ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1405 ฉันได้ตำแหน่งผู้นำนี้แล้ว

บทที่ 1405 ฉันได้ตำแหน่งผู้นำนี้แล้ว

หลังจากเข้าไปในโรงพยาบาลชุมชนแล้ว โอดอมก็ต้องถึงกับขมวดคิ้วทันทีเมื่อเห็นอาการของหนุ่มชาวประมงพร้อมกับพูดว่า “เกิดอะไรขึ้น เจอหอยพิษอีกแล้วเหรอ? ”

ทันทีที่เขาพูดออกมา คาร์เตอร์ก็แทบจะลุกขึ้นมาทันทีและรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ๆๆ นะหมอ ลูกน้องผมคนนี้จับแมงกะพรุนพิษได้เลยกลายเป็นแบบนี้ ไม่ใช่หอยพิษอะไรสักหน่อย ”

โอดอมมองไปที่คาร์เตอร์และคนอื่นๆ อย่างสงสัย จากนั้นก็มองไปที่ฉินสือโอว

ฉินสือโอวรู้ว่าความจริงของเรื่องเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่ร้อนใจและยักไหล่ให้โอดอมพร้อมกับแสดงท่าทางให้เขาเข้าใจเองได้

โอดอมขอให้ชาวประมงหนุ่มนอนลงบนเตียงในโรงพยาบาลเขาแขวนน้ำเกลือและฉีดยาให้ชายหนุ่ม จากนั้นเขาก็พูดว่า “พวกคุณ ตอนนี้ผมต้องการรู้ความจริง ผมมีเซรุ่มมากมาย ผมต้องตัดสินใจว่าจะใช้ตัวไหนดี”

คาร์เตอร์ก็เป็นเจ้าของฟาร์มปลาเก่าเช่นกัน จึงคุ้นเคยกับแมงกะพรุนพิษเป็นอย่างดี เขารีบพูดถึงแมงกะพรุนพิษชนิดที่มีพิษในโปรตีน ซึ่งเป็นแมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส สามารถหลั่งพิษในโปรตีนได้

โอดอมพยักหน้า หลังจากตรวจอาการของชายหนุ่มแล้ว เขาก็เอาเลือดไปตรวจวิเคราะห์ตามปกติอีกครั้งและทำการเก็บตัวอย่างบาดแผลบนใบหน้าของเขา จากนั้นไม่นานก็ฉีดยาเซรุ่มให้เขาและพูดว่า “โอเค สิ่งที่จำเป็นในตอนนี้คือเขาต้องพักผ่อนและเขาจะกลับมาเป็นปกติมีชีวิตชีวาเหมือนเดิมในสองวัน”

คาร์เตอร์ถอนหายใจอย่างโล่งอกและกอดอกพร้อมพูดว่าอัลเลลูยา

หลังจากที่เขาขอบคุณพระเจ้าแล้ว โอดอมก็หยิบแบบทดสอบออกมาและเขาเซ็นชื่อโดยไม่ได้ดู จากนั้นก็จับมือขอบคุณโอดอมพร้อมพูดว่า “ขอบคุณครับหมอ ถ้าไม่มีคุณ ครั้งนี้น้องชายของผมคงต้องแย่แน่ๆ”

โอดอมยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องกังวล พิษของหอยเต้าปูนลายเสือจะกระจายอย่างรวดเร็วในเวลาสั้นๆ อันที่จริงยาในปริมาณเพียงเล็กน้อยจะไม่ทำให้เสียชีวิต ส่วนใหญ่จะทำให้เส้นเลือดและกล้ามเนื้อกระตุกและทำให้เกิดลมพิษ”

คาร์เตอร์หยักหน้าพร้อมเห็นด้วย แต่ไม่นานเขาก็มีปฏิกิริยาเริ่มพยักหน้าช้าลงเรื่อยๆ พร้อมกับมองไปที่โอดอมแล้วพูดว่า “คุณใส่ร้ายผมเหรอ?”

โอดอมขมวดคิ้วและพูดว่า “หมายความว่าอย่างไร?” เขาจึงเอาใบตรวจสอบทางเคมีให้ดู “คุณเซ็นชื่อในเอกสารใบนี้เองไม่ใช่เหรอ? นอกจากนี้ ผมได้ตรวจสอบพิษในบาดแผลของเขาดูแล้ว ซึ่งมันเป็นสารพิษทางชีวภาพที่มีโปรตีน ซึ่งอยู่ในหอยเต้าปูนลายเสือ”

คาร์เตอร์หน้าแดงก่ำพร้อมกับร้องตะโกนพูดว่า “คุณอย่าพูดเหลวไหลนะหมอ ผมจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น?”

ฉินสือโอวเข้ามาแทรกแซงระหว่างทั้งสองด้วยความงงงวยและถามว่า “เดี๋ยวก่อน ฉันไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้น? ผู้ชายคนนี้ถูกพิษอะไรกันแน่?”

“หอยเต้าปูนลายเสือ!” “แมงกะพรุนไฟหมวกโปรตุเกส!”

เสียงของทั้งสองคนดังขึ้นแทบจะพร้อมกัน

ฉินสือโอวเรียกหู่จือและเป้าจือเข้ามาให้พวกมันมาดมใบหน้าของชายหนุ่ม จากนั้นให้นีลเซ็นพาพวกมันไปที่เรือลาดตระเวน “ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม ให้ลูกๆ ของผมได้ลองค้นหาดูก่อนแล้วค่อยกลับมาคุยกันไหม? พวกมันสามารถหาผู้ร้ายที่ทำร้ายผู้ชายคนนี้ได้”

คาร์เตอร์ต้องการที่จะขว้างเจ้าแลบราดอร์ทั้งสองตัวนี้ออกไป แต่ฉินสือโอวกำลังจ้องมองเขาและพูดอย่างไม่พอใจว่า “เกิดอะไรขึ้นกันแน่? ทำไมคุณถึงดูลุกลี้ลุกลนขนาดนี้ล่ะ? ท่านประธาน คุณไม่ได้ปิดบังอะไรผมใช่ไหม?”

คาร์เตอร์หายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดว่า “เอาล่ะ พูดตรงๆ นะ ลูกน้องของผมคนนี้บาดเจ็บจากหอยเต้าปูนลายเสือจริงๆ ผมต้องขอโทษที่โกหกคุณ? แต่ผมมีความลำบากใจ”

ฉินสือโอวยักไหล่พร้อมกับยิ้ม แล้วพูดว่า “ท่านประธาน ผมอยากฟังรายละเอียดมากกว่านี้”

คาร์เตอร์เปิดปากพูดและสุดท้ายก็พูดอย่างไร้สาระว่า “ไม่มีอะไร ผมแค่ไม่ต้องการให้เกิดความเข้าใจผิดก็เท่านั้น…”

“เข้าใจผิด?” ฉินสือโอวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับกอดแขนทั้งสองข้าง แล้วถามว่า “เข้าใจผิดอะไร? ทำไมยิ่งฟังผมยิ่งสับสนมากขึ้นเรื่อยๆ?”

ขณะนี้มีรถตำรวจคันหนึ่งขับเข้ามาถึงประตูโรงพยาบาลชุมชน โรเบิร์ตสารวัตรร่างท้วมพาตำรวจสองคนลงจากรถมาด้วยและถามด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่า “หมอ มีเรื่องอะไรกันเหรอ? คุณบอกว่าพบหอยพิษเหรอ?”

คาร์เตอร์มองไปที่ฉินสือโอวด้วยความโกรธและลังเลใจ ฉินสือโอวเองก็แปลกใจ จึงมองไปที่โอดอม ฉินสือโอวอธิบายว่า “ขออภัยคุณคาร์เตอร์ นี่เป็นกฎในเมืองของเรา ถ้ามีการค้นพบหอยพิษจะต้องแจ้งตำรวจ ตำรวจจะเป็นฝ่ายจัดการดูแลเรื่องนี้”

ทันทีที่ตำรวจปรากฏตัวขึ้น ชาวประมงลูกน้องของคาร์เตอร์ก็พากันตื่นตระหนกตกใจ หู่จือและเป้าจือก็ถูกนีลเซ็นพาขึ้นเรือลาดตระเวน ไม่นานก็พบกล่องเพาะพันธุ์ที่มีหอยเต้าปูนลายเสือมากกว่ายี่สิบตัว

คาร์เตอร์พูดด้วยความโกรธว่า “พวกคุณบุกเข้าไปในเรือลาดตระเวนของผมอย่างผิดกฎหมาย พวกคุณไม่มีสิทธิ์ที่จะค้นเรือของผม! นี่มันผิดกฎหมาย เข้าใจไหม? ผมจะฟ้องพวกคุณ!”

ฉินสือโอวพูดอย่างเย็นชาว่า “ผมไม่เข้าใจ คุณประธานทำไมคุณถึงกังวลขนาดนี้? มันเป็นแค่หอยเต้าปูนลายเสือเท่านั้นเอง ผมได้รับคำยินยอมจากปากคุณแล้วว่าให้สุนัขของผมไปค้นหาผู้ร้ายที่ทำร้ายลูกน้องของคุณได้”

“ผมไม่ได้ยินยอม!”

โรเบิร์ตส์มองไปที่กล่องใส่หอยเต้าปูนลายเสือใบนี้ จากนั้นก็จ้องไปที่คาร์เตอร์แล้วถามว่า “คุณชาวต่างชาติ นี่มันคืออะไร? ช่วยอธิบายให้ผมฟังหน่อยได้ไหม?”

คาร์เตอร์สงบสติอารมณ์และพูดว่า “ผมจะไม่พูดอะไรจนกว่าทนายความของผมจะมาถึงที่นี่”

มีข้อมูลเล็กน้อยเกี่ยวกับกฎหมายของแคนาดาที่ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร นั่นคือหลังจากที่ตำรวจจับคน ตราบใดที่ทนายความยังไม่มา คำพูดของเขาคนนั้นจะไม่สามารถใช้เป็นหลักฐานได้ แต่เมื่อทนายความมาถึงแล้ว สิ่งที่พูดออกมาก็จะเป็นหลักฐานที่หนักแน่นได้ จากนั้นจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามต้องการ

บางเรื่องไม่ต้องการหลักฐาน ฉินสือโอวแสร้งทำเป็นเข้าใจจึงโกรธแล้วไปฉีกเสื้อคลุมของคาร์เตอร์พร้อมตะโกนว่า “ในเมืองของเรา หอยพิษถูกทิ้งเมื่อสองสามวันก่อน คุณทำใช่ไหม?”

คาร์เตอร์ยืนกรานว่า “ผมจะไม่พูดจนกว่าทนายความของผมจะมา”

“แต่ลูกน้องของคุณสามารถเปิดปากพูดได้ ผมพนันได้เลยว่าพวกเขาคงไม่ต้องการเสี่ยงระหว่างอาชีพชาวประมงกับเสี่ยงติดคุกเพราะปลอมใบรับรองแน่นอน” โรเบิร์ตพูดอย่างมั่นใจ

…………………………………………………………

ชาวประมงหลายคนต่างพากันอ้าปากค้างและตำรวจก็พาพวกเขาออกไป โรเบิร์ตพูดเสริมอย่างเย็นชาว่า “พวกคุณต้องคิดให้ดี คุณมีพ่อแม่ มีภรรยาลูกชายและลูกสาว เมื่อคุณเข้าคุกชีวิตของพวกเขาจะจบสิ้น และถ้าคุณออกมาจากคุกก็จะยิ่งหางานได้ยากขึ้น ”

ฉินสือโอวจ้องไปที่คาร์เตอร์ด้วยสีหน้าไม่พอใจ เขาพูดด้วยความโมโหว่า “คุณไม่ได้มาหาผมเพราะมีเรื่องจะคุยหรอกใช่ไหม? เดิมทีที่คุณต้องการมาก็เพื่อที่จะทำร้ายเมืองของเราใช่มั้ย? ดีมาก! ”

ในขณะที่พูดอยู่ เขาก็พลางหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดเบอร์โทรศัพท์ของแมทธิว จินแล้วพูดว่า “เฮ้ รัฐมนตรีจิน? ผมฉินเอง ใช่สิ แน่นอนว่ามีเรื่องที่จะพูด ยังจำเรื่องที่คุณบอกผมเกี่ยวกับพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ได้ไหม? ผมคิดว่าคุณพูดถูก ผมควรเป็นประธานคณะกรรมการ ”

ทางฝั่งแมทธิว จินก็รู้สึกตกใจเมื่อเขารับสายของฉินสือโอวและพูดด้วยความแปลกใจว่า “ทำไมจู่ๆ ถึงคิดเรื่องนี้อย่างมั่นใจแล้วล่ะฉิน? ”

ฉินสือโอวพูดว่า “เพราะผมดื่มมากเกินไปตอนที่ผมแต่งงานน่ะสิ ตอนนี้ก็เลยเพิ่งจะตื่นขึ้นมา ”

แมทธิว จินหัวเราะชอบใจ “เอาล่ะ ถ้าอย่างนั้นผมขอแนะนำคุณว่าให้วินนี่ทำซุปแก้เมาค้างให้ ผมลองแล้ว รสชาติดีและได้ผลมาก ในเมื่อคุณยินยอมแล้ว ก็เตรียมพร้อมที่จะรับตำแหน่งเถอะ งานของเราได้เริ่มขึ้นแล้ว ”

หลังจากวางสายแล้ว ฉินสือโอวก็มองไปที่คาร์เตอร์อย่างเย็นชาและพูดว่า “คุณทำให้ผมโกรธแล้วนะ ผมจะลงเลือกตั้งผู้นำพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์และผมคิดว่าผมได้ตำแหน่งผู้นำนี้แล้ว!”

……………………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท