เมื่อเครื่องบินลงจอดที่เกาะแอตตู เหล่าคนที่แต่งตัวเหมือนนกเพนกวินโง่ๆ ก็พากันหอบกระเป๋าใบเล็กใหญ่ออกมาจากเครื่องบิน ชาร์คที่มารอรับที่สนามบินอ้าแขนเข้ามากอด พลางพูดว่า “บอส ยินดีต้อนรับกลับครับ!”
“อ้อ ชาร์ค นายกอดผิดคนแล้วล่ะ ฉันไม่ใช่บอส ฉันทริกเกอร์!” นกเพนกวินพูดอู้อี้ออกมา
ชาร์ค “ฟัค ทำไมพวกนายถึงใส่เสื้อและหมวกหนาขนาดนี้ล่ะ? ฉันดูไม่ออกเลยว่าเป็นพวกนาย!”
ฉินสือโอวถอดหมวกผ้าฝ้ายออก อากาศที่เกาะแอตตูสูงกว่าที่อิลูลิสแซทมาก เขาถอนหายใจออกมา “พระเจ้า ที่นี่อุ่นดีจัง ฤดูใบไม้ผลิแล้วเหรอ?”
วินนี่ถอดหมวกออกเผยให้เห็นผมของตัวเอง ชาร์คทักมายด้วยรอยยิ้ม “นายหญิง แสงออโรร่าสวยไหม? ไม่ได้เจอกันตั้งนาน พวกเขาคิดถึงคุณมากเลย แน่นอนว่ายังมีเจ้าหญิงตัวน้อยที่รักของผมอีก เถียนกวา สวัสดี…พระเจ้า!”
ชาร์คดึงห่อผ้ามาจากอ้อมกอดของวินนี่ แล้วเข้ามาหอมแก้มเถียนกวา ปรากฏว่าเมื่อเปิดห่อผ้าออกมา หัวที่มีขนฟูสีขาวปกคลุมโผล่ออกมา ทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก
ลูกหมีตกใจยิ่งกว่าเขาเสียอีก เมื่อลืมตาขึ้นมามันก็เจอเข้ากับใบหน้าใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนวดเครา ทำให้มันตกใจกลัวตะปบอุ้งเท้าเข้าไปยังชาร์คหนึ่งที!
สิบวันผ่านมานี้ ทุกๆ วันลูกหมีดื่มนมและซุปเนื้อ พลังงานที่หมดไปกับการล่องลอยอยู่บนแผ่นน้ำแข็งฟื้นคืนมาหมด ทำให้มีพลังและจิตวิญญาณขึ้นมา อีกทั้งยังกินอิ่มนอนอุ่นอีกด้วย สองสามวันนี้ยังน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้อุ้งเท้าของมันที่ตะปบลงมานั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย ปากของชาร์คแทบจะเบี้ยวทันทีหลังโดนตะปบ!
เสี่ยวเถียนกวาที่แต่งตัวเหมือนเกี๊ยวห่อเดินเตาะแตะโซเซออกมา เธอสวมชุดเพนกวินที่วินนี่ตั้งใจซื้อมาเป็นพิเศษ เธอกลายเป็นเพนกวินแล้วจริงๆ
อาการที่แอตตูนั้นอบอุ่นกว่าอิลูลิสแซทมาก ฉินสือโอวเข้าไปถอดเสื้อให้ลูกสาว หลังจากที่ถอดหมวกเพนกวินออก เถียนกวาก็มองไปยังวินนี่ เธอจึงเห็นลูกหมีที่นอนอยู่บนไหล่ของวินนี่
เด็กหญิงไม่พอใจที่ลูกหมีแย่งความรักจากพ่อแม่ของตัวเอง เธอเดินเข้าไปด้วยความโมโห เธอยื่นมือออกไปพลางตะโกนว่า “ตีเลย! ตีเลย! มะม๊า ตีเลยนะ!”
วินนี่วางฉงเอ้อลงแล้วเข้าไปปลอบใจเถียนกวา แต่เด็กหญิงกลับดิ้นหนี เธอเดินโซเซเข้าไปยืนประจันหน้าลูกหมีอย่างรวดเร็ว เธอโบกมือเล็กๆ ของเธอตีลงไปบนตัวของมัน
สำหรับฉงเอ้อแล้วแรงปะทะแค่นี้ก็แค่การจั๊กจี้เท่านั้น แต่อาจจะเป็นเพราะว่ามีภาพฝังใจกับการถูกทุบตีมาก่อนหน้านี้ เมื่อเสี่ยวเถียนกวายกมือขึ้น มันก็รีบขยับอุ้งเท้าวิ่งหนีทันที
ลูกหมีเกิดมาเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็สามารถวิ่งได้แล้ว เสี่ยวเถียนกวาตามความเร็วของมันไม่ทัน ยิ่งในสนามบินที่กว้างขวางแบบนี้ ฉงเอ้อสามารถกระโดดหนีได้
ระหว่างที่วิ่งหนี ฉงเอ้อก็หันกลับมามองเถียนกวาไปด้วย ตีตุ๊กตาหมีไม่ได้แล้วยังหนีเธออีกเหรอ? แบบนี้ เด็กหญิงก็ไม่สามารถทำอะไรได้น่ะสิ ตามมาสิ คิดว่าตามมาทันก็ตามมา!
เสียวเถียนกวาตามไม่ทัน แต่เธอไม่ได้ไม่มีอะไรทำ เธอหันไปหาพวกเพื่อนๆ แล้วชี้ไปที่ลูกหมีแล้วตะโกนเรียกออกมาว่า “ตีมัน!”
หู่จือและเป้าจือไม่ชอบลูกหมีตัวนี้ สาเหตุเดียวกันกับเถียนกวา พวกมันคิดว่าเมื่อลูกหมีตัวนี้ปรากฏตัว มันก็แย่งความรักจากฉินสือโอวและวินนี่ไปจากพวกมัน
ดังนั้น เมื่อเจ้าหญิงน้อยออกคำสั่ง แลบราดอร์ทั้งสองตัวก็มีท่าทีราวกับเห็นกระต่าย ขาทั้งสี่ข้างของพวกมันขยับวิ่งออกไปทันที
ฉงต้าจ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็วิ่งออกไป
ฉินสือโอวกลัวว่าพวกมันจะทำร้ายลูกหมีตัวนั้น ยังดีที่เขาตามหลังพวกมันไป เมื่อลูกหมีเห็นว่ามีพวกจำนวนมากวิ่งไล่จับตัวเอง มันก็ร้องออกมาด้วยความกลัวแล้ววิ่งหนีไปด้วย
เพราะเหตุนี้ในสนามบินจึงมีหมีขาวขั้วโลกวิ่งไปทั่ว ด้านหลังมีสุนัขแลบราดอร์สองตัววิ่งตามมา แล้วจากนั้นก็มีหมีป่าสีน้ำตาลรัฐโคโลราโดกับชายท่าทางแปลกประหลาดคนหนึ่ง ราชาซิมบ้าและหลัวปอเอียงหัวมองดูเหตุการณ์อยู่ครู่หนึ่ง พวกมันรู้สึกเป็นเรื่องน่าสนใจ พวกมันคิดว่าฉินสือโอววิ่งเล่นกับพวกนั้น พวกมันจึงวิ่งไล่ตามไป
ลูกหมีกลัวจนฉี่แทบราด!
ด้วยขาที่สั้นของมันทำให้วิ่งได้อย่างยากลำบาก น่าเสียดายที่มันวิ่งช้า ทำให้หู่จือและเป้าจือจึงวิ่งตามไปได้อย่างรวดเร็ว มันยกอุ้งเท้าขึ้นแล้วตะปบลงมายังพื้น
ฉงต้าวิ่งเข้าไปพลางหายใจหืดหอบ หู่จือและเป้าจือปล่อยมันไป พวกมันรอให้ฉงต้าจัดการสอนลูกหมีตัวนั้น พวกมันทั้งสองตัวปิดกั้นเส้นทางการหลบของลูกหมีตัวนั้น พวกมันเหลือพื้นที่ให้ฉงต้าโจมตีอย่างกว้างขวาง
ฉินสือโอวรู้สึกกังวล จึงตะโกนออกมาว่า “เด็กดี กลับมาเดี๋ยวนี้ กลับมา…”
สายตาของลูกหมีเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ฉงต้าทำหลายอย่างพร้อมกัน อุ้งเท้าซ้ายดึงหู่จือและอุ้งเท้าขวาดึงเป้าจือไว้ ทำให้สุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัวที่กำลังรอดูความสนุกอยู่ล้มลงกับพื้น…
“…กลับมา! ” เสียงของฉินสือโอวยังคงอยู่ในลำคอ แต่ฉากตรงหน้ากลับทำให้เขาพูดไม่ออก
ทำไมฉงต้าถึงตีหู่จือและเป้าจือ?
แลบราดอร์ทั้งสองตัวไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน พวกมันลุกขึ้นแล้วมองหน้ากัน พลางส่ายหัวอย่างแรกราวกับไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ต่อหน้าต่อตา แต่ฉงต้าเป็นพี่น้องที่ดี จากนั้นฉงต้าก็ทำให้พวกมันเข้าใจยิ่งขึ้น เรื่องนี้ไม่ใช่ความฝัน นี่เป็นเรื่องจริง…มันรีบวิ่งไปอยู่หน้าหู่จือแล้วตะปบมันจนล้มลง จากนั้นก็วิ่งไล่เป้าจือ ฉงต้าอ้าปากอันใหญ่และน่ากลัวของตัวเอง จากนั้นก็คาบเป้าจือไว้แล้วโยนมันออกไป…
ลูกหมีมองภาพเหตุการณ์นั้นด้วยความตกตะลึง หลังจากที่พบว่าฉงต้าไล่หู่จือและเป้าจือ ลูกหมีกลัวจนฉี่แทบราดแล้ววิ่งไปหลบหลังฉงต้า แล้วใช้อุ้งเท้ากอดขาหลังของฉงต้าไว้
ฉินสือโอวรู้ได้ทันทีว่าอะไรที่เรียกว่าเลียแข้งเลียขา สันนิษฐานว่าหลังจากที่เลอบรอน เจมส์ย้ายกลับมายังทีมไมอามีฮีท คงจะเข้ามาเลียแข็งเลียขาเดอะแฟลช อย่างดเวน เวดแบบนี้แน่นอน
ฉงต้านั่งลงพลางส่งเสียงครางต่ำออกมา จากนั้นก็อุ้มลูกหมีไว้ในอ้อมแขน มันโก่งคอแล้วคำรามใส่หู่จือและเป้าจือ “โฮกๆ! โฮกๆ!”
พลังของราชาแห่งป่าเขา ถูกเปิดเผยออกมาช่วงเวลาสั้นๆ!
หูจือและเป้าจือเงยหน้าใหญ่ๆ ของตัวเองขึ้นมา พวกมันไม่เข้าใจว่าพี่น้องที่ดีอย่างฉงต้า ทำไมถึงได้ลงมือทำร้ายตัวเอง ในฐานะพี่น้องที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แม้ว่าพวกมันจะมีความรู้สึกโกรธ แต่พวกมันก็ไม่ได้อยากจะแก้แค้นฉงต้า พวกมันทำเพียงวิ่งตามหลังและร้องครวญครางออกมา
เมื่อสติของฉินสือโอวกลับคืนมา เขาก็เห็นท่าทางที่ฉงต้ากำลังปกป้องลูกหมีตัวนั้น เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับความยุติธรรม แต่เขาเคยเห็นภาพนี้มาก่อน แม่ของฉงเอ้อ…
พูดได้ว่า เมื่อครู่ฉงต้าได้เป็นฮีโร่อย่างสมบูรณ์แบบ และตอนนี้ก็ยังปกป้องโลลิอีกต่างหาก!
หู่จือและเป้าจือยังคงร้องครางออกมา พวกมันทำเสียงออกมาราวกับว่าเจ็บปวดมาก ฉินสือโอวยิ้มออกมาแล้วเข้าไปกอดสุนัขแลบราดอร์ทั้งสองตัว แขนหนึ่งข้างต่อหนึ่งตัว เขาพูดว่า “ต่อไปพวกนายคงไม่กล้าแกล้งฉงเอ้อแล้วล่ะสิ ฉงต้าไม่ใช่คนดีที่ชอบความยุติธรรม แต่เป็นคนไม่ดีที่ยอมละทิ้งอุดมการณ์ของตัวเอง!”
ชาร์คและซีมอนสเตอร์ตะโกนออกมาว่า “บอส ไม่แปลกเลยที่คุณจะเป็นเพื่อนกับเหล่าสัตว์ต่างๆ ไปเก็บฉงต้ามาจากภูเขา ลงเขามาก็เจอเข้ากับซิมบ้า มายังขั้วโลกเหนือก็ยังเก็บลูกหมีขั้วโลกมาอีก งั้นถ้าไปแอฟริกาล่ะ? คุณคงไม่ได้พาสิงโตกลับมาทั้งฝูงหรอกใช่ไหม?”
ฉินสือโอวพูดออกมาด้วยความเบื่อหน่ายว่า “เรื่องพวกนี้ให้พูดคงจะยาว ไปเถอะ กลับที่พักกันก่อน ต่อไปฉันจะค่อยๆ อธิบายให้พวกนายฟัง อย่างไรก็ตามถ้าตอนนั้นลูกหมีตัวนี้ไม่ได้พวกเราช่วย มันคงต้องตายแน่ๆ”
หลังจากนั้น ฉินสือโอวก็ลากเก้าอี้ออกมานอกห้อง เจ้าของที่พักถามว่าเขาทำอะไร ฉินสือโอวจึงบอกว่าตัวเองออกมาอาบแดด
เจ้าของที่พักพูดกลั้วหัวเราะว่า “อิลูลิสแซทหนาวเกินไปใช่ไหม? ผมเคยไปที่นั่น ไปตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นอยู่น่ะ หลังจากนั้นผมก็ไม่เคยออกจากเกาะแอตตูอีกเลย แม้ว่าพวกเราอยู่ที่นี่จะไม่ได้อุ่นมากนัก แต่เมื่อเทียบกับขั้วโลกเหนือ พวกเราอยู่ที่เส้นศูนย์สูตรนี้ดีกว่า!”
………………………………..