เรือปริ้นเซสเมล่อนขนาดใหญ่กำลังล่องลอยไปในท้องทะเล วันนี้คลื่นค่อนข้างใหญ่ ลมก็แรง แค่ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อปริ้นเซสเมล่อนมากนัก นี่เป็นเรือขนาดใหญ่หลายพันตันเชียวนะ!
ฉินสือโอวยืนอยู่ที่หัวเรือ เขายืนยืดตัวตรง สายตาแหลมคม เขารู้สึกว่าถ้าเขามีดาบจริงๆ สักหนึ่งเล่ม ไม่อย่างนั้นตอนนี้เขาคงอยู่ในท่าของฮีโร่แล้ว หลังจากที่ถ่ายรูปและโพสลงเว่ยป๋อ มันจะต้องเป็นที่ฮือฮาอย่างแน่นอน
ปริ้นเซลเมล่อนล่องไปข้างหน้าด้วยความเร็วที่มั่นคง ไม่ต่างอะไรกับการนั่งเรือขนาดใหญ่ สบายมาก
การออกทะเลครั้งนี้ของฉินสือโอวไม่ใช่เพราะออกมาตกปลา ตอนนี้เขาเชื่อมั่นในรายได้ของอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินของเขา อาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินมุ่งเน้นไปที่ตลาดระดับกลางจนถึงระดับสูงมาตลอด สินค้าทั้งหมดคือผลผลิตจากฟาร์มปลา เพราะของที่ได้จากการตกปลานั้นขายไม่ค่อยได้เงินมากเท่าไร
เพราะเหตุนี้ การออกทะเลในครั้งนี้ของเขาจึงมีวัตถุประสงค์อยู่สองอย่าง หนึ่งคือการมาฮันนี่มูนกับวินนี่ โดยการมาท่องเที่ยวที่มหาสมุทรแอตแลนติก สองคือมาหาเรืออับปางเพื่อสร้างรายได้
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา เมื่อก่อนเขาขี้เกียจ คิดว่าเงินที่มีอยู่ในกระเป๋านั้นเพียงพอ เขาขี้เกียจที่จะไปหาเรืออับปาง ด้วยเหตุนี้เขาจึงออกหาเรืออับปางที่มีมูลค่าเพียงครั้งคราวเท่านั้น
ตอนนี้เงินของเขาขาดแล้ว ทำให้เขาขยันขันแข็งที่จะหาสมบัติที่อยู่ในเรืออับปาง ปรากฏว่ากลับหาไม่เจอแล้ว แน่นอน เขาไม่ได้หาเรืออับปางไม่เจอ แต่เขาต้องการหาสมบัติที่อยู่ในเรืออับปาง ไม่ได้สมบัติแล้วเขาจะกอบกู้เรือพวกนั้นทำไมกัน?
แต่ว่าจุดประสงค์ที่สำคัญกว่าคือการพักผ่อน นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้พาวินนี่ออกมาเที่ยว เดิมทีฉินสือโอวคิดไว้ว่าการไปเที่ยวครั้งแรกของพวกเขาจะไปยังประเทศที่อยู่บริเวณเส้นศูนย์สูตร ไม่คิดเลยว่าจะมายังขั้วโลกเหนือ
วินนี่อยากเห็นแสงเหนือ ฉินสือโอวก็ไม่เคยเห็น เรื่องนี้ดันเป็นเรื่องที่ทั้งสองคนใจตรงกัน
เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ฉินสือโอวจึงทุ่มเทกับมันอย่างเต็มที่ ไม่เพียงแต่จะพาแบล็คไนฟ์ บีบีซวงและพวกทหารมาด้วย แต่ยังมีการจัดเตรียมบอดี้การ์ดใต้น้ำที่ทรงพลังด้วย…นั่นคือทีมสัตว์ประหลาดทะเล ที่นำทีมโดยเฮยป้าหวัง ละตามมาด้วยกองกำลังงูทะเลยักษ์ กองกำลังทหารนี้ไม่กลัวที่จะเผชิญหน้ากับกองทัพเรือ
ชาร์คเดินออกมาจากห้องควบคุม ฉินสือโอวหันไปถามเขาว่า “เป็นอย่างไรบ้าง? ทุกอย่างปกติดีไหม?”
ชาร์คพยักหน้า แล้วตอบว่า “ไม่มีปัญหาครับ ผมกับพอลคุยกันแล้ว การเดินทางของปริ้นเซสปกติดีมากครับ”
พอลก็คือเพ่าไห่ นามสกุลของเขาหายากมากในประเทศจีน ฉินสือโอวไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีตระกูลที่มีนามสกุลนี้อยู่ แต่ว่าเมื่อมาอยู่ที่แคนาดากลับพบเจอสกุลนี้ได้บ่อย ‘เพ่า’ ออกเสียงเหมือนกับคำว่า ‘พอล’ ดังนั้นเขาจึงตั้งชื่อภาษาอังกฤษให้ว่าเพ่าไห่ว่าพอล
ชาร์คเห็นว่าฉินสือโอวยืนอยู่ที่ดาดฟ้าอยู่คนเดียว จึงถามว่าต้องการเบ็ดตกปลาสักหน่อยไหม ให้ทุกคนมาแข่งตกปลากัน
ฉินสือโอวไม่สนใจ ที่รอบๆ เรือมีสัตว์ประหลาดใต้น้ำคอยคุ้มกันอยู่ ปลาตัวใหญ่ที่ไหนจะกล้าเข้ามาใกล้เรืองั้นเหรอ? และต่อให้จะมีลูกปลาตัวเล็กๆ อยู่ที่ด้านล่างเรือ และจะเอาไปทำอะไรได้? ตกปลาเพื่อมาเป็นอาหารสุนัขงั้นเหรอ?
ด้วยเวลาและพลังที่มีอยู่ในตอนนี้ สู้ให้เขาหาเรืออับปางยังจะดีกว่า
ยิ่งล่องเรือไปทางเหนือ อากาศก็แย่ลง ตามประวัติศาสตร์ที่มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือถือว่าเป็นสุสานเรืออับปางที่มีชื่อเสียง แต่ว่าไม่ได้มีชื่อเสียงเรื่องสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการกอบกู้สมบัติ เพราะว่าเรือที่จมลงที่น่านน้ำแห่งนี้ไม่มีสมบัติอยู่ เรือสมบัติไม่ค่อยแล่นผ่านมาแถวนี้ มีเพียงเรือของโจรสลัดบางลำเท่านั้น
แต่โจรสลัดแห่งแอตแลนติกเหนือก็มีเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน พวกเขามีชื่อเสียงเรื่องความโหดร้าย แต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเขาไม่ได้มีสิ่งของที่มีค่าอะไรเลย
ฉินสือโอวถามหาแผนที่สมบัติทั่วโลกจากบิล มีการบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือน้อยมาก ดังนั้นมาหาสมบัติจากบริเวณนี้ถือว่าศูนย์เปล่า
จากทางเหนือของมหานครเซนต์จอห์น ระยะห่างจากกรีนแลนด์ถือว่าค่อนข้างไกล ต้องใช้เวลาสองวัน เรือจึงแล่นเข้าสู่น่านน้ำลาบราดอร์
หลังจากที่เข้ามาในน่านน้ำลาบราดอร์ มหาสมุทรแอตแลนติกเหนือก็ทำให้พวกเขาตกตะลึง ในตอนเช้าฉินสือโอวกำลังเล่นอยู่กับหู่จือและเป้าจือที่ดาดฟ้า จู่ๆ ก็มีคนชี้ไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือพลางร้องออกมาเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
ฉินสือโอวมองตามไป เสาน้ำทั้งสองต้นโผล่พ้นขึ้นมาจากผิวน้ำ จากนั้นก็เกิดเสียงครางต่ำดังขึ้นมา เสียงแบบนี้เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี มันคือการหายใจของวาฬ
เขาเห็นวาฬมาเยอะแล้ว สำหรับเขาพวกมันไม่ได้น่าดึงดูดเท่าไหร่ ฉินสือโอวที่กำลังก้มหน้าลง จู่ๆ ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมา เขาพูดขึ้นมาด้วยความสงสัยว่า “เฮ้ ถ้าฉันไม่ได้มองผิดล่ะก็ เสาน้ำมีสองต้นใช่ไหม? ใช่ของวาฬไรท์แห่งอาร์กติกหรือเปล่า?”
เมื่อเทียบกับวาฬชนิดอื่นวาฬไรท์อาร์กติกมีความพิเศษกว่า นั่นคือเวลาที่มันพ่นน้ำออกมามันจะพ่นออกมาเป็นเกลียวคู่ แต่วาฬอื่นๆ จะพ่นน้ำออกมาแค่เสาน้ำเกลียวเดียวเท่านั้น นอกจากนี้วาฬชนิดนี้ยังชอบอยู่รวมกันเป็นฝูง
ฉินสือโอวหยิบกล้องโทรทรรศน์ที่แขวนอยู่ที่เสาข้างเรือมาส่องดูวาฬ เขาเห็นเกาะเล็กๆ หลายเกาะปรากฏขึ้นที่ผิวน้ำทะเล
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่เกาะจริงๆ นี่เป็นร่างของวาฬไรท์ พวกมันชอบโผล่ขึ้นมาจากน้ำและอวดเรือนร่างของตัวเอง และนี่คือที่มีมาของชื่อพวกมันด้วย
เพราะว่าการล่าวาฬที่มีมากเกินไป ทำให้ตอนนี้วาฬไรท์เหลือจำนวนไม่มาก จึงถูกขึ้นเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ มีอยู่เพียงในบันทึกสังเกตการณ์ทางทะเลในทะเลโอค็อตสต์และทะเลแบร์ริ่งเท่านั้น พวกมันอาจจะเหลือเพียงไม่กี่ร้อยตัวเท่านั้น
วินนี่ที่กำลังเข็นรถเข็นเด็กก็เห็นร่างของวาฬเหล่านี้เช่นกัน คุณแม่สุดฮอตไม่สนใจลูกสาวอีกต่อไป เธอหยิบกล้องส่องทางไกลขึ้นมาและชมภาพนั้นอย่างเพลิดเพลิน เธอพูดออกมาว่า “พวกเราโชคดีจัง ได้ยินมาว่ามีวาฬไรท์ในมหาสมุทรแอตแลนติกเหนือเพียงร้อยตัวเท่านั้น ปรากฏว่าพวกเราเจอพวกมันทันทีที่เข้ามายังน่านน้ำลาบราดอร์”
พวกชาวประมงที่อยู่ในป่ามาตลอดหลายปีนี้ แทบไม่ค่อยได้เห็นวาฬไรท์มากนัก เพื่อที่จะสัมผัสกับพวกมัน ตอนนี้ทำได้เพียงพึ่งพาสื่อเท่านั้น เนื่องจากวาฬไรท์มีวิธีการหายใจที่เป็นเอกลักษณ์และมีร่างกายที่ใหญ่โต ทำให้ถูกขนานนามว่าเป็นวาฬที่มีรูปร่างสวยงามที่สุด แต่น่าเสียดายที่มีจำนวนน้อย หากเรือชมวาฬสามารถเจอกับพวกมันได้ก็ถือว่าพวกเขาได้รับพรจากพระเจ้า
แม้ว่าจะดูแดกดัน แต่สาเหตุของเหตุการณ์แบบนี้คือการฆ่าวาฬโดยไม่เลือกหน้าของมนุษย์ ไม่รู้ว่าทำไมพระเจ้าไม่หยุดยั้งพวกเขาตั้งแต่แรก
พวกชาวประมงต่างพากันออกมาดูวาฬ ปรากฏว่าหลังจากที่วาฬไรท์พวกนั้นปรากฏขึ้นไม่นาน พวกมันก็ค่อยๆ ว่ายน้ำดำลงทะเลลึกไปทีละตัว
วินนี่พูดขึ้นมาอย่างเสียดายว่า “เด็กๆ พวกนี้จะหาเราไหม? ฮ่า พวกมันไม่ได้ขี้อายหรอกใช่ไหม?”
ชาร์คพูดกลั้วหัวเราะว่า “เด็กงั้นเหรอ? ไม่นะครับ นายหญิง ผมกล้าพูดเลยว่าอายุพวกมันมากกว่าพ่อแม่ของเราเยอะ พวกเราควรจะเรียกพวกมันว่าปู่ย่าด้วยซ้ำ”
ฉินสือโอวรู้สาเหตุที่วาฬไรท์จากไป เพราะว่าเฮยป้าหวังและคราเคนได้มาถึงน่านน้ำแห่งนี้แล้ว พวกมันสร้างคลื่นใต้น้ำ ทำให้วาฬเหล่านั้นหวาดกลัวและหนีไป
อันที่จริงไม่ได้ทำให้พวกมันกลัวเท่านั้น วาฬไรท์ยังตกเป็นเป้าของคราเครและเฮยป้าหวังอีกด้วย พวกมันทั้งสองตัวอยากจะจับวาฬเหล่านี้กินเป็นอาหาร
ฉินสือโอวส่งจิตสำนึกโพไซดอนให้พวกมันทั้งสองตัว เพื่อบังคับให้พวกมันกลับไปยังทะเลลึก เพื่อปล่อยให้วาฬไรท์หนีไป พวกมันมีจำนวนที่น้อยมากอยู่แล้ว โดยเฉพาะกลุ่มวาฬนี้ คาดว่าน่าจะเป็นเพียงกลุ่มเดียวที่อยู่ในมหาสมุทรแอตแลนติกนี้
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนเข้าสู่ร่างของเฮยฟ้าหวังและคราเคนอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวส่งพลังโพไซดอนส่วนหนึ่งให้กับวาฬไรท์ฝูงนั้น มีวาฬขนาดใหญ่ทั้งหมดสี่ตัว พวกมันนำฝูงลูกวาฬอีกสามตัว ถือว่าเป็นฝูงที่ค่อนข้างใหญ่
วาฬเป็นสัตว์ที่ฉลาด แม้ว่าพวกมันจะไม่มีจิตสำนึก แต่พวกมันก็มีสมอง พวกมันรู้ว่าจิตสำนึกแห่งโพไซดอนเป็นสิ่งดี จึงว่ายช้าๆ เข้ามาใกล้กับเรือปริ้นเซสเมล่อน
เมื่อเห็นดังนั้น ฉินสือโอวก็รีบโบกมือทันที ชาร์ครับคำสั่งและไปลดความเร็วเรือทันที
หลังจากการออกกฎหมายห้ามล่าวาฬในปี 1985 สาเหตุหลักของการบาดเจ็บของวาฬก็คือชนเข้ากับเรือ ดังนั้นหลังจากที่เข้าใกล้พวกมันจึงต้องระวังอย่างมาก
……………………………………………