ของพื้นดินและเติบโตจนเป็นลูกใหญ่
แม้ว่าฟักทองจะเหมือนกับผักชนิดอื่นๆ พอมันโตขึ้นจนมีขนาดใหญ่ได้แบบนี้แล้ว หลักๆ คือพวกมันจะอาศัยพลังงานที่ได้จากการสังเคราะห์แสง แต่พวกมันก็มีความต้องการธาตุอาหารในดินเป็นอย่างมากเช่นกัน ที่ดินผืนนี้มีฟักทองเจริญเติบโตออกมาเป็นจำนวนมาก คาดว่าปีหน้าปลูกอะไรก็คงจะตายหมด เพราะสารอาหารในดินได้ถูกดูดซับออกไปหมดแล้ว
ภาพแรกจะเป็นการถ่ายภาพหมู่ เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ในภายหลัง ฉินสือโอวขึ้นไปถ่ายรูปกับฟักทอง วินนี่ก็ถ่ายและทั้งสองคนก็ถ่ายรูปด้วยกัน ทั้งสองคนอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยมาถ่ายรูปและพวกเขาก็ถ่ายรูปครอบครัวด้วยกัน ผู้คนในเมืองก็ต่างพากันไปถ่ายรูป คนจากทีมงานก็มาถ่ายรูปด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่นักท่องเที่ยวก็ตามมาถ่ายรูปด้วย…
………………………………………………