ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1479 ตกใจไม่น้อย

บทที่ 1479 ตกใจไม่น้อย

จากนั้นก็เป็นพาวลิสส่งเป้าหมายปีใหม่ให้กับเขา ซึ่งก็คือสอบใบขับขี่ได้ และไม่เกิดอุบัติเหตุใดๆ ในการขับรถเป็นเวลา 1 ปี

ฉินสือโอวรู้สึกว่าเป้าหมายนี้ดีมาก เขาเชื่อมั่นในพาวลิส เจ้าเด็กนี่โตก่อนวัย แล้วก็นิ่งขรึมมากที่สุด รู้ว่าตัวเองต้องการอะไรในตอนนี้ เด็กวัยรุ่นส่วนมากที่เพิ่งสอบได้ใบขับขี่ มักจะกระตือรือร้นอยากขับรถออกไปเที่ยวตามป่า ซึ่งก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายดาย

ตามสถิติกรมการขนส่งของแคนาดา 38% ของการขับรถที่เกิดอุบัติเหตุในประเทศนี้ล้วนเป็นผู้ขับที่เพิ่งได้ใบขับขี่ไม่เกิน 18 เดือน ซึ่งก็คืออุบัติเหตุมักจะเกิดขึ้นง่ายในช่วงเวลาหนึ่งปีครึ่งนับจากสอบได้ใบขับขี่

พาวลิสต้องการความมั่นคง ตอนนี้ก็รู้แล้วว่าจุดสำคัญในการขับรถปีนี้ของเขาต้องใจเย็น พยายามหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุให้ได้มากที่สุด

ท้ายสุดเป็นกอร์ดอน เขายื่นให้ฉินสือโอวอย่างอิดออด ที่เขียนไว้ก็เกี่ยวกับบาสเกตบอลเช่นกัน เขาต้องการนำทีมโรงเรียนประถมแกรนท์ชิงแชมป์รางวัลระดับ 7 ถึงระดับ 9

ฉินสือโอวค้านทันที “ไม่ หนุ่มน้อย เอาคืนไป คิดอันใหม่”

กอร์ดอนต่อต้าน “นี่มันไม่แฟร์เลย ฉิน ทำไมมิเชลถึงผ่านล่ะ?”

ฉินสือโอวยิ้มร้ายขึ้นมา “ฮ่ะ นายนี่จะเขียนเป้าหมายปีใหม่ยังดูของคนอื่น? ทำไม นี่ยังต้องลอกด้วยเหรอ?”

กอร์ดอนแสยะยิ้ม พูดพึมพำว่า “ผมเพิ่งเรียนภาษาจีนได้ 1 ประโยค ซึ่งก็คือเราต้องไม่ลืมบทเรียนในอดีต เพื่อมาปรับแก้ในอนาคต ไม่สิ ควรจะพูดว่าเอาอดีตมาเป็นบทเรียน สรุปแล้วก็คือผมต้องชำนาญในการเรียนรู้ประสบการณ์จากคนอื่น…”

ฉินสือโอวเคาะสมองเขาไปหนึ่งที แล้วพูดด้วยความโกรธว่า “อ้างเหตุผลได้สารพัดจริงๆ เลย รีบเขียนเลย ไปคิดเหตุผลที่ฉันจะรับได้มาหนึ่งข้อเลย!”

กอร์ดอนนั่งลงด้วยสีหน้าหมดอาลัยตายอยาก เขียนใหม่อีกหนึ่งอัน ฉินสือโอวอ่านดูครั้งนี้เขียนว่าผ่านเข้าสู่เกรด 7 ได้อย่างราบรื่น จึงพยักหน้าและให้ผ่านได้ เพราะข้อนี้ช่างเหมาะกับหมอนี่ตอนนี้พอดี

เมื่อเอาเป้าหมายปีใหม่นี้เก็บไว้แล้ว ฉินสือโอวก็ยืดเส้นยืดสาย ไม่เลวจริงๆ ปีใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

แมทธิว จินเมื่อพูดแล้วก็ทำได้ตามที่พูด ก่อนปีใหม่เขาไม่ได้ติดต่อฉินสือโอวอีกเลย พอผ่านพ้นปีใหม่ วันที่สองหลังจากปีใหม่ เขาก็โทรมา “พ่อหนุ่ม ฉลองปีใหม่อย่างมีความสุขไหม?”

ฉินสือโอวยิ้ม “ใช่ มีความสุขมาก ผมรู้แล้วล่ะท่านประธาน ผมควรต้องเริ่มงานละ ให้ผู้ช่วยมาพบผมได้เลย ผมคิดว่าผมสามารถจัดการงานทางราชการได้แล้ว”

แมทธิว จินตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นก็โอเค เดี๋ยวสักสองสามวันเธอจะไปหาคุณ แล้วคุณศึกษาเอกสารที่เธอเอาไปให้ดีๆ นะ แล้วประมาณอาทิตย์หน้าคุณจะต้องมาเข้าร่วมประชุมที่ออตตาวามาพบสมาชิกของคุณด้วย”

ฉินสือโอวถามเขาว่าผู้ช่วยของเขาคือใคร เขาเคยนับๆ ดู ผู้หญิงที่เขารู้จักดี ก็ไม่น่าจะมีใครที่เหมาะสมจริงๆ

ชายชราเล่นเกมปริศนากับเขา โดยวางท่าทางที่เดาได้ยาก ซึ่งก็คือไม่บอกความจริงกับเขา

วันที่สี่หลังจากปีใหม่ ฉินสือโอวช่วยพ่อและแม่เตรียมผูกเทวดาไฟ นี่เป็นธรรมเนียมของบ้านเกิดเขา เอาฝักข้าวโพดหรือก้านข้าวสาลีผูกไว้กับไม้ หลังจากจุดไฟแล้วก็เอาออกจากบ้านไปไว้ในแม่น้ำ เป็นการแสดงถึงว่าบ้านจะไม่เกิดอัคคีภัยตลอดทั้งปี

วันนี้ลมแรง พอฉินสือโอวจุดไฟฝักข้าวโพดแล้ว ออกจากบ้านไปได้ไม่ไกลไฟก็ดับ ซึ่งสิ่งนี้ทำให้เขาเจ็บปวดเหลือเกิน ทำได้เพียงต้องใช้กลอุบาย ราดน้ำมันลงไปบนก้านข้าวโพด

ตอนนี้ไฟกำลังโหมกระหน่ำ เขาเดินออกจากประตูก็เจอนีลเซ็น เขามองแล้วก็ส่ายศีรษะ “บอส ทำคบเพลิงแบบนี้ไม่ดีเท่าไรนะ”

ฉินสือโอวกลอกตามองบน “นี่ไม่ใช่คบเพลิง นี่เป็นปีศาจไฟ ฉันจะเอามันโยนลงทะเลทิ้งไป!”

นีลเซ็นกะพริบตาปริบๆ อย่างมึนงง แล้วถามขึ้น “บอสคงไม่ได้นอนเยอะจนมึนไปแล้วใช่ไหม?”

”นี่เป็นธรรมเนียมของบ้านเกิดฉัน!” ฉินสือโอวจ้องมองเขาด้วยดวงตาสีเข้ม

เมื่อได้ยินแบบนี้นีลเซ็นก็หุบปากทันที แล้วรีบเข้าไปช่วยถือหนึ่งก้าน ยิ้มเยาะแล้วพูดว่า “ที่แท้ก็เป็นธรรมเนียม ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลย น่าสนใจจริงๆ”

ตามธรรมเนียมดั้งเดิมแล้วจะต้องเอาไม้ที่จุดไฟแล้วโยนทิ้งลงไปในแม่น้ำ แต่ฉินสือโอวคิดว่าโยนไปในทะเลมีอำนาจกว่า ถ้าบ้านเกิดเขามีทะเล เขาเชื่อว่าคนในหมู่บ้านก็ต้องโยนทิ้งในทะเลแน่ๆ

โอเค พูดความจริงก็คือ บ้านเขาอยู่ใกล้ทะเลมากกว่าแม่น้ำบนสายเล็กๆ บนเขากว่ามาก ฉินสือโอวรู้สึกว่าถ้าถือคบเพลิงนี้ไปแม่น้ำ แค่ครึ่งทางไฟก็คงดับแล้ว

ผลปรากฏว่าการขับไล่ไฟออกจากบ้านไปครั้งนี้ไม่ราบรื่นตามที่กำหนดไว้ ออกจากบ้านได้ไม่นานก็มีคนวิ่งหอบมาทางนี้ ฉินสือโอวหันไปมองก็พบว่าเป็นเด็กมหาวิทยาลัยสาวสวยที่ไม่ได้ปรากฏตัวในพื้นที่ฟาร์มปลานี้มานานแล้ว ทิญา รูสลาน

”เฮ้ บอส พวกคุณกำลังทำอะไรกัน? ฟ้าก็สว่างมากเลยนี่? จะถือคบเพลิงไปผจญภัยเหรอคะ?” ทิญายิ้มไปถามไป เนื่องด้วยเธอวิ่งมา ชุดรัดรูปที่รัดอยู่บริเวณหน้าอกเธอจึงขยับขึ้นลงตามลมหายใจ นีลเซ็นมองตะลึงไปแล้ว

วันนี้นักเรียนมหาวิทยาลัยสาวสวยเปลี่ยนชุดที่สวมใส่ เมื่อก่อนเธอจะชอบสวมเสื้อกาวน์สีขาวของคุณหมอเหมือนแซนเดอร์ส แต่ตอนนี้ถูกแทนที่ด้วยชุดสูทผู้หญิงสีดำ ชุดสูทตัวเล็กชายเป็นสีเงิน ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว หน้าอกยกขึ้นสูง ขาทั้งสองข้างเรียวยาว เต็มไปด้วยส่วนโค้งเว้า

ฉินสือโอวอธิบายว่า “นี่ไม่ใช่คบเพลิง นี่เป็นธรรมเนียมบ้านเกิดพวกเรา ช่างเถอะ เดี๋ยวค่อยคุย ฉันต้องรีบโยนลงไปในทะเล เดี๋ยวจะไม่ทันการ”

เขารีบก้าวออกไปได้สองก้าว ก็พบว่านีลเซ็นไม่ได้อยู่ข้างกาย เขาหันกลับไปมอง หมอนี่ยังแอบมองทิญาอยู่ ดูท่าน่าจะอยากเข้าไปพูดคุยเพื่อทำความรู้จักด้วย

ไอ้บ้าเอ๊ย ฉินสือโอวรู้สึกอับอายจริงๆ เขาเข้าไปเตะหนึ่งทีแล้วพูดด้วยความโกรธว่า “คบเพลิงในมือของนายจะดับหมดแล้ว รู้หรือเปล่า?”

ทันใดนั้นหน้าของนีลเซ็นพลันเปลี่ยนเป็นสีแดง พึมพำว่า “ผมรู้ ผมรู้ครับ ผมกะไว้ดีแล้ว”

ฉินสือโอวโมโหปรี๊ดขึ้นมา “กะไว้บ้าบออะไร ฉันบอกว่าคบเพลิงของนายจะดับแล้ว นายราดน้ำมันน้อยเกินไป!”

นีลเซ็นจ้องด้วยความตะลึง ยิ้มแสยะแล้วรีบวิ่งไป เสียงหัวเราะดังฟังชัดของทิญาดังขึ้น เธอขยิบตาให้ฉินสือโอวแล้วพูดว่า “บางทีนีลเซ็นก็ดูเหมือนเด็กเลย น่ารักจริงๆ”

ขว้างคบเพลิงทิ้งไป นีลเซ็นดูเศร้าสร้อย เขานั่งยองๆ ริมชายหาดแล้วก็จุดบุหรี่ขึ้นมาหนึ่งอัน

ฉินสือโอวถามเขาว่าเป็นอะไร นีลเซ็นพูดด้วยความกังวลว่า “บอส ผมกลัวจริงๆ เลย ผมรู้สึกว่าผมยับยั้งหัวใจของตัวเองไม่ค่อยได้ การแต่งตัวแนว OL (Office Lady) ของทิญาจะทำให้ผมบ้าตายแล้ว ผมต้านเสน่ห์ของเธอไม่ได้เลยจริงๆ”

ฉินสือโอวนายใหญ่หัวเราะออกมาเสียงดัง “ไม่เป็นไรนะ ไม่ต้องกลัว ฉันจะโทรหาแฮมเล็ตให้ จะบอกว่านายเล่นกับน้องสาวเขาแล้วยังติดต่อกับนักศึกษาฝึกงานของฉันข้างนอกด้วย…”

นีลเซ็นร้อนใจขึ้นมาทันที “อย่านะครับ บอส จะเอาชีวิตผมเหรอ? ผมไม่อยากถูกโยนเข้าคุกที่เมืองเซนต์จอห์นนะครับ!”

ทิญาเดินตามมาด้านหลัง ถามด้วยความสงสัยว่า “พวกคุณคุยอะไรกันอยู่เหรอคะ?”

ฉินสือโอวบอกไปตามตรง “พวกเรากำลังคุยเกี่ยวกับเธอ ฉันคิดว่านะ ทิญาวันหลังเธออย่าแต่งตัวแบบนี้ได้ไหม ลูกน้องของฉันบางคนที่นี่มีความผิดปกติ เสื้อผ้า OL พวกนี้จะมีแรงดึงดูดพวกเขามากเกินไป”

ดวงตาของทิญากะพริบปริบๆ เธอยื่นมือไปสางผมลื่นๆ ของเธอที่ถูกลมทะเลพัดปลิวว่อนให้เรียบร้อย แล้วทำท่าทางลำบากใจ พูดขึ้นว่า “มันยากมากเลยบอส เพราะวันหลังฉันต้องแต่งตัวแบบนี้ทุกวันเลย”

ฉินสือโอวยิ้ม “เธออยากจะทดสอบความสามารถในการควบคุมของพวกเขาเหรอ?”

ทิญายักไหล่ มองไปที่เขาอย่างเปิดเผย แล้วพูดว่า “ไม่ บอส แต่เป็นความจำเป็นในการทำงาน ฉันเป็นผู้ช่วยของประธานพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ หากยึดตามระเบียบฉันต้องใส่ชุดแบบนี้เวลาทำงาน”

ฉินสือโอวสูดลมหายใจเข้าลึกด้วยความตกใจ เซอร์ไพรส์ปีใหม่นี้ ยิ่งใหญ่ไม่น้อยเลย!

……………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท