ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1448 มือใหม่จิกกัดกัน

บทที่ 1448 มือใหม่จิกกัดกัน

หลังจากที่เรือขึ้นฝั่ง เจ้าของเรือก็จัดการน้ำแข็งลอยก้อนนั้นที่ดึงขึ้นมา และนำปลาที่อยู่ด้านในออกมา อย่าเห็นว่าน้ำแข็งลอยก้อนนี้ที่อยู่ในทะเลมีขนาดแค่โต๊ะ ในความเป็นจริงใต้น้ำยังมีก้อนที่ใหญ่มากอยู่

เขาจัดการก้อนน้ำแข็งด้วยตัวเอง และให้พนักงานเปิดประตูพาฉินสือโอวและคนอื่นไปที่โรงแรมของเขา เขาทำความสะอาดลูกหมี และเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อวินนี่อุ้มลูกหมีที่อยู่ในผ้าห่มขึ้นฝั่ง พวกหู่เป้าฉงหลัวกับลิงซ์ที่สู้กันอยู่บนพื้นหิมะก็เงียบลงทันที และหันหน้าไปมองเธออย่างพร้อมเพรียง หรือจะพูดว่ามองผ้าห่มที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอก็ได้

วินนี่กอดหมีน้อยแน่น และถลึงตามองเจ้าตัวน้อยกลุ่มนี้ “มองอะไรกัน?”

เธอเปิดปากพูด พวกเจ้าตัวน้อยก็ค่อยๆ เดินเข้ามา การแสดงออกทางสีหน้าของแต่ละตัวนั้นเรียกได้ว่ามุ่งร้ายทุกตัว

ฉงต้ากระตือรือร้นมากที่สุด มันหอบฮืดฮาดๆ วิ่งเข้ามา และยื่นอุ้งเท้าออกไปดึงสิ่งที่อยู่ในอ้อมแขนของวินนี่

วินนี่ตบลงบนอุ้งเท้าอวบอ้วนของมัน และแสร้งทำเป็นโกรธใส่ฉินสือโอว “สามี คุณมานี่เร็ว เด็กไม่ดีคนนี้จะทุบหน้าอกฉัน! คุณรีบมาอบรมมันให้ดีๆ เลย!”

ฉินสือโอวจำใจต้องขึ้นไปลากฉงต้าออกมา สีหน้าของฉงต้าเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ มันมองวินนี่อย่างใจจดใจจ่อและคำราม ’อาวู้ว’ ออกมา น้ำเสียงของมันดูเศร้านิดหน่อยจริงๆ และไม่สมัครใจ

เมื่อได้ยินฉงต้าคำราม หัวเล็กๆ ขนปุยสีขาวก็ออกมาจากในผ้าห่ม ลูกหมีมองออกไปด้านนอก และรู้สึกกลัวเมื่อเห็นหู่เป้าหลัวกับลิงซ์ที่อยู่ด้านหน้า เมื่อเห็นหัวอันอวบอ้วนของฉงต้า มันก็ยิ่งกลัวมากขึ้น และหดตัวกลับไปในผ้าห่มอีกครั้งอย่างรวดเร็ว

ท้องฟ้าของที่นี่ยังมีอีกหนึ่งจุดเด่น นั่นก็คือมืดก็คือมืด เมื่อสักครู่ท้องฟ้ายังมีแสงจ้า แต่ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที ก็มืดสนิทแล้ว

พนักงานเปิดประตูพาคนกลุ่มนี้ไปที่โรงแรมของเจ้าของเรืออย่างกระโดดโลดเต้น แต่เขาทำงานในฤดูท่องเที่ยวที่วุ่นวายมากเป็นหลัก ตอนนี้โรงแรมยังไม่เปิด วินนี่อยากเช่าห้องให้หมีขาวตัวน้อยอาบน้ำร้อน ผลคือน้ำกับไฟฟ้าในห้องก็ยังไม่เปิดเหมือนกัน

พนักงานเปิดประตูพูดว่าง่ายๆ ไม่จำเป็นต้องเช่าห้อง เขาเดินไปหาภรรยาของเจ้าของเรือและเรียกป้าด้วยน้ำเสียงหวาน พร้อมกับอธิบายเรื่องราวนิดหน่อย หญิงสาวผิวขาวคนนั้นพยักหน้า และรีบไปเตรียมน้ำร้อนให้

อุณหภูมิภายในห้องเหมาะสมดี วินนี่อุ้มลูกหมีออกมาอย่างระมัดระวัง ท้องของลูกหมีผอมแห้งแล้ว เมื่อเห็นนิ้วหัวแม่มือของวินนี่ดวงตาที่มืดสลัวก็เปล่งประกายขึ้นมาในทันที อุ้งเท้าน้อยๆ กอดข้อมือของเธอและอ้าปากดูดด้วยแรงทั้งหมดที่มี

วินนี่ตะโกนเรียกชาร์ค และพูดว่า “คุณรีบกลับไปที่โรงแรม ห้องของพวกเรามีนมผงของเถียนกวาอยู่ ไปเอามันมา เด็กคนนี้ต้องการดื่มนม”

ลูกหมีดูดอย่างหนัก และส่งเสียงร้อง ‘ซูดๆ’ ออกมา แต่ไม่ว่ามันจะพยายามแค่ไหน นิ้วของวินนี่จะสามารถผลิตนมออกมาได้อย่างไรล่ะ? ดังนั้นมันจึงต้องผิดหวังแล้ว

แต่ลูกหมีไม่สนใจไยดี ดูเหมือนมันจะเจอความหวังสุดท้าย มันกอดนิ้วและดูดอย่างจริงจัง โดยไม่สนใจไยดีโลกภายนอก ฉินสือโอวที่เห็นรู้สึกเศร้าแปลกๆ

ภรรยาของเจ้าของเรือรีบใส่น้ำร้อนลงไป วินนี่ใส่ลูกหมีเข้าไป และช่วยมันล้างสิ่งสกปรกที่อยู่บนก้น ในเวลาเดียวกันก็ทำให้มันอบอุ่น

ลูกหมียังคงไม่สนใจไยดี มันยังกอดนิ้วของวินนี่และออกแรงดูดนิ้วของเธอ ภรรยาของเจ้าของเรือพูดด้วยความสงสาร “หมีน้อยตัวนี้คงหิวมาก พวกคุณเจอมันที่ไหนเหรอ? แม่หมีล่ะ? ถ้ามันยังอยู่ในระยะดูดนม งั้นฉันคิดว่านมวัวของบ้านฉันสามารถช่วยมันได้”

เมื่อฉินสือโอวได้ยินว่ายังมีนมร้อน เขาก็ดีใจขึ้นมาทันที และหยิบเงินออกมาซื้อหนึ่งขวด

หลังจากที่นมวัวร้อน ฉินสือโอวก็วิ่งเข้ามาด้วยอารมณ์ที่ตื่นเต้น และเทใส่ฝ่ามือให้มันดื่ม ผลคือลูกหมีไม่แม้แต่จะมอง และยังดูดนิ้วของวินนี่อย่างเอาเป็นเอาตาย

แอร์แบ็คพูดเสียงสั่น “บอสครับ ถ้ามันไม่เต็มใจดื่ม ให้ผมดื่มไม่ดีกว่าเหรอครับ? ผมหนาวมาก!”

ฉินสือโอวส่งนมวัวให้เขาอย่างรวดเร็ว ตอนนี้เขาถึงพบว่า แอร์แบ็คยังน่าสงสารกว่าลูกหมี

แบล็คไนฟ์รีบมาในที่สุด นอกจากนมผมเขายังเอาขวดนมของเถียนกวามาอีกด้วย

“เพื่อน นายเป็นคนที่เชื่อถือได้ในการทำงาน ฉันกังวลว่านายจะลืมเอาขวดนมมาด้วยล่ะ” ฉินสือโอวพูดไปพลางใช้น้ำร้อนผสมกับนมผงอย่างดีไปพลาง หลังจากนั้นก็ใช้น้ำอุ่นเพื่อเพิ่มอุณหภูมิ

วินนี่กวักมือเรียก เขายื่นขวดออกไป เสียวเถียนกวาที่เหมือนกับขนมบะจ่างอ้วนๆ พุ่งเข้ามา และแย่งขวดนมไป เธอกอดขวดนมไว้ในอ้อมแขนและยกขึ้นดื่มเสียงดังจ๊วบๆ

เมื่อได้ยินเสียงดูดนม ลูกหมีที่กอดนิ้วของวินนี่และดูดอย่างตั้งอกตั้งใจในที่สุดก็มีปฏิกิริยาอื่น มันหันหน้าไปมองเสี่ยวเถียนกวาด้วยความอิจฉา หลังจากนั้นก็ดูดนิ้วต่อ

ลูกหมีต้องพยายามมาก มันก็เพิ่มแรงขึ้นอีกเหมือนกันเพื่อดูดนมแม่ออกมา ลูกหมีสร้างขวัญกำลังใจให้ตัวเอง

ฉินสือโอวบอกแบล็คไนฟ์ว่า “เอาขวดนมมาให้ฉันอีกครั้งซิ”

แบล็คไนฟ์พูดอย่างมึนงง “เอามาแค่ขวดเดียวครับ”

ฉินสือโอวก็ถามด้วยความมึนงงเหมือนกัน “ในกระเป๋าของฉันไม่ใช่ว่ายังมีอีกขวดเหรอ?”

แบล็คไนฟ์ตอบด้วยความมึนงงมากยิ่งขึ้น “ผมไม่ได้ค้นในกระเป๋าของคุณ ขวดนี้เป็นขวดที่วางอยู่บนโต๊ะ”

ฉินสือโอวอุทานว่า “ดูสิ แบล็คไนฟ์ ฉันก็เพิ่งจะชมว่านายเชื่อถือได้ นายก็ทำโซ่ตกเสียแล้ว นี่มันตบหน้าบอสชัดๆ!”

วินนี่ใช้มือข้างหนึ่งอุ้มลูกสาว และบุ้ยปากใส่เธอ เมื่อเสี่ยวเถียนกวาเห็น ก็วางขวดนมลงทันที เธอบุ้ยปากเล็กๆ อันนุ่มนิ่มใส่วินนี่เหมือนกัน และปิดตารอจูบ

ผลคือ วินนี่คว้าโอกาสนี้แย่งขวดนมมา และยัดเข้าไปในปากของลูกหมี

แบล็คไนฟ์ที่อยู่ข้างๆ มองตรงไปที่กลุ่มนั้นและถอนหายใจ นี่คือคนเป็นแม่งั้นเหรอ? แน่ใจนะว่านี่คือคนเป็นแม่?

หลังจากลูกหมีได้กลิ่นหวานๆ ของนมก็อ้าปาก มันกัดที่จุกนมพลาสติกและดูดน้ำนมอุ่นๆ ออกมา นี่ทำให้ภายในใจของมันเต็มไปด้วยความสุข ลูกหมีเก่งจริงๆ ในที่สุดมันก็ดูดนมของแม่ออกมาได้

ด้านเถียนกวานั้นรออยู่นานมากก็ยังไม่ได้จูบแห่งรักจากแม่ที่รออยู่ เธอไม่อดทนรอและลืมตาขึ้น เมื่อพบว่าแม่ไม่ได้สนใจเธอเลย และยังเอาขวดนมส่วนตัวของเธอให้เพื่อนตัวน้อยตัวอื่นดื่มอีก

ค่าความโกรธเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เสี่ยวเถียนกวาไม่พูดไม่จา และผลักลูกหมี เธอมอบกรงเล็บให้มัน เพื่อเป็นบทเรียนของลูกหมี และยื่นมือออกไปเอาขวดนมของตัวเองกลับมาอย่างที่ควรจะเป็น

ลูกหมีอ่อนแอมาก เพราะแบบนี้จึงถูกเธอรังแก มันไม่ได้ต่อต้าน แต่ร้อง ‘ฮือๆ’ ออกมาสองครั้งด้วยความเศร้าโศก หลังจากนั้นก็ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

แต่ทันใดนั้นมันก็พบว่า ขนมบะจ่างอวบอ้วนคนนี้ไม่เพียงแค่รังแกตัวเอง แต่ยังคิดจะแย่งนมแม่ของตัวเองไปอีกด้วย อุปนิสัยแบบหมีของมันระเบิดออกมาทันที อย่างไรก็ตามมันคือนักล่าชั้นยอดในธรรมชาติ ทักษะก็ยังมีอยู่บ้าง มันแกว่งอุ้งเท้า และใช้ฝ่ามือตบของหมีน้อยใส่เสี่ยวเถียนกวา

การเดินทางหลายวันมานี้ ความสมดุลของเสี่ยวเถียนกวาดีมาก แต่ก็สิ้นท่ามาก ตอนนี้เธอสวมเสื้อผ้าเยอะเกินไป ซึ่งนี่สร้างความรำคาญให้กับเธอมาก ฝ่ามือของลูกหมีจึงตบเธอล้มลงกับพื้นได้สำเร็จ!

ค่าความโกรธพุ่งขึ้นไปจนเต็มแม็กซ์ เถียนกวาลุกขึ้นมาด้วยความโกรธ ก่อนจะใช้ท่าทารกมอบความตายใส่ลูกหมี สัตว์ร้ายตัวนี้กล้าหาญมาก ในฟาร์มปลาไม่เคยมีการก่อกบฏ แม้แต่ทารกอ้วนตัวใหญ่ไม่กล้าต่อต้านตัวเอง หู่เป้าฉงหลัวก็ไม่กล้าเหมือนกัน นึกไม่ถึงว่าลูกน้อยที่มาใหม่อย่างแกจะกล้าลงมือทำงั้นเหรอ? นี่คือจังหวะของการก่อกบฏ!

“ตีมัน!” เถียนกวาตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ เธอตามขึ้นไปกอดรอบคอยาวของลูกหมีและผลักมันลง เธอกดบนตัวของมันเหมือนกับที่อู่ซ่งสู้กับเสือ

ราชาซิมบ้าที่อยู่ด้านนอกเห็นฉากต่อสู้นี้ถึงกับสั่นสะท้าน เถียนกวาเรียนรู้เคล็ดลับนี้มาจากเขา! วัยเด็กของมัน มันก็ต้องทนกับการกลั่นแกล้งด้วยเคล็ดลับนี้

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท