ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1404 ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

บทที่ 1404 ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว

เมื่อเห็นหอยพิษทั้งสองนี้ ฉินสือโอวก็เข้าใจทุกอย่างทันที ไม่น่าแปลกใจที่เรือของคาร์เตอร์จะไม่ตรงไปหยุดท่าเรือประมง เพราะเขาจะโยนหอยพิษลงน่านน้ำในเมือง

เมื่อคิดอย่างละเอียดเกี่ยวกับช่วงเวลาของวิกฤตหอยพิษครั้งก่อน หลังจากการประมูลการประมง ฟาร์มปลาต้าฉินก็ได้รับลูกปลาที่ประมูลได้แล้วไม่ใช่เหรอ? แม้ว่าตอนนั้นเรือของคาร์เตอร์จะไม่ได้มา แต่เขาก็ซื้อลูกปลาและลูกกุ้งจำนวนมากจากรัฐโนวาสโกเชีย ไม่แน่ว่าที่นั่นอาจจะมีคนของคาร์เตอร์อยู่

จากนั้นเมื่อเข้าสู่น่านน้ำทะเลก็เห็นว่ามีใครบางคนกำลังโยนหอยพิษลงน้ำ ฉินสือโอวจึงใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพัดคลื่นขึ้นและกระแทกเรือลาดตระเวนอย่างรุนแรง จากนั้นก็รีบเดินออกจากวิลล่าไป

หู่จือเป้าจือพยายามจะแอบวิ่งออกไปข้างนอกพอดี เขาจึงคว้าพวกมันไว้ จากนั้นก็ตะโกนบอกกลุ่มคนที่กำลังเสียงดังวุ่นวายบนโต๊ะไพ่นกกระจอกแล้วพูดว่า “ไปตามคาร์เตอร์ ฉันลืมบางอย่างที่สำคัญ!”

เขาใช้เรือยนต์ความเร็วสูงที่เร็วที่สุด ชาร์คจึงเร่งความเร็วและเรือก็พุ่งไปในน้ำเหมือนลูกศรอันแหลมคม

ในขณะนี้ระยะห่างของเรือลาดตระเวนของคาร์เตอร์ออกเดินทางได้ไม่นานและเส้นทางของเขาคือการข้ามเกาะแฟร์เวล ดังนั้นเรือยนต์ความเร็วสูงก็เข้าไปปิดกั้นอย่างรวดเร็วและเส้นทางของเรือทั้งสองก็รวมเข้าด้วยกัน

ฉินสือโอวโบกมือแสดงให้ชาร์คไปรับเรือลาดตระเวนของคาร์เตอร์ที่อยู่ด้านหลัง

คาร์เตอร์ตื่นตระหนกเล็กน้อย เขาจึงถามเสียงดังว่า “เฮ้ เพื่อน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

ฉินสือโอวพาชาวประมงกับหู่เป้าขึ้นเรือลาดตระเวนแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “หลังจากส่งคุณไปแล้ว ระหว่างทางผมกลับมาคิดอย่างละเอียดดู ผมคิดว่าข้อเสนอของคุณมันถูกต้อง ผมควรสนับสนุนคุณ พวกเราเจ้าของฟาร์มปลาควรจะรวมตัวกัน ธุรกิจของเราไม่ควรให้คนนอกเข้ามาเกี่ยวข้อง”

หลังจากได้ยินแบบนั้น คาร์เตอร์ก็มีความสุขขึ้นมาทันทีและเขาก็พูดว่า “นี่สิถึงจะถูก แต่เรื่องนี้คุณโทรศัพท์มาก็ได้ ไม่จำเป็นต้องมาคุยด้วยตนเองหรอก?”

ฉินสือโอวพูดด้วยความมั่นใจว่า “ได้อย่างไรกันล่ะ? คุณมาหาผมที่ฟาร์มปลาด้วยตัวเองขนาดนี้แล้ว ผมจะโทรศัพท์หาเพื่อจัดการกับเรื่องนี้ไม่ได้ นั่นไม่ใช่ทัศนคติที่ผมควรมีต่อประธานคณะกรรมการใช่ไหม?”

ในขณะที่พูดอยู่เขาก็สแกนดาดฟ้าไปด้วย แต่ก็ไม่พบร่องรอยของหอยพิษ บนดาดฟ้ามีเพียงแอ่งน้ำที่เป็นน้ำแข็ง น่าจะเกิดจากการที่เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนกระจายไปตามลมและโจมตีเรือลาดตระเวน ทำให้แท็งก์น้ำที่มีหอยเต้าปูนลายเสือทะลักออกมา

แต่ถ้าอิงจากสิ่งนี้ก็ไม่สามารถอธิบายอะไรได้

ฉินสือโอวต้องค้นหาหลักฐานต่อไป ดังนั้นเขาจึงพูดว่า “เอาแบบนี้ไหม ตอนนี้ก็อยู่ไม่ไกลจากฟาร์มปลาของผม ถ้าอย่างนั้นเรากลับไปปรึกษาพูดคุยเรื่องนี้โดยอย่างละเอียดกันก่อนและดูว่าจะร่วมมือกันได้อย่างไร”

คาร์เตอร์พูดบ่ายเบี่ยงว่า “เราค่อยมาคุยกันทีหลังได้ไหม? ตอนนี้ผมมีเรื่องเร่งด่วนที่ฟาร์มปลาเล็กน้อย คุณก็รู้ว่าฟาร์มปลาไม่เคยมีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อยู่แล้ว เราก็ต้องทำไม่ใช่เหรอ? ”

ฉินสือโอวพยักหน้าพร้อมพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นเราเข้าไปในห้องโดยสารก่อนเถอะ? เราควรจะคุยกันสักหน่อยไม่ใช่เหรอ?”

ยิ่งชายคนนี้บ่ายเบี่ยงมากเท่าไร เขาก็ยิ่งต้องจะต้องเค้นเอาความจริงและต้องหาหลักฐานให้ได้

คาร์เตอร์ไม่มีอะไรจะพูด จึงพาพวกเขาเข้าไปในห้องโดยสารของเรือลาดตระเวนอย่างหนักใจ

ขณะนี้มีชาวประมงคนหนึ่งในห้องขับเรือโผล่หัวออกมาอย่างกระวนกระวายใจพร้อมกับดูคาร์เตอร์ที่กำลังลังเลที่จะพูด

เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกตื่นเต้นทันที จึงถามว่า “นี่คุณ คุณกำลังเจอกับปัญหาอะไรหรือเปล่า? นี่คือพื้นที่ของผม พูดตรงๆ ได้ ผมจะจัดการให้พวกคุณเอง ”

ชาวประมงคนนั้นมองไปที่คาร์เตอร์อย่างลำบากใจ สุดท้ายก็กัดฟันพูดว่า “บอส ปัญหาของคามิลล์น้อยค่อนข้างร้ายแรงทางที่ดีเราควรรีบหาโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ”

ทันทีที่เขาพูดออกมา ฉินสือโอวก็สังเกตเห็นท่าทางของคาร์เตอร์ที่เปลี่ยนไป สีหน้าของเขาซีดลงทันที

ฉินสือโอวจึงยิ้มเยาะเย้ยในใจและชิงถามก่อนว่า “คามิลล์น้อยของพวกคุณเป็นอะไรเหรอ? มีหมออยู่ในเมืองของเรา เขาเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่จบการศึกษาจากคณะแพทย์ฮาร์วาร์ด บางทีเขาอาจจะช่วยพวกคุณได้ ”

คาร์เตอร์ยิ้มแห้งพร้อมกับพูดว่า “ไม่ต้องหรอก เราลองไปที่เซนต์จอห์นดูเถอะ ดูสิฉิน ตอนนี้มีลูกน้องคนหนึ่งของผมกำลังติดโรค ผมต้องรีบไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุด ”

ฉินสือโอวจึงแสร้งทำเป็นกระวนกระวายใจพร้อมกับรีบเดินไปที่ห้องขับเรือย่างรวดเร็วและพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นก็เสียเวลาไม่ได้แล้ว ผมว่าคุณควรไปที่เมืองและให้หมอทำการรักษาฉุกเฉินก่อน ผมมีเครื่องบิน สามารถพาไปส่งที่นั่นได้ ”

คาร์เตอร์ต้องการจะหยุดเขา แต่ไปที่นั่นจะทันเหรอ? ฉินสือโอวรวดเร็วมากและยังเดินเร็วกว่าที่เขาวิ่งเสียอีก ฉินสือโอวผลักชาวประมงที่ขวางหน้าประตูอยู่ออกและเข้าไปในห้องขับเรือ

เรือลาดตระเวนเป็นเรือยอชต์ขนาดเล็กที่สะดวกสบาย ห้องขับเรือจึงค่อนข้างกว้างขวางและยังมีเตียงขนาดเล็กหนึ่งเตียง อย่างแรกคือจะสะดวกต่อคนเรือในการสลับกันพักผ่อน อย่างที่สองคือสะดวกต่อเจ้าของเรือ ถ้าพาหญิงสาวมาออกทะเลเที่ยวเล่น ที่ก็จะสามารถเข้ามาอยู่ในห้องขับเรือได้

ขณะนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงเล็กๆ เตียงนี้ ใบหน้าซีกซ้ายของเขาแดงและบวมขึ้น ตาจะปูดและจนไม่สามารถลืมตาได้ จึงนอนลงอย่างอ่อนแรงบนเตียง

เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ฉินสือโอวก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น นี่คือการถูกพิษ! นี่คือความร้ายแรงของพิษหอย!

พิษของหอยเต้าปูนลายเสือเป็นพิษในโปรตีน คล้ายกับพิษของงูพิษ หลังจากถูกกัดและถูกพิษแล้ว แผลจะบวมแดงและแสบร้อนอย่างรวดเร็วและจะทำให้รู้สึกแสบร้อนและชา จากนั้นอาการเหล่านี้จะค่อยๆ แพร่กระจายไปทั่วร่างกายทำให้แขนขาอ่อนแรง กล้ามเนื้อชาไม่มีความรู้สึก สติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวและค่อยๆ หมดสติไป

ถ้าพิษของหอยรุนแรงมากก็สามารถทำร้ายหัวใจได้ ซึ่งมันโหดร้ายมาก ยังจะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเสียชีวิตได้ในที่สุด!

ดังนั้นหลังจากพบว่าเป็นหอยพิษแล้ว วินนี่จึงตกใจและปิดล้อมชายฝั่งทันที เพราะสิ่งนี้มีพลังร้ายแรงมาก ตอนแรกนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บจากพิษหอย ถ้าไม่ได้รับการช่วยเหลือและความชำนาญในการรักษาระดับสูงจากโอดอมได้ทันเวลา ถ้าไม่เสียชีวิตเขาคงจะเป็นอัมพาตครึ่งหนึ่ง

ตอนนี้ ชายหนุ่มคนนี้ร่างกายก็เป็นอัมพาตไปครึ่งหนึ่งแล้ว จุดที่เขาถูกกัดอยู่บนใบหน้า ซึ่งใกล้กับหลอดเลือดแดงมากและมันเป็นจุดที่อันตรายมาก ตอนแรกนักท่องเที่ยวคนนั้นกำลังออกทะเลกับชาวประมงและขณะที่ดำน้ำอยู่ก็ถูกกัดเข้าที่ปลายนิ้ว ซึ่งไม่สามารถเทียบกันได้

ไม่สงสัยเลยที่ชายหนุ่มคนนี้จะเป็นคนที่เพิ่งถือหอยพิษมาและต้องการที่จะโยนลงน้ำ สุดท้ายฉินสือโอวจึงใช้คลื่นกระแทกเรือลำเล็ก เขาเดาว่าจะไม่สามารถยืนอย่างมั่นคงและล้มลง หอยพิษจึงสัมผัสกับใบหน้าของเขาและทำให้เขาตกใจทันที

กรรมใดใครก่อกรรมนั้นย่อมคืนสนอง ฉินสือโอวทอดถอนใจ

เมื่อเรื่องเป็นแบบนี้ก็ง่ายขึ้น ไม่ใช่แค่ฉินสือโอวเท่านั้นที่มองหน้าของชายหนุ่มคนนี้ออก แต่ชาวประมงคนอื่นๆ ก็ยังมองออกว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พวกเขาคิดไม่ถึงว่าจะเป็นหอยพิษอย่างไร พวกเขาไม่เห็นผลกระทบของหอยพิษแบบนี้มาก่อน พวกเขาเคยเห็นแค่เหตุการณ์ที่แมงกะพรุนทำร้ายผู้คนเป็นส่วนใหญ่

พิษของแมงกะพรุนบางชนิดก็เป็นพิษในโปรตีนด้วยเช่นกันและส่งผลกระทบคล้ายๆ กัน

ชาร์คเหลือบมองและพูดอย่างรีบร้อนว่า “นี่ถูกพิษแมงกะพรุนมาใช่ไหม? รีบกลับเมืองของเราด่วนเลย ต้องฉีดเซรุ่มให้ทันเวลา หมอโอดอมคนนี้สามารถทำได้”

เมื่อคาร์เตอร์ได้ยินเช่นนั้น ก็หาข้ออ้างและพูดว่า “ใช่สิ เพื่อนผมคนนี้จับฟองน้ำทะเลอันสวยงามขึ้นมาจากในน้ำ สุดท้ายไม่ระวังจึงถูกกัด ให้ตายเถอะ นี่มันจัดการได้ยากจริงๆ!”

นีลเซ็นพูดด้วยความแปลกประหลาดใจว่า “แต่เขาโดนกัดที่หน้าได้อย่างไร?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้วพร้อมกับพูดว่า “อย่าสนใจเรื่องพวกนี้เลย รีบกลับแล้วโทรศัพท์บอกหมอโอดอม ให้เขาเตรียมตัวรักษาน้องชายคนนี้”

แค่กลับไปที่โรงพยาบาลก็พอแล้ว โอดอมสามารถวิเคราะห์ได้ว่ามันคือพิษจากอะไร แต่น่าเสียดายที่คาร์เตอร์ไม่รู้ เขายังคิดว่าเขาสามารถใช้แมงกะพรุนพิษมาเป็นข้ออ้างได้

……………………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท