ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1415 ยุ่งแล้วล่ะ

บทที่ 1415 ยุ่งแล้วล่ะ

ด้านนอกมีข่าวลือออกมาว่า ครั้งหนึ่งบอมบาร์เดียร์ต้องการที่จะขายหุ้นครึ่งหนึ่งของโครงการเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีให้กับบริษัทแอร์บัสของยุโรป ต่อมามีข่าวว่าบอมบาร์เดียร์ต้องการที่แยกส่วนประกอบออกขายสู่ตลาดเพื่อทำการเพิ่มหุ้น หรือไม่ก็ขายหุ้นส่วนใหญ่ของบริษัทให้กับบริษัทในประเทศจีน กล่าวได้ว่าทำไปเพื่อการระดมทุนในการพัฒนาและวิจัยซีรีส์ซี

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริง ใช่แล้ว ในความจริงบอมบาร์เดียร์ต้องการที่จะขายโครงการเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซี แต่ว่าเขาต้องการมองหาตัวเลือก พวกเขาต้องการศึกษาเครื่องบินเจ็ทรุ่นใหม่ทั้งหมด พวกเขาต้องการที่จะแข่งขันกับยุโรปแอร์บัสและโบอิ้งกรุ๊ปเพื่ออำนาจในการทำกำไร

นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่บอมบาร์เดีบร์จ้างให้ซากูนิสมารับตำแหน่งประธานบริษัท ซากูนิสเป็นรองประธานผู้บริหารผู้จัดการฝ่ายการตลาดของบริษัทโบอิ้ง เขารู้พื้นฐานของโบอิ้งเป็นอย่างดี เพื่อที่จะควบคุมเขา บอมบาร์เดียร์ต้องพยายามอย่างเต็มที่

ซากูนิสกับโบอิ้งกรุ้ปได้ลงนามในข้อตกลงทางการค้าร่วมกัน แต่เมื่อเขาตัดสินใจเข้ามายังบอมบาร์เดียร์ โบอิ้งก็ไม่ได้ห้ามเขา ว่ากันว่าเขาเข้าใจในจุดอ่อนของเหล่าผู้บริหารระดับเล็กของโบอิ้ง หลังจากที่เจรจากันแล้วจึงเกิดเป็นการประนีประนอมของทั้งสองฝ่าย

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉินสือโอว สิ่งที่เขาให้ความสนใจคือการก่อตั้งบริษัทบอมบาร์เดียร์ ซี แอร์ไลน์ โฮลดิ้งที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ เพราะว่าหลังจากที่เขาต้องพึ่งบริษัทนี้ จากเงินปันผลที่จะได้ปีละหลายร้อยล้านดอลลาร์แคนาดา

การที่รัฐบาลควิเบกลงทุนในบอมบาร์เดียร์ อันที่จริงแล้วเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงการสูญเสียงานจำนวนมาก ก่อนหน้านี้การปลดพนักงานของบอมบาร์เดียร์ไม่ใช่เรื่องสนุกเลย พวกเขาต้องการที่จะตัดโครงการวิจัยและพัฒนาซีรีส์ซีจริงๆ ตอนนี้พวกเขาไม่ต้องการทำการผลิต พวกเขาต้องการที่จะเป็นแบรนด์ในตลาดแห่งอนาคต

แต่รัฐบาลควิเบกไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น พวกเขาขอร้องให้บอมบาร์เดียร์ดำเนินการผลิตโครงการวิจัยและพัฒนาซีรีส์ซี และสัญญาว่ารัฐจะสรรหาทรัพยากรสำหรับการขายให้

นอกจากนี้ เพื่อที่จะให้มีอำนาจในการตัดสินใจในบอมบาร์เดีบร์ รัฐบาลควิเบกไม่รีรอที่เป็นผู้ชนะการประมูลกองทุนบำนาญข้าราชการและคนงานที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเพื่อที่จะนำเงินมาลงทุนในการจัดตั้งบริษัทย่อยของบอมบาร์เดียร์ เป้าหมายของพวกเขาคือการให้กำเนิดซีรีส์ซี

เพราะแบบนี้กลุ่มผู้บริหารระดับสูงที่นำโดยซากูนิสเชื่อว่า การอัดฉีดเงินลงทุนนี้สามารถเพิ่มความคล่องตัวในการทำงานและเรื่องเวลาของบอมบาร์เดียร์ได้ อีกทั้งบอมบาร์เดียร์ยังคงสามารถควบคุมสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทย่อยนี้ได้อีกด้วย ดังนั้นพวกเขาคิดว่าข้อตกลงนี้ถือว่าเป็นข้อได้เปรียบของบอมบาร์เดียร์

เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ตั้งแต่ซากูนิสให้เขาดูข้อมูลพวกนี้ หลังจากที่บอมบาร์เดียร์ได้รับเงินลงทุนจากรัฐบาลควิเบก จากกองทุนบำนาญและจากเขาแล้ว สภาพคล่องทางการเงินของพวกเขามีมากถึงเจ็ดพันล้านเหรียญสหรัฐ เงินจำนวนนี้เพียงพอที่จะสร้างและขายเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีได้อย่างสบายๆ

นอกจากนี้แล้ว บอมบาร์เดียร์ยังสามารถใช้กำไรที่จะเกิดขึ้นจากเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีในการสนับสนุนการพัฒนาเครื่องบินเจ็ทรุ่นต่อไปได้ เพราะแบบนี้แม้ว่าเศรษฐกิจของแคนาดาจะยังคงย่ำแย่ มันก็จะไม่สร้างความกดดันทางการเงินให้กับบริษัทใหญ่อย่างบอมบาร์เดียร์เพิ่มขึ้น

ข่าวที่สำคัญอีกเรื่องก็คือ บอมบาร์เดียร์ได้ผลิตเครื่องบิทเจ็ทแล้วสองลำ ซึ่งจะส่งมอบให้ลูกค้าในต้นปีหน้า กล่าวได้ว่า พวกเขาได้ทำการผลิตซีรีส์ซีแล้วล่วงหน้า แม้ว่าตอนนี้รัฐบาลควิเบกจะเสียใจที่ไม่ได้ลงทุนในโครงการนี้ แต่พวกเขาก็ได้ผลิตเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซีออกมาแล้ว

แน่นอน บอมบาร์เดียร์ไม่กลัวว่ารัฐบาลควิเบกจะถอนหุ้น เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ หากรัฐบาลควิเบกทำแบบนี้ บอมบาร์เดียร์ก็จะพิจารณาย้ายศูนย์ปฏิบัติการออกจากควิเบก อีกอย่างเศรษฐกิจในทุกรัฐของแคนาดาที่ย่ำแย่อยู่ตอนนี้ พวกเขาต่างกระตือรือร้นที่จะให้บริษัทชั้นนำอย่างบอมบาร์เดียร์เข้ามาตั้งบริษัทในรัฐของตัวเอง

เมื่ออ่านเอกสารจบ ฉินสือโอวก็เผาเอกสารทิ้ง จากนั้นก็นำขี้เถ้าใส่ถุง เขาจะคืนให้กับซากูนิสในตอนที่พวกเขาทานอาหารค่ำด้วยกัน

ซากูนิสที่ถือกองขี้เถ้าอยู่ยิ้มกว้างให้กับฉินสือโอว ทุกอย่างผ่านไปโดยที่ไม่ต้องมีใครพูดอะไร

วินนี่มาถึงในตอนเย็น ทันเวลาอาหารค่ำพอดี ซากูนิสเชิญพวกเขาไปเยี่ยมบ้านของตัวเอง โดยมีเขาและภรรยาเข้าครัวเตรียมอาหารไว้แล้ว

สำหรับนักธุรกิจผู้กระหายในแคนาดาแล้ว การที่ซากูนิสเชิญชวนฉินสือโอวแบบนี้แสดงให้เห็นว่าฉินสือโอวเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดเขามากที่สุด

ซึ่งฉินสือโอวยินดีเป็นอย่างมาก

การประชุมผู้ถือหุ้นครั้งแรกจัดขึ้นในวันที่สิบเก้า ฉินสือโอวสวมสูททรงตรงเข้าร่วมงานประชุม ไม่มีใครสนใจเขา พวกเขาคิดว่าฉินสือโอวเป็นพนักงานหรือไม่ก็ผู้ช่วยของผู้ประกอบการคนหนึ่ง

การประชุมครั้งนี้ถูกจัดขึ้นภายในโรงแรมแห่งหนึ่ง ผู้เข้าร่วมประชุมมากมาย ครอบคลุมสถาบันการลงทุนหลายสถาบัน บอมบาร์เดียร์ส่งผู้บริหารระดับสูงมาแนะนำสถานการณ์ของบริษัทย่อยในครั้งนี้ เพื่อเชิญชวนให้พวกเขาเข้าร่วมลงทุน

ปรากฏว่าเมื่อถึงเวลาเริ่มการประชุม ฉินสือโอวถูกเชิญให้ไปยังแถวแรก ซ้ายมือของเขาคืออดีตรัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของควิเบก ซาร่า เบบี้ แจ็คสัน…เขาเป็นผู้ลงสมัครตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของบริษัทย่อยที่ได้รับความนิยมมาก ส่วนทางขวามือของเขาคือผู้บริหารระดับสูงของสถาบันจัดการแผนบำนาญและโครงการประกันรัฐควิเบกท่านหนึ่ง

ผู้เข้าร่วมงานต่างพากันตกตะลึง ในตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าชายหนุ่มผู้สง่าผ่าเผย ร่างกายเต็มไปด้วยพลังงานคนนี้จะต้องมีภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่แน่นอน แต่ไม่ใช่เรื่องที่พวกเขาจะคาดเดาได้ง่ายเหมือนก่อนหน้านี้

ผลการประชุมที่ออกมาก็ทั่วๆ ไป อย่างน้อยก็เป็นไปตามที่ฉินสือโอวคิด เพราะว่าเรื่องที่พูดในที่ประชุมเป็นเรื่องที่เขาอ่านหมดแล้วเมื่อวานนี้ สิ่งที่เขาอ่านนั้นดูสมจริงและมีรายละเอียดที่มากกว่าเสียอีก

การประชุมสิ้นสุดลงในตอนกลางวัน พวกเขาเตรียมตัวจะออกจากที่ประชุม แต่จู่ๆ รปภ.ของโรงแรมก็เข้ามา บอกให้พวกเขาใจเย็น และบอกว่าอย่าพึ่งออกจากห้องประชุม

ฉินสือโอวเดินไปที่หน้าต่างแล้วเปิดม่านออกเพื่อดูเหตุการณ์ด้านนอก เขาเห็นว่าที่ด้านนอกมีกลุ่มคนกำลังทำการประท้วงอยู่ ผู้คนแน่นขนัด สถานการณ์เต็มไปด้วยความฮึกเหิม เหมือนว่ากลุ่มคนแรงงานจะได้ทำการล้อมโรงแรมไว้แล้ว พวกเขาพากันชูป้ายแบนเนอร์ ป้ายไม้และพากันตะโกนออกมา ที่ด้านนอกนั้นดูวุ่นวาย

ดูคร่าวๆ ก็พอจะรู้ได้ว่า คนพวกนี้เป็นคนงานที่โดนบอมบาร์เดียร์เลิกจ้างงานทั้งหมด วันนี้เมื่อได้ข่าวว่าบอมบาร์เดียร์จัดงานประชุมเพื่อหาเงินลงทุนให้บริษัทย่อย พวกเขาก็ต้องรีบมาสร้างความวุ่นวาย

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเขา เขาจึงทำเพียงยืนอยู่เฉยๆ แล้วดูคนของบอมบาร์เดียร์ไปจัดการเรื่องที่ด้านนอก

เขาไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นคนดีหรือผู้ผดุงความยุติธรรม เรื่องนี้ไม่สามารถตัดสินใจ เขาในฐานะคนนอกไม่เข้าไปยุ่งจะดีที่สุด

ตอนนี้ไม่เพียงแค่บอมบาร์เดียร์เท่านั้นที่เลิกจ้างพนักงาน บริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งก็ทำแบบนี้เช่นกัน ดังนั้นหากรัฐบาลควิเบกต้องการที่จะผลิตเครื่องบินเจ็ทซีรีส์ซี พวกเขาจึงจำเป็นที่จะต้องจ้างคนงานเพิ่ม

เนื่องจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ และการลงทุนทางธุรกิจลดลงอย่างรวดเร็ว เท่าที่ฉินสือโอวรู้มา เศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกของแคนาดาในปีนี้หดตัวลง การเติบโตของเศรษฐกิจในช่วงปีหลังยังไม่ออกมา เดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าถึงจะได้ผลทางสถิติออกมา แต่ว่าดูจากท่าทางแล้วคงจะไม่ได้เป็นข่าวดีอะไรแน่นอน

ฉินสือโอวหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเริ่มให้ความสนใจกับปัญหาเศรษฐกิจในระดับมหาภาคของแคนาดา เนื่องจากตอนนี้สถานะทางสังคมของเขาไม่เหมือนเดิมแล้ว เขากำลังจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทย่อยของบอมบาร์เดียร์ เขาจึงจำเป็นที่จะต้องรู้เรื่องเศรษฐกิจพวกนี้ เพื่อที่ในอนาคตจะได้ขายหุ้นคืนเพื่อเอาเงินสดออกมาได้อย่างสบาย….

ผู้รับผิดชอบการประชุมผู้ถือหุ้นของบอมบาร์เดียร์ออกไปเจรจากับผู้ประท้วง ผลปรากฏว่าไม่สำเร็จ คนงานพวกนั้นไม่สนใจเขา ไม่ว่าอย่างไรซากูนิส ประฐานบริษัทบอมบาร์เดียร์ก็จะต้องออกมาสัญญาว่าจะรับพวกเขากลับไปทำงานอีกครั้ง

ข้อเรียกร้องของผู้ประท้วงถือว่ามีเหตุผล ตอนนี้ที่กำลังจะตั้งบริษัทย่อย และต้องเปิดการผลิตอีกครั้ง อย่างนั้นก็จำเป็นที่จะต้องการคนงาน พวกเขาในฐานะคนงานและพนักงานเก่าที่มีประสบการณ์ควรได้สิทธิ์ในการว่าจ้างก่อนไม่ใช่เหรอ?

คนที่มาร่วมประท้วงรอบๆ โรงแรมเริ่มมีมากขึ้นเรื่อยๆ ผลกระทบก็ยิ่งใหญ่ขึ้น ซากูนิสจึงจำเป็นที่จะต้องปรากฏตัว

หลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์น่าเศร้าขึ้นมา เมื่อซากูนิสออกมา เหล่าคนงานก็พากันโมโหขึ้นมาทันที ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พวกเขาฝ่าแนวป้องกันชั่วคราวของตำรวจและหน่วยรักษาความปลอดภัย แล้วพุ่งเข้าไปหมายจะฆ่าซากูนิส…..

………………………………………..

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท