ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1440 ตัวตนถูกเปิดเผย

บทที่ 1440 ตัวตนถูกเปิดเผย

แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทานอาหารขั้วโลกเหนือเซ็ตใหญ่อย่างที่หวังเอาไว้ แต่ฉินสือโอวรู้สึกว่าน้ำแข็งกรีนแลนด์นั้นอร่อยมาก

เนื่องจากเหตุผลทางภูมิศาสตร์และภูมิอากาศ น้ำแข็งในกรีนแลนด์เกิดจากการแช่แข็งของน้ำสะอาดในเวลาที่สั้นและรวดเร็ว ข้างในจึงมีฟองอากาศเป็นจำนวนมาก เมื่อใส่ลงไปในน้ำจะทำให้เกิดเสียงคล้ายระเบิดแตกอย่างต่อเนื่อง เป็นเครื่องดื่มเย็นที่ให้ความรู้สึกดีชนิดหนึ่งเลยถูกเรียกว่า “น้ำแข็งหมื่นปี”

น้ำแข็งชนิดนี้ทั้งสะอาดทั้งมีระดับความบริสุทธิ์สูง ที่แคนาดาและกรีนแลนด์ต่างก็มีบริษัททำผลิตภัณฑ์นี้ออกจำหน่าย ตอนมาเกาะแฟร์เวลปีแรกฉินสือโอวไปเป็นแขกที่บ้านวิลก็เคยดื่มอะไรแบบนี้มาก่อน

เมื่อมาถึงกรีนแลนด์แล้วจึงไม่ควรพลาดน้ำแข็งหมื่นปี ฉินสือโอวเลยเอาน้ำแข็งใส่ในน้ำผลไม้ จากนั้นก็เหมือนกับใส่ประทัดลงไปในแก้ว แล้วก็มีเสียงเปรี้ยงปร้างขึ้นมา แถมยังมีฟองล้นปุดๆ แต่ก็ยังคงเย็นมากอยู่ดี…

ปลาทะเลน้ำลึกขั้วโลกในกรีนแลนด์ก็อร่อยไม่แพ้กัน ในร้านมีอาหารเมนูหนึ่งคือปลาทะเลตัวแบนน้ำลึกย่าง วิธีทำก็คือวางกระดาษฟอยล์หนึ่งแผ่นจากนั้นก็ทาน้ำมันมะกอกหนึ่งชั้น แล้วหั่นปลาแซลมอน พริกเขียว กะหล่ำดอก หอมใหญ่และมะเขือเทศเป็นชิ้นเล็กๆ วางบนตัวปลา ทำการห่อนำเข้าเตาอบ เนื้อปลาที่ได้ก็จะหอมนุ่มอร่อย

พอทานอาหารเสร็จโทรศัพท์ของฉินสือโอวก็ดังขึ้น เขามองดูก็เห็นว่าเป็นบิลลี่โทรเข้ามา แต่ที่นี่สัญญาณไม่ดีหลังจากรับสายแล้วเสียงก็ขาดๆ หายๆ เขาฟังไม่รู้เรื่องจึงตัดสายไป

กลับถึงปราสาทน้ำแข็งสุดโรแมนติกแห่งเขตขั้วโลก ฉินสือโอวก็ทำการเชื่อมต่อ WIFI แล้ววิดีโอคอลหาบิลลี่ พลางหัวเราะขึ้น “อินเทอร์เน็ตนี่มีความสำคัญต่อชีวิตทุกวันนี้มากเลยนะ ว่าไหม? ไม่มีอินเทอร์เน็ต ผมอยู่ที่นี่ก็คงไม่รู้จะติดต่อบิลลี่ได้ทางไหนแล้ว”

ไม่นานบิลลี่ก็รับสาย หน้าใหญ่ๆ ก็ปรากฏขึ้นในหน้าจอพร้อมกับทักทายด้วยความดีใจ “ไฮ ฉิน น้องชายที่รักของฉัน นายอยู่ดีอยู่ใช่ไหมตอนนี้น่ะ? นายอยู่ไหนนะ? วงกลมอาร์กติกเหรอ? ดูแลสุขภาพ…”

ฉินสือโอวมองบนใส่เขา “ก่อนอื่นนะนายยื่นโทรศัพท์ออกห่างๆ หน่อย น่าขยะแขยงชิบ ฉันเห็นแต่เศษผักในซอกฟันของนายเนี่ย! แล้วก็ นายเป็นทอนซิลอักเสบหรือเปล่า? ต่อมทอนซิลของนายทั้งแดงทั้งบวม นอกนั้นนายโทรหาฉันมีเรื่องอะไร?”

บิลลี่พูดขึ้น “อย่าว่าอย่างนั้นสิน้องชาย ฉันคิดถึงนายเลยโทรหาไม่ได้หรือไง?”

ฉินสือโอวอมยิ้ม “ได้อยู่แล้ว หรือนายจะมาเที่ยวกรีนแลนด์ไหมล่ะ คิดถึงฉันก็มาหาฉันหน่อยสิ”

บิลลี่ถอนหายใจ “ให้ตายเถอะ ถึงจะได้แต่ฉันก็ไม่คิดจะเข้าไปในวงกลมอาร์กติกอีกหรอก! มีอยู่ครั้งหนึ่งสมัยมัธยมฉันไปกู้ซากเรือกับพี่ชาย เห้อ ช่างเป็นความทรงจำที่เจ็บปวดจริงๆ…”

“จะยิ่งเจ็บปวดกว่านี้นี่ เพราะอีกไม่กี่วันนายก็ต้องไปกรีนแลนด์แล้วไม่ใช่เหรอ?” เสียงของเบลคผ่านเข้ามาในสาย แล้วใบหน้ากลมมนอันหล่อเหลาของเขาก็โผล่เข้ามาทักทายฉินสือโอว

“พวกนายจะมากรีนแลนด์เหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความตื่นเต้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้คิดถึงเจ้าพวกนี้หรอกเพียงแต่ตอนนี้เขาประสบกับความผิดพลาดครั้งใหญ่ในกรีนแลนด์เลยอยากให้พวกนี้มาช่วยให้ผ่อนคลายสักหน่อย

เบลคยักไหล่แล้วชี้ไปที่บิลลี่ “มีแค่เขาที่ไป”

บิลลี่หน้านิ่วคิ้วขมวดแต่สายตาของเขากลับเป็นประกายขึ้นมา “ฉันจะไป แม่งเอ๊ย ฉันล่ะเกลียดพื้นที่มีแต่หิมะจริงๆ! ฤดูนี้ควรจะอยู่ที่ไมอามี่ไม่ก็ฮาวาย แต่หากมีสมบัติล้ำค่าของโจรสลัดแล้ว กรีนแลนด์ก็ดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันนะ”

ได้ยินอย่างนั้นฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่ามีเรื่องอะไร ก่อนหน้านี้เขาถ่ายรูปสมุดบันทึกของกัปตันที่เจอในกล่องเวทมนตร์แห่งโจรสลัดส่งไปให้สองคนนี้ดู อย่างนี้แสดงว่าข้างในสมุดบันทึกเล่มนั้นบันทึกข้อความที่ทำให้คนตื่นเต้นไว้แน่นอน

สมบัติล้ำค่าของโจรสลัด!

แล้วฉินสือโอวก็ตื่นเต้นดีใจ เหมือนสวรรค์มีตา ตอนนี้เขาต้องการเงินเพราะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเขาท่องอยู่ในทะเลซะนาน เจอซากเรือก็เยอะดูเหมือนตอนนี้จะมีข่าวดีเข้ามาบ้างแล้ว!

เขาชูกำปั้นขึ้นอย่างแรงจนเป็นเหตุให้โทรศัพท์บินตกลงไปในพื้นที่มีแต่น้ำแข็ง ณ สถานที่โรแมนติกอย่างเขตขั้วโลก หลังจากโทรศัพท์ปลิวตกลงไปก็เกิดเสียงแคร๊ก หน้าจอแตก!

วินนี่ถามขึ้นอย่างตกใจ “เป็นอะไร?”

ฉินสือโอวยิ้มแหยะ “โทรศัพท์หลุดมือน่ะ เร็ว ที่รัก เอาโทรศัพท์คุณมาให้ผมยืมเร็ว”

เมื่อเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตใหม่ได้ ฉินสือโอวก็ถามบิลลี่อย่างตื่นตาตื่นใจ “สมบัติล้ำค่าของโจรสลัดคือบันทึกพวกนั้นที่ฉันส่งให้นายดูน่ะเหรอ? หรือสมบัติอะไร? สมบัติล้ำค่าของกัปตันคิดด์?”

แน่นอนว่าเขาแค่ล้อเล่น กัปตันคิดด์เป็นพ่อมดในประวัติศาสตร์โจรสลัดโลกช่วงศตวรรษที่ 17 และ 18 เขาเกิดประมาณปี 1645 และประสบความสำเร็จในการรักษาช่องทางการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและอังกฤษในช่วงหลังสงครามอังกฤษ-ฝรั่งเศสในปี 1690 ในช่วงสงครามพันธมิตรครั้งใหญ่ คิดด์ได้รับคำสั่งให้ไปจับเรือศัตรูไพรเวเทียร์ลำหนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็ได้รับใบอนุญาตจากผู้ว่าการท้องถิ่นให้เริ่มดำเนินการติดอาวุธส่วนตัวได้

อย่างไรก็ตามพื้นที่ของกัปตันคิดด์อยู่แถบทะเลแคริบเบียน ซึ่งไม่ใกล้กับกรีนแลนด์เลลแม้แต่น้อย แล้วก็เชื่อว่ากัปตันคิดด์คงไม่มาซ่อนสมบัติล้ำค่าของเขาไว้ที่วงกลมอาร์กติกหรอก และตามการเดินเรือของสมัยก่อน เรือสิบลำเข้ามาในวงกลมอาร์กติกโดนทำลายไปห้าลำแน่นอนว่าเรือขนสมบัติไม่มีทางกล้าแล่นเข้ามาในน่านน้ำนี้

บิลลี่อธิบายให้เขาฟังตามหลัง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “แต่ พอดูจากบันทึกประจำวันของโจรสลัดแล้ว หากเราหาซากเรือเจอ เชื่อว่ากำไรที่ได้จะไม่น้อยไปกว่าสมบัติของกัปตันคิดด์เลย ฉันแปลบันทึกเล่มนี้แล้ว โจรสลัดพวกนี้ก็มีบทบาทที่โหดร้ายเหมือนกันนะเนี่ย ขวานดำแห่งทะเลเหนือ นายเคยได้ยินชื่อโจรสลัดกลุ่มนี้ไหม?”

ฉินสือโอวส่ายหน้า เขาต้องไม่เคยได้ยินอยู่แล้ว เพราะเขาไม่ได้ศึกษาเรื่องนี้

“แล้วบาร์โธโลมิว โรเบิตส์ล่ะ?” บิลลี่ถาม

ชื่อนี้ฉินสือโอวค่อยคุ้นหูขึ้นมาบ้าง บิลลี่เคยให้หนังสือข้อมูลสมบัติในซากเรือ เนื้อหาข้างในอธิบายถึงโจรสลัดที่ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลก ซึ่งชื่อของบาร์โธโลมิวแล้วอยู่หน้าสุดเลย

บาร์โธโลมิวเป็นหนึ่งในโจรสลัดที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในยุคทองของโจรสลัด เขาคุมเขตน่านน้ำตั้งแต่แอฟริกาไปจนถึงทะเลแคริบเบียน ในเวลาสั้นๆ เพียงสี่ปีหน่วยเรือรบโจรสลัดของเขามีเรือโจรสลัดมากที่สุดถึงสี่ร้อยลำ!

ในยุคนั้นแม้ว่าเรือโจรสลัดของเขาจะมีเรือรบขนาดใหญ่น้อย แต่ในแง่ของจำนวน กองทัพเรือในทุกประเทศที่จะมีความแข็งแกร่งเท่าเขานั้นมีไม่ถึงสิบด้วยซ้ำ!

บาร์โธโลมิวถือเป็นพ่อมดในหมู่โจรสลัด เขาเริ่มเป็นโจรสลัดเมื่ออายุได้สามสิบเจ็ดปี เขาเข้าร่วมการค้าทาสในปี 1719 ต่อมาก็ไปเข้าร่วมเรือโจรสลัดของเดวิส ไม่กี่สัปดาห์ต่อมาเดวิสถูกฆ่าตาย เขาจึงได้รับตำแหน่งกัปตันเรือ

หลังจากได้เป็นกัปตันโจรสลัดแล้ว ความสามารถของบาร์โธโลมิวก็เริ่มปรากฏขึ้น เขาฉลาดและกล้าหาญในการศึก และเป็นผู้นำในการปืนขึ้นเรือข้าศึกมาโดยตลอด นอกจากนี้เขายังได้ปรับปรุงประมวลกฎหมายโจรสลัดของเฮนรี่ มอร์แกน และนำมาใช้กับกองกำลังของตนจนในที่สุด ก็สามารถฝึกกองโจรสลัดที่กล้าหาญได้จำนวนหนึ่งในเวลาที่สั้นมาก

แต่คนผู้นี้ทั้งเลือดเย็นและบ้าคลั่ง เขาไม่เพียงแต่ปล้นเรือค้าขาย แต่เรือของกองทัพเรือก็ไม่เว้น เรือธงของเขาคือ “ราชวงศ์มั่งคั่ง” ซึ่งก็คือเรือที่ปล้นมาจากกองทัพเรือฝรั่งเศส และเขาไม่ไว้ชีวิตเชลยสักคนหลังจากที่ปล้นเรือมาได้ บ้าคลั่งและกระหายเลือดของแท้

เนื่องจากสองจุดนี้ทำให้โจรสลัดหลายคนกลัวและเอือมระอาเขา พวกเขาฉวยโอกาสที่จะหลบหนีซึ่งนำไปสู่การลดความแข็งแกร่งของกองทหารโจรสลัดของเขา ต้องเข้าใจก่อนว่าในยุครุ่งเรือง บาร์โธโลมิวแผ่ขยายอำนาจไปถึงบราซิลและไกลไปถึงนิวฟันด์แลนด์และแอฟริกาตะวันตก และควบคุมพื้นที่มหาสมุทรที่อยู่ในอันดับต้นๆ ทั้งหมดของประวัติศาสตร์โจรสลัด!

ฟังที่บิลลี่เล่าแล้ว ฉินสือโอวก็เลยถามขึ้น “นายอย่าบอกฉันนะว่าบันทึกเล่มนี้บาร์โธโลมิวเป็นคนเขียนน่ะ?!”

……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท