ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1446 นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

บทที่ 1446 นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน

หลังจากเผชิญหน้ากับการลอยตัวในน้ำทะเล นี่ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งที่แตกต่างจากในอดีตโดยสิ้นเชิง

คนที่ถูกลมทะเลอันหนาวเย็นพัดใส่แสดงอาการเจ็บปวดออกมา บริเวณรอบๆ เป็นน้ำทะเลสีฟ้า แต่ด้านบนเหนือหัวกลับเป็นท้องฟ้าที่สะอาดสะอ้านสีน้ำเงิน อากาศของที่นี่สดชื่นอย่างไม่มีที่เปรียบ เมื่อหายใจราวกับว่ามีน้ำเย็นรดอยู่ในหลอดลม จึงเริ่มรู้สึกไม่ค่อยดีนัก แต่ถ้าเคยชินแล้ว ก็จะรู้สึกดีขึ้นเอง

เจ้าของเรือม้วนอวนจับปลารอบก้อนน้ำแข็งเอาไว้ หลังจากนั้นก็ลอยไปอยู่ข้างๆ ฉินสือโอว เขานอนลงและพูดว่า “เป็นอย่างไร น่าสนใจใช่ไหม?”

ฉินสือโอวหนุนมือทั้งสองข้างที่อยู่ด้านหลังศีรษะ และหัวเราะออกมาเสียงดัง “ใช่เพื่อน นี่ถือเป็นประสบการณ์อย่างหนึ่งที่ยอดเยี่ยมมาก! ตอนที่ผมเรียนอยู่ชั้นมัธยม หนังสือเรียนวิชาภูมิศาสตร์ของพวกเราแนะนำเรื่องทะเลเดดซี และบอกว่าคนสามารถลอยอยู่บนทะเลเดดซีได้ ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว”

“นั่นไม่เหมือนกันเลย ทะเลเดดซีไม่มีสภาพอากาศแบบที่นี่ของพวกเรา” เจ้าของเรือพูด “การหายใจที่ผิวน้ำแบบนี้มีประโยชน์กับหลอดลมและปอดของคุณ นี่เป็นเรื่องที่โทรทัศน์บอก ซึ่งสามารถช่วยรักษาโรคบางโรคเช่น หลอดลมอักเสบ ปอดบวมและอื่นๆ ได้”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แบล็คไนฟ์ก็รีบนอนลงตรงหัวเรือที่ติดกับผิวน้ำและออกแรงหายใจ เขาพึมพำกับตัวเองว่า “ชิท ฉันรู้สึกว่าช่วงนี้หลอดลมของฉันจะไม่ค่อยดี!”

แอร์แบ็คพูดว่า “ฉันไม่เชื่อหรอก หัวหน้า นายกลับมาเถอะ ระวังจะตกลงไป”

เจ้าของเรือจริงจังมากขึ้น และพูดว่า “นี่เป็นเรื่องจริง กลับไปผมสามารถเข้าอินเทอร์เน็ตและค้นหารายงานข่าวเรื่องนี้ให้คุณดูได้ เหมือนจะพูดว่า ไอน้ำของที่นี่เย็นมาก หลังจากหายใจเข้าไปในหลอดลมกับปอด เนื้อเยื่อบางส่วนจะหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างกายของมนุษย์จะสร้างความร้อน เนื้อเยื่อพวกนี้ก็จะคลายตัวอีกครั้ง ในกระบวนการเช่นนี้จะมีการผลัดเซลล์ที่ตายแล้วกับสสารที่เป็นอันตรายออกไป และเพราะไอน้ำที่หายใจเข้าไปสะอาดมาก จึงสามารถละลายของพวกนี้ได้ และพาพวกมันไป…”

วินนี่ตอบกลับเจ้าของเรือ “ฉันคิดว่านี่มีเหตุผล เหมือนว่าฉันก็เคยดูรายงานข่าวแบบนั้นเหมือนกัน”

ฉินสือโอวพายเข้าไป และถามด้วยความแปลกใจ “จริงเหรอ?”

วินนี่กระซิบว่า “คุณมันเซ่อ ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ ตอนนี้ต้องใช่! แอร์แบ็คจะไม่พูด ทำไมคุณก็จะไม่เหมือนกันเหรอ?”

ฉินสือโอวพูดอย่างจริงจังทันที “ถูกต้อง ผมก็เคยดูรายงานข่าวนี้เหมือนกัน ตอนนั้นผมกับวินนี่ดูด้วยกัน”

กิจกรรมที่ลอยตัวในน้ำเย็นแบบนี้ ลอยไปสักพักก็จะไม่ได้มีความหมายอะไร ฉินสือโอวเห็นว่าข้างๆ เขามีน้ำแข็งลอยมาอย่างต่อเนื่อง ใจก็เต้นรัว เขาหันหน้าไปมองน้ำแข็งลอยพวกนี้ และคิดว่าจะหาก้อนน้ำแข็งที่ด้านในแช่แข็งปลาเอาไว้ จากนั้นก็นำกลับไปด้วยกัน

หลังจากเห็นว่าน้ำแข็งหลายก้อนไม่มีปลา ฉินสือโอวก็ผิดหวังนิดหน่อย แต่ความพยายามมีอยู่ในคนที่มุ่งมั่น และยังทำให้เขาเจอน้ำแข็งลอยที่มีขนาดประมาณเตียงนอนเด็ก ซึ่งด้านในจะมองเห็นได้อย่างเลือนรางว่า มีปลาไธมัลลัสขั้วโลกเหนือถูกแช่แข็งอยู่

ฉินสือโอวว่ายเข้าไปด้วยความตื่นเต้น และยื่นมือไปเกาะก้อนน้ำแข็งเพื่อให้ร่างกายของเขามั่นคง ทันทีที่เห็นว่าในก้อนน้ำแข็งมีปลาครึ่งตัวปรากฏอยู่ เขาจึงยื่นมือไปขุด

ในเวลานี้ เขาแค่ยื่นมือออกไปแตะปลาครึ่งตัว อุ้งเท้าเล็กขนปุยสีขาวหิมะก็กดลงบนฝ่ามือของเขา

อุ้งเท้าเล็กๆ นี้มีขนาดเท่าชามใบเล็ก มีขนยาวสีขาวและสีเหลือง ดูผอมแห้ง ทันทีที่มันปรากฏตัว ฉินสือโอวที่ไม่ทันได้ตั้งตัวก็ตกใจกลัว เขาอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “ฟัค! นี่มันตัวอะไร?!”

เขาตะโกนออกมา เจ้าของอุ้งเท้าเล็กก็รีบถอยกลับไปในทันที ฉินสือโอวมองตามไป และเห็นว่าในซอกของน้ำแข็งลอย มีสัตว์ตัวเล็กขนปุยหดตัวอยู่ในนั้น มันมองเขาอย่างเขินอาย และมองมาสองครั้ง จากนั้นก็มองไปที่ปลาไธมัลลัสขั้วโลกเหนือที่ถูกแช่แข็งตัวนั้นอย่างอาลัยอาวรณ์

เมื่อได้ยินเสียงตะโกนของเขา วินนี่ก็ถามด้วยความกังวล “ที่รัก เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้นคะ?”

ใบหน้าของแบล็คไนฟ์ที่กำลังแต๊ะอั๋งเสี่ยวเถียนกวาตึงขึ้นในทันที เขาสะบัดหน้าไปทางแอร์แบ็คและพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึมและเฉียบขาด “รีบไปดูเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น?!”

แอร์แบ็คไม่พูดไม่จา เขากระโดดลงไปในน้ำ และว่ายไปยังทิศทางของฉินสือโอว

สัตว์ตัวเล็กตัวนี้มีขนาดประมาณสุนัขที่ยังไม่โตเต็มวัย ทั่วทั้งตัวเป็นขนสีขาว มีแค่ขนที่ก้นกับอุ้งเท้าที่เป็นสีขาวกับสีเหลือง เมื่อมันหดตัวอยู่บนก้อนน้ำแข็งก็ไม่ง่ายเลยที่จะสังเกตเห็น ใบหน้าของมันอวบอ้วน เมื่อพบว่าฉินสือโอวจ้องมองมันอยู่ มันก็อ้าปากโชว์เขี้ยว และส่งเสียงคำรามออกมาเบาๆ “โฮกๆ!”

นี่คือลูกหมีขั้วโลก! ฉินสือโอวตัดสินจากลักษณะเฉพาะตัวของมันทันที

สาเหตุที่เขาจำตัวตนของเจ้าตัวนี้ไม่ได้ เป็นเพราะว่าหมีน้อยตัวนี้ไม่มีลักษณะของหมีขั้วโลก รูปร่างของมันผอมมาก หูกลมๆ ของมันก็ห้อยลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง แม้ว่าขนทั้งตัวจะเป็นสีขาว แต่ก็ดูหมองไม่กระจ่างใสเลย ดวงตาเล็กๆ สีดำยิ่งไม่เปล่งประกายเลย ถ้าหางใหญ่และยาว มันจะยิ่งเหมือนกับหมาจิ้งจอกอาร์ติก

หลังจากจดจำตัวตนของหมีน้อยได้ฉินสือโอวก็รู้สึกประหลาดใจ บนน้ำแข็งลอยจะมีหมีขั้วโลกอยู่ได้อย่างไร? นี่มันแปลกเกินไปแล้วจริงๆ

วินนี่และคนอื่นๆ ว่ายเข้ามา พวกเขาว่ายไปด้วยตะโกนไปด้วย ดังนั้นหมีน้อยจึงรู้สึกหวาดกลัว ต่อจากนั้นก็ออกแรงทั้งหมดถอยตัวกลับไป ผลคือขอบของก้อนน้ำแข็งเรียบมาก มันจึง ‘ตู้ม’ ตกลงไปในน้ำทะเลทันที

หมีขั้วโลกสามารถว่ายน้ำได้ และยังเป็นมาสเตอร์ด้านการดำน้ำอีกด้วย หมีขั้วโลกที่โตเต็มวัยสามารถดำน้ำเพื่อล่าแมวน้ำ และโจมตีสิงโตทะเลกับวอลรัสที่ยังไม่โตเต็มวัยได้ ซึ่งน่าเกรงขามอย่างหาที่เปรียบมิได้

แต่นั่นคือหมีขั้วโลกที่โตเต็มวัย และนี่คือลูกหมีขั้วโลก หลังจากตกลงไปในน้ำมันก็แกว่งแขนอย่างสะเปะสะปะ มันสามารถว่ายน้ำได้ แต่มันไม่สามารถปีนขึ้นไปบนน้ำแข็งลอยที่เรียบเนียนอีกครั้งได้ นอกจากนั้นสภาพของหมีน้อยตัวนี้จึงไม่ดีนัก ดิ้นรนอยู่ในน้ำพักหนึ่งก็หมดแรงแล้ว

ฉินสือโอวปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไปทันที และส่งพลังแห่งโพไซดอนจำนวนมากเข้าไปในตัวมัน ในเวลาเดียวกันเขาก็ว่ายเข้าไปจับลูกหมี

ไม่มีทางเลือกอื่น ชุดลอยน้ำชุดนี้ห่วยมาก เขาทำได้แค่ว่ายไปอย่างช้าๆ ดังนั้นเขาจึงถือโอกาสนี้สั่งให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสร้างคลื่นขึ้นมา และกลิ้งลูกหมีให้มาอยู่ข้างๆ เขา เขาจับมันขึ้นมาและวางไว้ที่หน้าอก

ลูกหมีโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำและรู้สึกหนาวมาก ร่างที่ผอมแห้งนั้นสั่นงกๆ มันอ้าปากเล็กๆ สีดำและจามออกมา “ฮัดชิ่ว! ฮัดชิ่ว!”

ฟีนิกซ์ที่ถอนขนก็ไม่ดีเท่าไก่ ลูกหมีที่ตกน้ำก็ไม่ดีเท่าหมา ขนบนตัวของลูกหมีขั้วโลกน้อยตัวนี้เปียกน้ำและแนบชิดกับตัว ซึ่งดูผอมมากกว่าเดิมอีก แทบจะพูดได้ว่าผอมเหมือนกับไม้เสียบผี!

หลังจากอุ้มลูกหมีไว้ ฉินสือโอวก็ตะโกนว่า “ฉันไม่เป็นไร! กลับไปที่เรือ ทุกคนกลับไปที่เรือ ไอ้บ้า แอร์แบ็คแกบ้าไปแล้วเหรอ? แกกล้ากระโดดลงน้ำมาทั้งอย่างนี้เนี่ยนะ? กลับไปเร็ว! ฉันไม่เป็นไร! ฉันก็จะกลับไปเหมือนกัน!”

แอร์แบ็คว่ายเข้ามาอย่างตั้งใจทำหน้าที่ของตัวเอง เมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยจึงรู้สึกโล่งใจ ต่อจากนั้นก็มองไปที่หน้าอกของเขา และอดไม่ได้ที่จะตะโกนว่า “อะไรนะ! บอส หน้าอกของคุณมีขนยาวสีขาวด้วยเหรอ?”

ฉินสือโอวกลอกตาไปมา “ไปไกลตีนเลย นี่มันลูกหมีขั้วโลก! กลับไปเร็ว!”

ต่อจากนั้นวินนี่ก็ว่ายมาถึง หลังจากเห็นว่าบนหน้าอกของเขามีลูกหมีตัวสั่นอยู่ก็พูดด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ “พระเจ้า พวกเรา นี่พวกเราอยู่ในทะเลไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไม ทำไมถึงมีเจ้าตัวนี้อยู่ เจ้าตัวนี้ เอาเถอะ นี่คงไม่ใช่ว่าคุณเพิ่งจะคลอดมันออกมาใช่ไหมที่รัก?”

บางครั้งฉินสือโอวก็รู้สึกโกรธภรรยาแสนซื่อคนนี้จริงๆ ถ้าอยู่ในห้อง เขาจะเปลือยช่วงบนและจัดการวินนี่ที่เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่ตอนนี้อยู่ในทะเล เขาทำได้แค่กลอกตาไปมาต่อ

คนกลุ่มหนึ่งทยอยขึ้นเรือไปทีละคน แบล็คไนฟ์เตรียมผ้าห่มไว้แล้ว แอร์แบ็คขึ้นมาช่วยด้วยอาการสั่นเทา เขาพึมพำกับตัวเองว่า “น้องชายที่แสนดี น้อง หัว หัวหน้า นายเป็นพี่ชายที่แสนดีของฉันจริงๆ หนาว หนาว…”

แบล็คไนฟ์เก็บผ้าห่มขึ้นมา และพูดว่า “นี่เป็นผ้าห่มที่เตรียมไว้ให้ลูกหมี นายยื่นมือมาทำไม? แล้วยัง ‘พี่ชายที่แสนดีของนายจริงๆ’ กับ ‘จริงๆ’ นี่มันคืออะไร? อย่ามาตุ้งติ้งแบบนี้!”

………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน