ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1397 ผู้คนล้นหลาม

บทที่ 1397 ผู้คนล้นหลาม

ในวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน เมืองแฟร์เวลได้จัดการแข่งขันเรือฟักทองที่ทะเลสาบเฉินเป่า

วินนี่พูดถูก เงินรางวัลนี้มีแรงดึงดูดเกินไป ภายในครึ่งเดือนมีผู้ลงชื่อสมัครทั้งหมดสี่ร้อยคน ครอบคลุมครึ่งหนึ่งของแคนาดา ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่ไกลที่สุดมาจากเขตแม็คเลนแนนในรัฐแอลเบอร์ตา

แน่นอนว่าพ่อลูกจากเขตแม็คเลนแนนเป็นนักกีฬาของกิจกรรมนี้ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็จะเป็นได้แค่ตั๋วบวกค่าฝากขนส่งของเรือฟักทอง

หลังจากการเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ฉินสือโอวจึงได้ทำการสร้างเรือฟักทองขั้นสุดท้าย ก่อนอื่นเขาต้องติดตั้งห่วงเหล็กห้าอันไว้ด้านนอกของเรือฟักทอง นี่คือโครงของเรือฟักทอง เพื่อป้องกันไม่ให้เสียรูปทรง เมื่อเรือฟักทองถูกกระแทกอย่างแรงเมื่อผิดรูปแล้วจะทำให้แตกได้ง่าย

ต่อมาเขาได้สร้างไม้พายสองอันบนเรือฟักทอง เพื่อให้คนบนเรือพายตรงกลางเท่านั้น เรือฟักทองของพวกเขามีขนาดใหญ่มาก ถ้าพายหนึ่งอันจะพายไปทางซ้ายขวาได้ก็จะต้องเป็นผู้ใหญ่พาย แต่สำหรับเด็กๆ แล้วจะถือว่าเป็นความท้าทายที่ยิ่งใหญ่

พาวลิส เชอร์ลี่ย์ กอร์ดอน มิเชล ชาร์คน้อย ไวส์ ซีมอนสเตอร์น้อยและลอเรนซ์ เด็กๆ ทั้งแปดคนพร้อมกับเรือแปดลำจะไปฝึกกันทุกวันหลังเลิกเรียน อันดับหนึ่งคือรางวัลเงินสดหนึ่งหมื่นดอลลาร์แคนาดา

เนื่องจากมีคนสมัครเป็นจำนวนมาก วินนี่จึงทำการแบ่งกลุ่มเป็นการแข่งขันชายและหญิงแยกกัน ดังนั้นจึงต้องมีการตั้งเงินรางวัลทั้งหมดสี่ส่วน ซึ่งจะเป็นการเพิ่มภาระในการแข่งขันและเพิ่มความน่าดึงดูดของการแข่งขันด้วย

วินนี่ไม่สนใจการเพิ่มเงินรางวัล แต่วิธีการของฉินสือโอวทำให้เธอมีความคิดสร้างสรรค์ จากนั้นเธอก็ออกเดินทางไปในเมืองเพื่อหาผู้สนับสนุน เมื่อเธอหาสปอนเซอร์ได้และยังได้รับการสนับสนุนอีกมากมาย กิจกรรมของเมืองนี้จึงไม่จำเป็นต้องออกเงินก็สามารถจัดกิจกรรมได้

ในเช้าวันเสาร์ ฉินสือโอวตื่นนอนและพาพวกเด็กๆ ทั้งแปดคนไปออกกำลังกายเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับพวกเขา การแข่งขันครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เพราะมีคู่ต่อสู้ที่แข็แกร่งและทรงพลังเป็นจำนวนมาก!

หลังจากทำทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็เอาเรือฟักทองของเชอร์ลี่ย์และมิเชลไปไว้บนตู้โบกี้เอฟหกร้อยห้าสิบและขับรถไปที่ทะเลสาบเฉินเป่า ดังนั้นสถานที่ในการแข่งขันครั้งนี้จึงอยู่ที่ทะเลสาบเฉินเป่า

มีรถกระบะสี่คันตามหลังเอฟหกร้อยห้าสิบมาติดๆ และบนรถหนึ่งคันจะสามารถขนส่งเรือฟักทองได้สองลำ เนื่องจากเรือฟักทองค่อนข้างมีขนาดใหญ่ จึงทำได้เพียงติดตั้งแยกกันเท่านั้น

รถแต่ละคันขับผ่านไปอย่างยิ่งใหญ่และดูเหมือนจะมีพลังมากพอที่จะสามารถทำลายขวัญกำลังใจของคู่ต่อสู้ได้

เมื่อเขามาถึงริมทะเลสาบ ฉินสือโอวจึงยื่นหน้าออกไปมองดูและอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ “ให้ตายเถอะ คนเยอะมากจริงๆ!”

ทะเลสาบเฉินเป่าน่าจะอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะแฟร์เวล และเมืองนี้ก็บังเอิญตั้งอยู่ตรงกลางของเกาะพอดี ดังนั้นจากตัวเมืองไปยังเกาะแฟร์เวล จะต้องไปทางตะวันตกเฉียงเหนือซึ่งอยู่ใกล้กันมาก โดยทั่วไปแล้วชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเฉินเป่าจะได้รับการพัฒนามากที่สุด เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองมากที่สุด

สิ่งที่ฉินสือโอวมองเห็นในตอนนี้ก็คือพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเฉินเป่าที่เต็มไปด้วยผู้คนผ่านไปผ่านมา พ่อค้าจำนวนมากก็ตั้งแผงขายของที่นี่ นอกจากนี้ยังมีรถเข็นมาขายเครื่องดื่ม อาหาร ขนมหรือแม้กระทั่งยังมีคนมาขายประกันภัยและอสังหาริมทรัพย์ที่นี่

อย่าเชื่อคำโกหกที่บริษัทประกันภัยบอกว่าอุตสาหกรรมนี้เติบโตอย่างมากในต่างประเทศและไม่จำเป็นต้องมีพนักงานในการขายเพียงแค่รอให้ลูกค้ามาหาก็พอ เท่าที่ฉินสือโอวรู้ อุตสาหกรรมประกันภัยของแคนาดามีการพัฒนาอย่างมาก แต่การแข่งขันก็รุนแรงมากเช่นกัน

ดังนั้นพนักงานขายของบริษัทประกัน บางทีอาจจะไม่ต้องวิ่งไปขายให้ลูกค้า แต่กลับต้องโทรศัพท์ติดต่อ และสาเหตุที่พวกเขาไม่ไปนั้น ไม่ได้มาจากการพิจารณาด้านจริยธรรม แต่เป็นเพราะย่านที่อยู่อาศัยในแคนาดากระจัดกระจายมากและถ้าขับรถไปที่หาเองก็จะไม่ได้รับค่าน้ำมัน

นี่คือการพูดนอกเรื่อง สรุปแล้วตอนนี้ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของทะเลสาบเฉินเป่าถูกพ่อค้าเข้ายึดครอง และในส่วนของริมทะเลสาบก็คือเรือฟักทองลำใหญ่หรือเล็กแต่ละลำ

ฉินสือโอวและอีวิลสันเอา ‘เรือเจ้าหญิงตี้หลู’ ของเชอร์ลี่ย์ลงมา หลังจากจัดการวางอย่างเหมาะสมแล้วก็ใส่สายสะพายเด็กแล้วอุ้มเด็กหญิงตัวน้อยลงไปเหมือนกับจิงโจ้

เด็กหญิงตัวน้อยมีจุกหลอกดูดนมอยู่ในปากและเธอมองไปที่ผู้คนรอบๆ ตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น จู่ๆ ระหว่างนั้นเธอก็ดิ้นอย่างกระวนกระวายพร้อมกับเหยียดแขนออกไปและร้องตะโกนว่า “ป่าป๊า หม่าม๊า หม่าม๊า!”

ฉินสือโอวจึงหันหน้าไปดูและเห็นวินนี่ที่สวมเครื่องแบบโอแอลกำลังพาลูกน้องเดินตรวจสอบรอบๆ

หลายคนต่างพากันถ่ายรูปกับวินนี่ วันนี้นายกเทศมนตรีหญิงสวมเครื่องแบบโอแอลสีดำ ซึ่งเป็นชุดเซ็ตสูทตัวเล็กและกางเกงเอวสูง

ดังนั้น เธอจึงกลายเป็นบุคคลที่มีผู้ชมมากที่สุดในสถานที่นี้ หลังจากที่วินนี่ปรากฏตัว ฉินสือโอวก็ได้ยินนักท่องเที่ยวหรือไม่ก็ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่รอบๆ ตัวเธอคุยกันอย่างต่อเนื่องและมีบางคนเดินมาอยู่ต่อหน้าเขาแล้วพูดตรงๆ ว่า “ว้าว นายกเทศมนตรีหญิงคนนี้ฮอตมาก!”

ยิ่งไปกว่านั้น วินนี่ยังสวมแว่นตาที่ไม่มีขอบและผมมวยไว้ด้านหลัง ทำให้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยเสน่ห์

ความสวยของผู้หญิงที่กำลังเต็มที่ทำให้เพิ่มลมปราณ ผลก็คือฆ่าผู้ชายตายเรียบ!

ฉินสือโอวยิ้มและพูดว่า “ใช่ เธอฮอตมาก แต่นิสัยของเธอกลับอ่อนโยนเหมือนน้ำ”

ชายคนนั้นส่ายหัวด้วยความอิจฉา “ไม่รู้ว่าไอ้บ้าคนไหนได้แต่งงานกับเธอกันนะ!”

หลังจากได้ยินที่เขาพูด ฉินสือโอวไม่รู้ว่าตัวเองควรจะโกรธหรือดีใจดี เพราะเขาเป็น ‘ไอ้บ้า’ คนนั้น

เด็กหญิงตัวน้อยดิ้นอย่างสุดแรง ฉินสือโอวลูบผมสั้นที่ศีรษะของเธอและพาเธอไปที่บริเวณด้านข้างๆ

วินนี่ยุ่งจนเท้าแทบไม่ติดพื้น เขาจึงไม่ต้องการทำให้เธอลำบากอีก

ฉินสือโอวไม่ได้จ่ายค่าสปอนเซอร์โดยเปล่าประโยชน์ มีบอลลูนขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือทะเลสาบเฉินเป่า ซึ่งมันเป็นบอลลูนของฟาร์มปลา ด้านล่างจะห้อยป้ายประกาศและในนั้นเขียนว่า อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินขออวยพรให้นักกีฬาที่เข้าร่วมได้รับผลการแข่งขันตามที่หวังไว้

นอกจากนี้ ในเมืองนี้ยังได้จัดรถประชาสัมพันธ์ ซึ่งฝั่งหนึ่งของรถตู้จะมีโลโก้และสโลแกนของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ส่วนอีกฝั่งหนึ่งจะเป็นการประชาสัมพันธ์ของผู้ให้การสนับสนุนอื่นๆ และบรรดารถขายของที่เข้ามาขายของในสถานที่จัดกิจกรรมนี้ จำเป็นจะต้องมีธงแขวนไว้ด้วย ด้านบนจะเป็นชื่อของผู้สนับสนุนรายใหญ่และเมืองนี้ก็จะทำการประชาสัมพันธ์ให้อย่างรอบด้าน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อากาศอบอุ่นขึ้นและแสงดวงอาทิตย์บนท้องฟ้าก็ทั้งอบอุ่นและสบาย วันนี้ค่อนข้างมีลมแรงเล็กน้อย แต่คลื่นในทะเลสาบเฉินเป่ากลับไม่ใหญ่มาก มีเพียงลูกคลื่นเล็กๆ เท่านั้นที่ซัดขึ้นมาบนฝั่ง

นี่เป็นเครดิตของฉินสือโอว เพื่อการแข่งขันครั้งนี้วินนี่ต้องจ่ายเงินไปเท่าไรเขารู้ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถปล่อยให้สภาพอากาศทำลายการแข่งขันในครั้งนี้ได้ จึงส่งจิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งแปดออกไปควบคุมแทบทั่วทุกพื้นผิวของทะเลสาบเฉินเป่าไว้และรักษาพื้นที่น่านน้ำไม่ก่อให้เกิดคลื่นขนาดใหญ่

มีคนสังเกตเห็นความผิดปกตินี้ จึงบอกว่าวันนี้ลมก็ค่อนข้างแรงแต่ทำไมถึงไม่มีคลื่นลูกใหญ่เลย แต่ก็ไม่มีใครใส่ใจมากขนาดนั้น ทุกคนก็แค่สงสัยเท่านั้น

เวลาสิบโมงตรง ผู้เข้าร่วมการแข่งขันจะเริ่มรวมตัวกันเพื่อจับฉลากตัวเลข การแข่งขันแบ่งออกเป็นชายและหญิงสองกลุ่ม นอกจากนี้ยังมีการแข่งขันเดี่ยวและการแข่งขันคู่ ดังนั้นจึงมีทั้งหมดสี่กิจกรรมการแข่งขัน

เด็กๆ วัยรุ่นที่เข้าร่วมการแข่งขัน ส่วนใหญ่เป็นเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงมีจำนวนค่อนข้างน้อย ซึ่งมีเพียงประมาณหนึ่งร้อยคน แต่การแข่งขันเดี่ยวและการแข่งขันคู่จะได้รับอนุญาตให้ลงสมัครซ้ำได้ ดังนั้นถ้านับเรื่องนี้ด้วย ก็จะมีรอบการแข่งขันเพิ่มขึ้นอีกเป็นจำนวนมาก

…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท