ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1403 เปลือกหอยพิษปรากฏขึ้นอีกครั้ง

บทที่ 1403 เปลือกหอยพิษปรากฏขึ้นอีกครั้ง

วิลบอกว่าไม่มีปัญหา รอหิมะหยุดเขาจะเข้ามาช่วยเปลี่ยนให้

ดังนั้นนี่จึงเป็นปัญหาที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ฉินสือโอวก็ไม่สามารถตำหนิวิลได้ เพราะในเซนต์จอห์นไม่มีบ่อน้ำร้อนและการก่อสร้างของวิลยังต้องเรียนรู้และยังขาดประสบการณ์ ไม่อย่างนั้นปัญหาเหล่านี้คงจะสามารถแก้ไขได้ในครั้งเดียว

หลังจากแช่น้ำได้สักพัก ฉินสือโอวก็ล้างตัวให้หู่เป้าฉง จากนั้นก็กวักมือเรียกหลัวปอ พี่น้องเฟอเรทและแมวป่าที่นอนอยู่ขอบบ่อน้ำร้อนให้ลงมา

เดิมทีเจ้าตัวน้อยทั้งสี่นอนอยู่บนพื้นอุ่นๆ อย่างมีความสุข แต่ละตัวหลี่ตาเตรียมที่จะหลับ เมื่อฉินสือโอวกวักมือเรียก พวกมันก็ตื่นขึ้นทันที และสะบัดก้นกระโดดถอยหลัง

“มานี่” ฉินสือโอวยิ้มพร้อมโบกมือ

เจ้าตัวน้อยทั้งสี่รวมตัวกันแล้วกระโดดถอยหลัง

“มานี่สิ!” ฉินสือโอวหยุดยิ้ม

เจ้าตัวเล็กทั้งสี่เบียดกัน จากนั้นก็กระโดดถอยหลังต่อ

“เฮ้ มาหาฉัน!” ฉินสือโอวเริ่มโกรธ

หลัวปอเอาหัวมุดไว้ในอุ้งเท้า พี่น้องเฟอเรทแกล้งทำเป็นไม่ได้ยินเสียงทะเลาะกัน ในขณะที่ราชาซิมบ้าก็ส่งเสียงร้องพร้อมกับตาลุกวาวมองหาโอกาสที่จะหลบหนีออกไป

น่าเสียดายที่ที่นี่มีประตูแค่บานเดียว ซึ่งถูกฉินสือโอวปิดไว้

ฉินสือโอวไม่พูดอะไรและยื่นมือซ้ายไปที่หลัวปอ ส่วนมือขวาก็ราชาซิมบ้าและเฟอเรทพี่ชาย ส่วนเฟอเรทน้องสาวก็ไม่ต้องสนใจ มันจะทำตามเฟอเรทพี่ชายทุกอย่าง เฟอเรทไปไหนมันก็จะไปด้วย

เจ้าตัวเล็กสองสามตัวส่งเสียงกรีดร้องและปฏิเสธที่จะลงไปในน้ำ ฉินสือโอวไม่บังคับพวกมัน หลังจากลากพวกมันไปที่ขอบสระแล้วก็เขาก็จับอุ้งเท้าเล็กๆ ของพวกมันลงไปในน้ำ

บ่อน้ำร้อนถูกสร้างขึ้นไม่เหมือนกับบ่อที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ ซึ่งจะมีขั้นบันไดเป็นชั้นๆ ข้างในและน้ำในที่เหล่านี้ก็จะตื้นมาก หลังจากที่ฉินสือโอวเอาเท้าขอเจ้าตัวเล็กวางไวบนขั้นบันได หลัวปอที่กำลังตื่นตระหนกก็สงบลง

สิ่งที่หมาป่ากลัวคือทะเลลึก ไม่ใช่บ่อน้ำเล็กๆ แบบนี้เพียงแต่ขาทั้งสี่ของมันแตะพื้นได้ก็พอ

ในบ่อน้ำตื้นๆ แบบนี้ หมาป่าขาวตัวน้อยผ่อนคลายอย่างรวดเร็วหลังจากที่เท้าทั้งสี่แตะพื้น หลังจากที่มันรู้สึกว่าน้ำในบ่อน้ำร้อนอุ่น มันจึงลองเอนตัวนอนไปตามขั้นบันได ฉินสือโอวก็ไม่ขัดขืนที่จะอาบน้ำให้มันพร้อมกับหรี่ตาอย่างสนุกสนาน

นี่จึงเป็นตัวอย่างที่ดี แมวป่าที่อยู่ด้านหลังก็ตามลงมาแบบนี้เช่นกัน แต่สำหรับมันแล้วขั้นบันไดยังลึกไปหน่อย หลังจากมันเอนตัวนอนลง ก็เหลือแค่เพียงส่วนหัวเท่านั้นที่โผล่ออกมา ดังนั้นจึงรู้สึกไม่สบายสุดท้ายก็ลุกขึ้นยืน

สุดท้ายพี่น้องเฟอเรทก็ดูเหมือนจะไม่ตกใจกลัวบ่อน้ำนี้ จึงกระโดดลงมาอย่างมั่นใจ

การฝึกฝนจริงๆ ได้เกิดขึ้นแล้ว หมาป่าขาวนอนลงได้ แมวป่าต้องยืนขึ้นและเฟอเรทแบลคฟุตก็จมอยู่ใต้น้ำ…

ฉินสือโอวรีบจับเจ้าตัวเล็กที่เปียกน้ำทั้งสองตัวขึ้นมา เฟอเรทแบลคฟรุตมีเสน่ห์และน่ารักจึงกลายเป็นหนูน้ำ ฉินสือโอวเงยหน้ามองและแบะปากด้วยความรังเกียจ “น่าเกลียดจริงๆ!”

จิตใจที่อ่อนแอของเฟอเรทตัวน้อยได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก จากนั้นพวกมันไม่ยอมลงไปในน้ำอีก พวกมันจึงนอนอยู่ข้างๆ สระว่ายน้ำเพื่อรับความอบอุ่น

แต่การทำความสะอาดให้มันก็ง่ายดาย ฉินสือโอวแค่เอาน้ำร้อนพรมลงไปมันก็พอแล้ว

ตอนนี้คนที่สบายที่สุดก็คือมาสเตอร์ หลังจากช่วงเวลาแห่งการทะเลาะกันผ่านไป ก่อนหน้านั้นเต่าอัลลิเกเตอร์ที่เต็มไปด้วยพลังรู้สึกเบื่อหน่าย จึงว่ายน้ำไปมาในบ่อ สุดท้ายก็ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้และนอนอยู่บนนั้นอย่างสบายใจ…

หลังจากฉินสือโอวล้างตัวให้เจ้าตัวเล็กเสร็จและใช้ผ้าขนหนูเช็ดจนแห้งแล้ว เขาก็แต่งตัวและเปิดประตูออกไป

เจ้าตัวเล็กสองสามตัวเดินตามมา เมื่อเปิดประตูออกไปก็รู้สึกได้ถึงลมทะเลเย็นยะเยือกข้างนอก โดยมีฉงต้าเป็นหัวหน้า พวกมันตัวสั่นและหันศีรษะไปมา ครั้งนี้ยกเว้นพี่น้องเฟอเรท นอกนั้นกระโดดลงบ่อน้ำร้อนกันหมด หู่จือและเป้าจือที่โผล่มาแค่หัวจึงจ้องมองพวกมันพร้อมกันกับฉินสือโอว

ฉินสือโอวส่งเสียงร้องตะโกน เมื่อเห็นว่าพวกมันไม่ยอมออกมา จึงต้องออกไปด้วยตัวเองและปล่อยให้พวกมันอยู่ที่นี่ เพราะถึงอย่างไรพื้นที่ว่างก็ใหญ่มากพอ

สองวันต่อมา เจ้าตัวเล็กที่อยู่ในบ้านบ่อน้ำร้อนรู้สึกสบายจนไม่อยากออกมา ฉินสือโอวและวินนี่จึงไม่สนใจ เสี่ยวเถียนกวาพอไม่มีของเล่นก็ไม่ยอม ใช่ เจ้าตัวเล็กเหล่านี้เป็นของเล่นของเธอ ความแต่กต่างก็คือฉงต้าเป็นของเล่นชิ้นใหญ่ ส่วนตัวอื่นๆ เป็นของเล่นชิ้นเล็ก

ทุกวันเมื่ออากาศอบอุ่นในตอนเที่ยงพ่อฉินและแม่ฉินจึงต้องพาเด็กหญิงน้อยไปกลิ้งเล่นกับพวกมันที่บ่อน้ำร้อน อุณหภูมิในห้องและข้างนอกแตกต่างกันมาก ฉินสือโอวจึงไม่อยากให้ไปเล่นในที่แบบนั้นเพราะจะทำให้ไม่สบายได้ง่าย

แต่เจ้าพวกตัวเล็กฉลาดเกินไป จึงพาพวกมันออกมาและสักพักก็วิ่งกลับไปด้วยกัน

หลังจากฉินสือโอวสังเกตอย่างละเอียดก็พบว่า ส่วนใหญ่ฉงต้าจะเป็นผู้นำ ไม่อย่างนั้นเจ้าตัวเล็กตัวอื่นๆ ก็จะไม่มีความกระตือรือร้นแบบนี้

แน่นอนว่ามีอีกเหตุผลหนึ่งที่สำคัญก็คือหลังจากเข้าไปในห้องบ่อน้ำร้อนแล้วสามารถหลีกเลี่ยงกรงเล็บของเสี่ยวเถียนกวาได้ ถ้าอยู่ข้างนอกพวกมันจะถูกวิ่งไล่ข่วนทุกวัน

ฤดูหนาวไม่เพียงแต่เป็นเรื่องยากสำหรับมาสเตอร์เท่านั้น แต่ยังเป็นฤดูที่ยากลำบากสำหรับฉงต้าเช่นกัน เมื่ออุณหภูมิต่ำการขับของเหลวภายในของมันจะส่งผลต่อพละกำลังของมันและเข้าสู่สภาวะจำศีล แม้ว่ามันจะไม่เหมือนกับหมีธรรมดาที่จะหาที่หลับเป็นเวลานาน แต่ก็ยังเป็นก็การลดพลังงานมากจริงๆ

จึงทำได้เพียงปล่อยให้พวกมันเล่นแบบนี้ไปก่อน ฉินสือโอวไม่สนใจ เวลาผ่านไปจะทำให้เสี่ยวเถียนกวาชินกับมันไปเอง เพราะถึงอย่างไรก็ตามเธอยังมีของเล่นที่ไม่สามารถเข้าไปในบ่อน้ำร้อนได้ ซึ่งนั่นก็คือเจ้าเด็กอ้วนแห่งตระกูลบูล

หลังจากอยู่ที่ฟาร์มปลาเป็นเวลาสองวัน คาร์เตอร์ก็ต้องการที่จะกลับ

ฉินสือโอวรอไม่ไหว ชายคนนี้พูดถึงเรื่องการสนับสนุนกรอกหูของเขาทุกวัน ซึ่งมันทำให้เขารำคาญมาก

หิมะตกหนักในฤดูหนาวเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าฉินสือโอวจะเกลียดคาร์เตอร์ แต่เขาก็รู้สึกว่าสภาพอากาศแบบนี้ไม่ปลอดภัยที่จะออกทะเล เขายังหวังว่าคาร์เตอร์จะสามารถหลีกเลี่ยงหิมะได้อีกครั้งแน่นอนว่าการเดินทางไปในเมืองจะดีที่สุด

คาร์เตอร์ยืนกรานที่จะกลับ โดยบอกว่าชาวประมงโทรศัพท์มาว่าสองสามวันนี้หิมะตกหนักส่งผลกระทบต่อฟาร์มปลาของเขา เขาจึงต้องกลับไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น

เมื่อเป็นเช่นนั้นฉินสือโอวก็ไม่มีอะไรจะพูด จึงทำได้เพียงส่งพวกเขากลับ เรือของพวกเขาไม่ได้ขับไปที่ฟาร์มปลา แต่จอดที่ท่าเรือในเมือง

ฉินสือโอวจึงรู้สึกค่อนข้างแปลกใจ รัฐโนวาสโกเชียอยู่ทางใต้ของเกาะแฟร์เวลและท่าเรือเมืองเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของเกาะแฟร์เวล เนื่องจากเซนต์จอห์นอยู่ทางตอนเหนือและเพื่อที่จะไปเซนต์จอห์นได้สะดวก

แล้วทำไมคาร์เตอร์ถึงจอดเรือไว้ที่ท่าเรือในเมืองล่ะ? มันไม่สะดวกมาก

แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่แค่สงสัยและเก็บข้อคำถามนี้ไว้ในใจ

ทั้งสองจับมือและอำลากัน คาร์เตอร์พูดว่า “ฉิน คิดข้อเสนอของผมให้ดีๆ นะ คุณไม่ต้องการเป็นรองประธานกรรมการจริงๆ เหรอ? สำหรับชาวจีนอพยพแล้ว นี่เป็นเกียรติอย่างยิ่งเลยนะ ผมพนันได้เลยว่าพวกคุณคนจีนรับตำแหน่งแบบนี้ไม่ได้หรอก ถ้าพลาดโอกาสนี้ คุณจะต้องเสียใจแน่นอน”

ฉินสือโอวแอบพูดว่าทำไมคนคนนี้ถึงน่ารำคาญได้ขนาดนี้นะ ยังไม่รีบไปอีก ชักช้ากว่านี้เขากลัวว่าเขาจะเตะผู้ชายคนนี้ตกลงไปในน้ำ

เรือลาดตระเวนของคาร์เตอร์ออกไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปที่ฟาร์มปลา ดังนั้นเขาจึงไม่มีอะไรทำ เขาคิดเรื่องที่จะหาโอกาสเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปในน้ำและหาสมบัติที่ก้นทะเล

พายุหิมะที่โหมกระหน่ำ ทำให้การเดินเรือในทะเลอันตรายเป็นอย่างมาก เขาจึงพิจารณาสักพักและเอาจิตสำนึกแห่งโพไซดอนไว้ที่เรือลาดตระเวนของคาร์เตอร์ ถ้าเกิดอันตรายเขาจะสามารถช่วยได้

แต่สุดท้ายจิตสำนึกแห่งโพไซดอนก็อยู่ได้ไม่นาน จู่ๆ ก็โยนอะไรบางอย่างออกจากเรือ

ฉินสือโอวกวาดสายตามองรอบๆ และต้องตกตะลึงทันที มันโยนสิ่งคล้ายๆ กันออกจากเรือมาเรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็คือเปลือกหอยขนาดเท่าฝ่ามือ

เปลือกหอยพิษ มันคือหอยเต้าปูนลายเสือ!

………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท