เรือออกจากท่าเรือ ฝ่าคลื่นและแล่นตรงไปทางเซนต์จอห์น
บนดาดฟ้าเรือ นักท่องเที่ยวผู้หญิงสองสามคนกำลังมองไปที่หัวเรืออย่างไม่พอใจหรือไม่ก็แอบมองอย่างเงียบๆ อยู่
ฉินสือโอวที่ยืนคิดอะไรเงียบๆ พิงรั้วอยู่ตรงนั้น ลมพัดเสื้อผ้าไปมา ใบหน้าของเขาหล่อเหลา รูปร่างที่สูงยาวและยังมีนิสัยที่ได้จากการปลูกฝังให้ต่อสู้กับคลื่นทะเลอีก มองอย่างไรเขาก็เป็นผู้ชายที่หล่อและดูดี
ฉินสือโอวก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน จากนั้นเขาก็คิดอะไรเงียบๆ อยู่พักหนึ่งแล้วก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพร้อมกับทำท่าชูสองนิ้วถ่ายเซลฟี่ตัวเอง ‘แชะๆๆ’ สองสามครั้ง จากนั้นก็เปลี่ยนท่า เอียงหน้ามองฟ้าทำมุมสี่ห้าองศาพร้อมกับทำสีหน้ากลุ้มใจและถ่ายเซลฟี่ตัวเองต่อไป
เมื่อเห็นรูปถ่ายในโทรศัพท์ก็รู้สึกว่ามันไม่เลวเลย ฉินสือโอวจึงเดินออกจากดาดฟ้าอย่างพึงพอใจและเดินเข้าไปในห้องโดยสารเรือ ปล่อยให้นักท่องเที่ยวผู้หญิงสองสามคนยืนมองอย่างอัดอั้นตันใจอยู่อย่างนั้น
วินนี่กำลังอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยอยู่ก็สอนให้เธอพูดว่า “…หลุนฉวน ไม่ใช่หลุนหลุน หลุนฉวน ไม่ใช่ช้วนช้วน มันคือคำว่าเรือนะ…”
ฉินสือโอวบีบใบหน้าอันอวบอ้วนของลูกสาวด้วยความเอ็นดู เด็กหญิงตัวน้อยจึงจ้องเขาด้วยความโกรธ ปากเล็กๆ ของเธอก็เริ่มพ่นฟองออกมา
“น่ารักจริงๆ เลย เหมือนกับปูที่ถูกจับได้เลยนะ?” ฉินสือโอวหัวเราะโง่ๆ ออกมา จากนั้นก็บีบแก้มอ้วนของลูกสาวพร้อมกับถ่ายเซลฟี่อีกครั้ง
วินนี่ส่ายหัวไปมา เธอรู้สึกว่าต่อจากนี้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวและพ่อคงจะไม่ปรองดองกันแล้ว ดังนั้นในฐานะที่เธอเป็นแม่ก็คงต้องลำบากแล้ว
เด็กหญิงร้องตะโกน วินนี่จึงอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนและหลีกเลี่ยงเท้าของฉินสือโอวแล้วพูดว่า “เอาล่ะเอาล่ะ เลิกแกล้งเธอได้แล้ว อุปกรณ์ที่ยืมมาพร้อมหรือยังคะ? ไปตรวจสอบอีกครั้งเลยนะ จะได้ไม่ต้องมาแกล้งลูกสาวอีก”
คราวนี้ฉินสือโอวจะไปที่เซนต์จอห์น ไม่เพียงแต่เข้าร่วมการแข่งขันฟักทองเอ็นแอลซีซีเท่านั้น แต่ยังไปติดต่อพูดคุยกับแบรนดอนเรื่องกู้เงินห้าร้อยล้านจากธนาคารมอนทรีออลอีกด้วย
ฉินสือโอวตบกระเป๋าเป้ด้วยความมั่นใจ จากนั้นเขาก็พูดด้วยท่าทางยิ้มแย้มต่อว่า “มาเถอะที่รัก เรามาถ่ายรูปคู่ด้วยกันเถอะ นานแล้วที่ไม่ได้นั่งเรือข้ามฟาก เป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่จริงๆ”
คราวนี้พวกเขานั่งเรือข้ามฟากตรงไปที่เซนต์จอห์นเพราะต้องไปหลายที่ ต้องจัดการหลายเรื่องและยังต้องนำฟักทองหนักหนึ่งตันมาด้วยอีก จริงๆ ขับรถไปก็ได้ แต่เรือยอชต์ในฟาร์มไม่สามารถรองรับฟอร์ดเอฟหกร้อยห้าสิบที่รุนแรงได้
แต่วินนี่กลับไม่รู้สึกแปลกใหม่อะไร ตอนนี้การนั่งเรือข้ามฟากกลายเป็นวิธีการคมนาคมที่สำคัญที่สุดในเมืองแล้ว นักท่องเที่ยวยังต้องพึ่งมันเพื่อต่อจากเกาะเล็กๆ ไปเซนต์จอห์น ดังนั้นหลังจากที่วินนี่รับตำแหน่ง เธอจึงได้นั่งเรือเฟอร์รี่หลายครั้งเพื่อสัมผัสดูว่ามีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุง
จริงๆ แล้วสิ่งที่ต้องปรับปรุงก็ยังมี ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดก็คือเรือลำเล็กๆ ลำนี้มันเก่ามากเกินไปแล้ว เธอจึงถอนหายใจแล้วพูด “ฉันหวังจริงๆ ว่าปีนี้จะหมดไปเร็วๆ หลังจากที่คุณจ่ายภาษีประจำปี ฉันต้องซื้อเรือใหม่แล้วล่ะ”
“ซื้อเรืออะไร? ในฟาร์มปลาก็ไม่ใช่ว่ามีเรืออยู่หลายลำเหรอ?” ฉินสือโอวถาม
“ฉันกำลังพูดถึงเรือที่ใช้ข้ามฟาก คุณไม่รู้สึกว่าเรือลำนี้มันเก่ามากแล้วเหรอ? เรือข้ามฟากเป็นทางผ่านในการเข้าเมืองของเรา เป็นตัวแทนแรกที่แสดงภาพลักษณ์ของเมืองแฟร์เวลของเรา ดังนั้นเรือข้ามฟากลำนี้จึงแย่ไปหน่อย” วินนี่กล่าว
ฉินสือโอวจึงมองไปรอบๆ พร้อมกับพยักหน้าเห็นด้วย เรือลำนี้ใช้งานมาสี่สิบห้าสิบปีแล้ว ตัวเรือก็เป็นสนิม ที่นั่งก็ไม่สม่ำเสมอกันและแรงขับก็ไม่ดี ไม่รู้ว่ามีการซ่อมแซมครั้งใหญ่มากี่ครั้งแล้ว คงจะต้องรีบเปลี่ยนใหม่จริงๆ
แต่เมื่อนึกถึงคำพูดของวินนี่ เขาก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ ทำไมต้องรอให้เขาจ่ายภาษีประจำปีด้วยล่ะ?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ วินนี่ก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก “ที่รัก คุณเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ คุณคิดว่าถ้าเปลี่ยนเรือลำใหม่จะใช้เงินประมาณเท่าไร? จะเปลี่ยนเป็นเกรดไหนดีล่ะ? อู่ซ่อมเรือที่ไหนเหมาะสมที่สุด?”
ฉินสือโอวอดไม่ได้ที่จะตีเธอ แต่ก็ต้องบอกความจริงไปว่า “ถ้าคุณคาดหวังว่าฟาร์มปลาของเราจะต้องจ่ายภาษีเพื่อซื้อสิ่งนี้ เดาว่าเราคงจะต้องรออีกสองปี ผมคิดว่าเราไม่จำเป็นต้องจ่ายภาษีจำนวนมากในปีนี้ ผมทั้งเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลมากมายขนาดนี้ บริจาคเงินก็จำนวนมากแล้วยังลงทุนให้กับบอมบาร์เดียร์อีกด้วย เพียงแค่การขอส่วนลดภาษีและการหลีกเลี่ยง คงจะเพียงพอที่จะหักล้างภาษีฟาร์มปลาได้”
เมื่อได้ยินแบบนั้น วินนี่ก็รู้สึกผิดหวังอย่างมาก ฉินสือโอวจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ทำไมคุณถึงทำท่าทางแบบนั้นล่ะ? ฟาร์มปลาเป็นสมบัติสาธารณะของสามีภรรยา เพื่อที่จะพัฒนาเมืองคุณถึงกับต้องทำร้ายผลประโยชน์ของเราเลยเหรอ?”
วินนี่ยักไหล่และพูดว่า “ขอโทษนะฉิน ตอนที่ฉันรับตำแหน่ง ฉันได้สาบานกับ “พระคัมภีร์ไบเบิล” และ “รัฐธรรมนูญ” ว่าจะละทิ้งครอบครัวเล็กๆ เพื่อมาเปลี่ยนแปลงทุกคนให้สมบูรณ์ เมื่อพูดแล้วก็ไม่สามารถคืนคำได้ แล้วใครให้คุณแต่งงานกับนายกเทศมนตรีหญิงล่ะค่ะ?”
ทั้งสองคนแทรกมุกตลกตลอดทางและเรือก็จอดเทียบท่าเรือเซนต์จอห์น ฉินสือโอวขับรถพาภรรยาลูกสาวและเด็กๆ วัยรุ่นไปตามทาง รถที่พวกเขาขับคือรถคาดิลแลควันและมีเอฟหกร้อยห้าสิบที่บรรทุกฟักทองลูกใหญ่ตามหลังมาติดๆ
ตลาดเกษตรปากิลาตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเซนต์จอห์น ซึ่งห่างไกลจากท่าเรือมาก ที่ตั้งของท่าเรืออยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองและทั้งสองฝั่งตั้งอยู่ที่ขอบเขตของเมืองพอดี
ตลาดของเกษตรแห่งนี้ใหญ่ที่สุดในเซนต์จอห์น ครอบคลุมพื้นที่มากกว่าหนึ่งหมื่นสี่พันตารางเมตร มีห้องเย็นรักษาความสดของอาหารสองพันตารางเมตรและพื้นที่ค้าขายขนาดใหญ่ห้าพันตารางเมตร ซึ่งมีพ่อค้าแม่ค้ามากกว่าหกร้อยรายที่ทำการค้าขายที่นี่
วันฮาโลวีนใกล้เข้ามาแล้ว ตลาดของเกษตรจึงเต็มไปด้วยบรรยากาศของเทศกาลและมีผีอยู่ทุกหนทุกแห่ง สัตว์ประหลาดทะเลอัดลมและเรือผีลอยอยู่ที่จุดขายอาหารทะเล และแสงเลเซอร์สีแดงปล่อยลงบนพื้นที่อยู่จุดขายเนื้อสัตว์ ดูเหมือนกับเลือดสดๆ กำลังไหลออกมา
“ให้ตายเถอะ!” ฉินสือโอวอุทานเมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ “นี่มันคือห้องสยองขวัญหรือตลาดผักกันแน่? ถ้ามีคนกลัวจนหัวใจวายใครจะรับผิดชอบ?”
กอร์ดอนเหลือบมองเขาและพูดว่า “คุณกลัวเหรอ?”
ฉินสือโอวหัวเราะเยาะขึ้น “จะกลัวแค่สิ่งของพวกนี้ได้อย่างไร? ฉันแค่ถามไปเท่านั้นเอง นายไม่รู้ความกล้าของฉันเลยเหรอ?”
เชอร์ลี่ย์ที่กำลังเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับส่งยิ้มหวาน จากนั้นก็เปิดทวิตเตอร์ ให้ฉินสือโอวดูภาพตอนที่เขากลัวพี่น้องไฮเออร์จนไม่กล้าเข้าไปในครัว
จู่ๆ ก็มีคนเดินเข้ามาอย่างรวดเร็วพร้อมกับยื่นมือออกมา “พวกคุณก็มาเข้าร่วมการแข่งขันฟักทองใช่ไหม? ขอถามหน่อยได้ไหมว่าชื่ออะไร? ช่วยบอกฉันหน่อยนะ”
ฉินสือโอวจับมือเขาพร้อมกับแนะนำตัวเองไปด้วย คนคนนั้นจึงพูดอีกครั้งว่า “โอ้ คุณคือคุณฉิน เจ้าของฟาร์มปลาขนาดใหญ่แห่งเกาะแฟร์เวล? ฉันชื่นชมคุณมานานแล้ว ฉันได้ยินมาว่าคุณปลูกฟักทองลูกใหญ่ ใช่ลูกที่อยู่ข้างหลังนั้นไหมคะ? พระเจ้า มันใหญ่มากจริงๆ!”
ฉินสือโอวยักไหล่ให้วินนี่ ซึ่งเป็นการสื่อให้เธอดูว่า ตอนนี้เขาเป็นคนดังแล้ว
คนคนนั้นจึงสั่งให้พนักงานมาขนฟักทองลูกใหญ่นี้ไป เขาบอกฉินสือโอวว่า เถาฟักทองจะต้องตัดออกให้เหลือเพียงยี่สิบห้าเซนติเมตรและถามเขาว่าเขามีปัญหาอะไรไหม
ฉินสือโอวไม่มีปัญหา แต่เขารู้สึกงงเล็กน้อย “ในเมื่อเป็นอย่างนั้น ทำไมคุณถึงให้ผมเอาเถาวัลย์มาด้วยล่ะ?”
คนคนนั้นอธิบายพร้อมรอยยิ้มว่า “เนื่องจากเราต้องตรวจสอบเถาวัลย์ เพื่อดูว่ามีร่องรอยเข็มหรือตำหนิหรือไม่ และการนำดินที่ปลูกมาด้วยก็เพื่อตรวจสอบว่าคุณใช้ปุ๋ยเคมีปลูกหรือไม่ เพื่อง่ายต่อการแบ่งกลุ่มแข่งขันค่ะ”
……………………………………