ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1453 ฝูงปลา อพยพเถอะ

บทที่ 1453 ฝูงปลา อพยพเถอะ

ปลาค็อดขั้วโลกเหนือเป็นสายพันธุ์หนึ่งที่สำคัญมากในวงศ์ปลาค็อด และเป็นปลาค็อดน้ำเย็นบริสุทธิ์เพียงหนึ่งเดียว ปกติอุณหภูมิที่พวกมันอาศัยอยู่จะต้องไม่เกิน 5 องศาเซลเซียส ถ้าเกินอุณหภูมินี้จึงจะอพยพ

ดังนั้น นอกจากขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ น่านน้ำแห่งอื่นก็ยากที่จะเจอปลาสายพันธุ์นี้

ปลาค็อดมีหลายสายพันธุ์ สายพันธุ์ที่แพงที่สุดคืออะไร? ปลาค็อดแอตแลนติก? ปลาค็อดดำ? ปลาอลาสก้าพอลล็อค? ปลาค็อดเหล่านี้ล้วนมีค่ามาก รสชาติอร่อย และโภชนาการอุดมสมบูรณ์ แต่ราคาไม่ได้สูงที่สุด

ปลาค็อดที่แพงที่สุดก็คือปลาค็อดขั้วโลกเหนือ เพราะเมื่อเปรียบเทียบพวกมันกับเครือญาติที่มีเชื้อสายเดียวกัน พวกมันเติบโตช้า อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด และปริมาณการออกลูกน้อย ดังนั้นราคาจึงแพง

แน่นอนว่า ปลาที่ปริมาณออกลูกน้อยกว่านี้ และเติบโตช้ากว่านี้ยังมีอีกสายพันธุ์หนึ่ง นั่นก็คือปลาค็อดขั้วโลกใต้ แต่ปัญหาคือขั้วโลกใต้ไม่อนุญาตให้หาปลาเพื่อทำการค้า ปลาค็อดขั้วโลกใต้จึงไม่สามารถนำเข้าสู่ตลาดได้

เมื่อเห็นฝูงปลาค็อดตัวเล็กตัวใหญ่พวกนี้ ในใจของฉินสือโอวก็จุดประกายขึ้นมา การมากรีนแลนด์ครั้งนี้เป็นการมาที่สมควรแล้ว ไม่อย่างนั้นเขาก็จะพลาดแผนการเพาะพันธุ์ปลาค็อดขั้วโลกเหนือไป

ฟาร์มปลาของเขาครอบคลุมขอบเขตกว้างมาก ในฤดูใบไม้ผลิ ฤดูใบไม้ร่วงและฤดูร้อน 3 ฤดูนี้อุณหภูมิน้ำจะค่อนข้างสูง ซึ่งไม่เหมาะกับการเจริญเติบโตของปลาค็อดขั้วโลกเหนือ แต่นี่ไม่สำคัญ ปลาสายพันธุ์นี้เป็นปลาน้ำลึก แหล่งน้ำที่มีอุณหภูมิต่ำและเป็นทะเลน้ำลึกในฟาร์มปลาก็มีเยอะเหมือนกัน

ตอนนี้ฤดูนี้ ในวงกลมอาร์กติกนั้นไม่มีเรือหาปลา จึงไม่จำเป็นต้องให้แต่ละประเทศออกกฎหมายและกฎระเบียบ สภาพอากาศที่สดใสแบบนี้อย่างมากที่สุดก็วันละ 2 ถึง 3 ชั่วโมง เดิมทีก็ไม่มีทางจับปลาได้ เรือหาปลามาที่นี่และรอพุ่งชนภูเขาน้ำแข็งเพื่อฉายภาพยนตร์ภัยพิบัติเท่านั้น

ดังนั้น ฉินสือโอวจึงได้เปรียบ แม้ว่าปริมาณการออกลูกของปลาค็อดขั้วโลกเหนือจะต่ำ แต่ตอนนี้ประชากรในฝูงมีไม่น้อยเลย เขาจึงสามารถเก็บรวบรวมได้อย่างสบายใจ

ปลาค็อดขั้วโลกเหนือมีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูงมาก ปริมาณโปรตีนของมันสูง และปริมาณไขมันต่ำ เพราะปราศจากมลพิษ ดังนั้นทั่วทั้งตัวจึงเป็นสมบัติ เนื้อปลาไม่จำเป็นต้องพูดถึง ก้างปลา หัวปลา หางปลาและส่วนอื่นๆ สามารถแปรรูปเป็นปลาป่นกับน้ำมันปลาได้ ส่วนเนื้อปลาสับก็สามารถทำเป็นซูริมิได้

ในบรรดาปลาค็อดทุกสายพันธุ์ ปลาค็อดขั้วโลกเหนือเป็นปลาที่เหมาะจะทำเป็นซูริมิมากที่สุด ปริมาณโปรตีนของมันสูงมาก และปริมาณไขมันต่ำมากอย่างน้อยที่สุดก็ 0.5 เปอร์เซ็นต์ เกือบจะเท่ากับเนื้อของฉลาม

ดังนั้น ซูริมิของปลาสายพันธุ์นี้จะมีสีขาวบริสุทธิ์และละเอียดอ่อน โภชนาการอุดมสมบูรณ์ และเนื่องจากไขมันต่ำ จึงทำให้ความยืดหยุ่นของซูริมิดีเป็นพิเศษ นี่เป็นสิ่งที่ปลาสายพันธุ์อื่นไม่สามารถเทียบได้

ยิ่งไปกว่านั้น ปลาค็อดขั้วโลกเหนือยังมีเรื่องที่ปลาสายพันธุ์อื่นไม่สามารถเทียบได้อีก นั่นก็คือมันเป็นแหล่งสกัดน้ำมันปลาทะเลน้ำลึกที่ดีที่สุด ตับของปลาค็อดขั้วโลกเหนือใหญ่มาก ซึ่งคิดเป็น 10 เปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักตัว มากกว่าครึ่งหนึ่งในนั้นเป็นไขมันที่มีค่า

ไขมันพวกนี้สามารถสกัดเป็นน้ำมันปลาคุณภาพดีเยี่ยมได้ ซึ่งอุดมไปด้วยดีเอชเอ ในตลาดผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพของสหรัฐอเมริกากับแคนาดา น้ำมันปลาทะเลน้ำลึกที่สกัดออกมาจากปลาค็อดขั้วโลกเหนือกับน้ำมันปลาที่สกัดออกมาจากปลาสายพันธุ์อื่นนั้นจะแยกกันขายเสมอ

จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้ง 8 สายของฉินสือโอวผลุนผลันออกไปอย่างรวดเร็ว และค้นหาไปทางเหนือกับใต้ตามอ่าวน้ำเย็นอิลูลิสแซท เมื่อเจอฝูงปลาค็อดก็จะส่งคำสั่งให้พวกมัน บอกพิกัดของฟาร์มปลาต้าฉินให้พวกมัน และสั่งให้พวกมันรีบไป

แต่ภายหลังเขาพบว่า สมองของปลาพวกนี้เรียบง่ายเกินไป คำสั่งแบบนี้พวกมันไม่สามารถเข้าใจได้ และจะอพยพไปแค่ทางใต้เท่านั้น แต่จะไม่ไปค้นหาที่ตั้งของฟาร์มปลาต้าฉิน

ไม่มีทางเลือกอื่น เขาจำต้องเลือกฝูงปลาขนาดใหญ่ และให้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนพาฝูงปลาไป โดยพาพวกมันอพยพไปที่ทิศทางของเซนต์จอห์น

ในเมื่อมีโอกาสนี้ ฉินสือโอวก็ต้องเพาะพันธุ์ปลาค็อดขั้วโลกเหนือให้ได้ ปลาสายพันธุ์นี้เป็นที่ต้องการของตลาดมากในยุโรป ในยุโรปเหนือ พวกมันถูกเรียกว่า “นักโภชนาการบนโต๊ะอาหาร” ชาวโปรตุเกสเรียกมันอย่างตรงไปตรงมามากขึ้นว่า “ทองคำเหลว!”

นอกจากนี้ เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์ทางทะเลอื่นๆ ในขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ ความเร็วในการเจริญเติบโตของปลาค็อดขั้วโลกเหนืออาจจะพูดได้ว่าเร็วดุจสายฟ้าในทะเลน้ำเย็น นำปลาไธมัลลัสขั้วโลกเหนือที่ฉินสือโอวและพรรคพวกเพิ่งกินไปมาเป็นตัวอย่าง ปลาสายพันธุ์นี้ 5 ปีจะมีลำตัวยาว 10 เซนติเมตร 10 ปีจะมีลำตัวยาว 15 เซนติเมตร ซึ่งมีการเจริญเติบโตช้ามาก

และปลาค็อดขั้วโลกเหนือเมื่อเทียบแล้วเร็วกว่ามาก อายุ 3 ขวบโดยเฉลี่ยลำตัวยาวถึง 17 เซนติเมตร แต่ 4 ขวบกลับยาวถึง 19 เซนติเมตรครึ่ง 5 ขวบยาว 21 เซนติเมตร 6 ขวบยาว 22 เซนติเมตร หลังจากนั้นก็จะเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะยาวจนถึง 1 เมตร หรือ 1 เมตรครึ่ง ขีดจำกัดคือ 2 เมตร!

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับนิสัยในการเจริญเติบโตของพวกมัน ในทะเลน้ำลึกที่น้ำเย็นจัดมีอาหารน้อยมาก ปลาจำนวนมากยังเลือกกิน จึงเติบโตช้าตามธรรมชาติ ข้อได้เปรียบของปลาค็อดขั้วโลกเหนือคือไม่เลือกกิน ตราบใดที่สิ่งนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้ อะไรมันก็กิน ซึ่งกินเยอะมาก ดังนั้นการเจริญเติบโตก็เร็วมากเช่นกัน

ฉินสือโอวเชื่อว่า ถ้าได้รับพลังโพไซดอนเข้าไป พวกมันจะยิ่งเจริญเติบโตเร็วมากขึ้น

จุดหนึ่งที่เขาชื่นชอบปลาค็อดขั้วโลกเหนือคือ ปลาสายพันธุ์นี้มีพลังในการขยายพันธุ์ที่สุดยอดมาก ปลาตัวเมียที่ลำตัวยาวประมาณ 1 เมตร หนึ่งครั้งมันสามารถวางไข่ได้อย่างมาก 3 ล้านถึง 4 ล้านฟอง นอกจากนั้นยังใช้ชีวิตแบบรวมกันเป็นกลุ่ม การจะจับขึ้นมาก็ง่ายเหมือนกัน

ตราบใดที่ปลาค็อดขั้วโลกเหนือสามารถขยายพันธุ์ในฟาร์มปลาได้ ฉินสือโอวก็จะมีผลิตภัณฑ์ที่แข่งขันได้อีกอย่างหนึ่ง ปลาค็อดขั้วโลกเหนือไม่ใช่ปลาที่ใครก็สามารถเพาะพันธุ์ได้ อันที่จริงปลาสายพันธุ์นี้ก็ไม่สามารถเพาะพันธุ์ได้

สาเหตุที่สร้างสถานการณ์แบบนี้ขึ้นมาก็คือ เพื่อลดการสูญเสียพลังงาน ปลาค็อดขั้วโลกเหนือจะแลกเปลี่ยนสสารกับน้ำทะเลที่เย็นเยือกให้น้อยที่สุด เมื่อเวลาผ่านไป ก็นำไปสู่การวิวัฒนาการระบบไหลเวียนแบบปิดที่มีลักษณะเฉพาะตัวในร่างกายของพวกมัน ทำให้สารอันตรายที่มันดูดซับจากในอาหารไม่สามารถขับออกจากร่างกายผ่านทางไตได้ แต่จะกักตุนไว้ในร่างกายแทน

กล่าวอีกนัยหนึ่ง ถ้าปลาค็อดขั้วโลกเหนือเข้าไปในน่านน้ำที่มีมลพิษร้ายแรง เนื้อของพวกมันก็จะไม่สามารถใช้เป็นอาหารได้ ซึ่งนอกจากน่านน้ำที่บริสุทธิ์ของขั้วโลกเหนือกับขั้วโลกใต้ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมถึงไม่เคยเห็นปลาสายพันธุ์นี้ในสถานที่อื่นเลย

ปลาค็อดขั้วโลกเหนือเป็นสายพันธุ์ที่บอบบางซึ่งสามารถอยู่รอดได้แค่ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดเชื้อ ฉินสือโอวรู้สึกว่า ทั่วทั้งโลกมีฟาร์มปลาอยู่มากมายนับไม่ถ้วน และมีแค่ฟาร์มปลาของตัวเองเท่านั้นที่เขากล้าพูดว่าสภาพแวดล้อมสะอาดไร้มลพิษ

แน่อยู่แล้วว่า ก็มีแค่ฟาร์มปลาต้าฉินเท่านั้นที่สามารถเพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้ได้

ดังนั้น ในทะเลน้ำลึก ฝูงปลาขนาดใหญ่แต่ละฝูงจะเริ่มกระสับกระส่าย ภายใต้การควบคุมของฉินสือโอว พวกมันจะผ่านอ่าวน้ำเย็นอิลูลิสแซท และลงไปทางทิศใต้อย่างสง่าผ่าเผย

เมื่อออกจากอ่าวน้ำเย็น ฉินสือโอวก็เจอกับฉลามกรีนแลนด์ฝูงหนึ่ง ฉลามสายพันธุ์นี้ตัวใหญ่มาก การเคลื่อนไหวก็ช้า มันมีท้องที่ใหญ่ และอยู่ในสถานะที่หิวตลอดเวลา ดังนั้นหลังจากเจอฝูงปลาค็อดขั้วโลกเหนือ พวกมันจะตื่นเต้นขึ้นมาทันที

ฉินสือโอวส่งความโกรธของพลังโพไซดอนออกไป ทันใดนั้นคลื่นใต้น้ำก็หมุนขึ้นมา พวกฉลามกรีนแลนด์ตกใจ รีบหมุนตัวกลับ และว่ายไปอย่างช้าๆ ด้วยความหดหู่

ท่านชายฉินรู้สึกว่าพวกมันยังไม่อยากว่างออกไป จึงใช้คลื่นทะเลที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสร้างขึ้นมาช่วยพวกมัน นี่จะเป็นการกลิ้งออกไปจริงๆ

ฉลามกรีนแลนด์รู้สึกน้อยใจมาก พวกมันไม่ใช่ไม่อยากว่ายไปเร็วๆ แต่พวกมันช้าโดยธรรมชาติ

แต่ท่านชายฉินไม่สนใจ เขาแค่อยากพาฝูงปลาค็อดขั้วโลกเหนือไปที่ฟาร์มปลาอย่างปลอดภัย

พอดีกับที่ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำ เขาก็เลยพาฝูงปลาไปได้อย่างสบายใจ ราวกับว่าเป็นมัคคุเทศก์ เขาพาทั้ง 8 ฝูงไปที่ฟาร์มปลาอย่างเร่งรีบ จิตสำนึกผลัดเปลี่ยนกัน เพื่อให้แน่ใจว่าฝูงปลาทั้ง 8 ฝูงจะรักษาเส้นทางที่ถูกต้องไปได้ตลอดจนจบการเดินทาง และก็เพื่อให้แน่ใจมากที่สุดว่าจะไม่มีฝูงปลาตกอยู่ข้างหลังเหมือนกัน

ฝูงปลาแต่ละฝูงมีปลาค็อดขั้วโลกเหนืออย่างน้อย 2 ถึง 3 หมื่นตัว และถ้าฝูงปลาทั้ง 8 ฝูงรวมกัน อย่างน้อยๆ ก็มี 4 ถึง 5 แสนตัว นี่เท่ากับว่าเขาพาฝูงปลาขนาดใหญ่ที่อยู่ในทะเลเหนือของกรีนแลนด์เสี้ยวหนึ่งไป

ขณะที่มองปลาอวบอ้วนแต่ละตัว ท่านชายฉินก็พอใจอย่างไม่มีที่สิ้นสุด ซึ่งก็เหมือนกับชาวนาแก่ๆ ที่เห็นพืชผลที่เก็บเกี่ยวมา

ด้านวินนี่นั้นไม่ได้กระวนกระวายใจ เด็กน้อยกับลูกหมีก็ทะเลาะกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งฉายภาพเสือ 2 ตัวอยู่ในถ้ำเดียวกันไม่ได้ในเวอร์ชันชีวิตจริง เธอต้องดูแลเรื่องนี้แต่ไม่สามารถจัดการใครได้

ในที่สุดก็ทนเรื่องวุ่นๆ ไม่ไหว เธอบ่นว่า “คุณหัวเราะคิกคักอะไรอยู่ตรงนั้น? รีบเข้ามาดูลูกสาวของคุณ กับลูกหมีตัวที่ 2 ที่ถูกเธอตีจนร้องไห้เร็ว!”

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท