ถ้าเข้ามาดูใกล้ๆ ฟาร์มปลาก็งั้นๆ
มาดูเรื่องคุณภาพน้ำกันก่อน เพราะอยู่ในอ่าวด้านใน น้ำทะเลไม่ค่อยมีการไหลเวียน ใต้น้ำไม่มีกระแสคลื่นใต้น้ำ บนผิวน้ำก็ไม่มีลม ดังนั้นจึงนำไปสู่การสะสมของขยะจำนวนมากในน้ำ
ฉินสือโอวยืนรับลมทะเลอยู่ที่ท่าเรือ กลิ่นที่โชยมาก็คือกลิ่นน้ำเหม็นๆ นี่คือกลิ่นที่เกิดจากย่อยสลายของซากปลากุ้งจำนวนมากที่สะสมรวมกัน ที่ฟาร์มปลาต้าฉิน กลิ่นเดียวที่จะได้กลิ่นคือกลิ่นคาวน้ำทะเล อีกอย่างจากการดูแลสองปีนี้ เขตทะเลฟาร์มปลาแทบจะไม่มีมลพิษเลย แม้แต่กลิ่นคาวก็ไม่มีอีกแล้ว
ตอนนี้เขตทะเลรอบๆ เกาะแฟร์เวลสามารถบรรลุคำที่เออร์บักพูดไว้ตอนนั้น “เมื่อลมพัดมา แม้แต่อากาศยังหวาน!”
คุณภาพน้ำที่นี่ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องเทียบกับฟาร์มปลาต้าฉิน แค่เทียบกับฟาร์มปลาอื่นในเซนต์จอห์นก็ต่างกันลิบลับแล้ว
ที่จริงถ้าพูดถึงบนบก แม้ว่าในพื้นที่ของฟาร์มปลาจะมีป่าผืนใหญ่อยู่ แต่ต้นไม้ก็โตตามธรรมชาติ ความสูงจึงไม่เท่ากัน ชนิดของต้นไม้ก็คละกันไป แถมยังไม่มีถนนหนทางทอดผ่านอีก ถ้าฉินสือโอวจะอยู่ฟาร์มปลาระยะยาวก็ยังต้องทำทางเอง ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่เดินทางด้วยเรือหรือเฮลิคอปเตอร์
นอกจากจะไม่มีถนนแล้ว หาดของฟาร์มปลายังแย่มากอีกด้วย ชายฝั่งที่ทอดยาวแปดกิโลเมตรมีแต่เนินขรุขระ หาดทรายมีอยู่แค่ไม่ที่จุด แถมไม่ต่อกันด้วย
คลื่นทะเลซัดแนวหินส่งเสียง ‘ซ่า’ คลื่นที่สาดกระเซ็นมีฟองสีเทาขาวอยู่ด้วย ในนั้นยังมีของพวกถุงพลาสติกฟิล์มพลาสติกลอยปนอยู่อีกต่างหาก ฉินสือโอวอดส่ายหน้าไม่ได้
พี่น้องมินสกี้สมควรขาดทุนแล้ว พวกเขาไม่ได้มีเจตนาจะพัฒนาฟาร์มปลานี้จริงๆ แค่ลงทุนเลี้ยงปลากุ้งไปมั่วๆ แต่ไม่เคยมาดูแลคุณภาพน้ำ คุณภาพน้ำไม่ดีแล้วจะเลี้ยงจนได้อาหารทะเลดีๆ ออกมาได้อย่างไร?
เพียงแต่สำหรับฉินสือโอวแล้วนี่มันเรื่องเล็ก ฟาร์มปลานี้ก็แค่สาขาย่อยของเขา เอาไว้เลี้ยงสาหร่ายโดยเฉพาะ ไม่ได้มาอยู่ที่นี่ระยะยาว ฉะนั้นไม่ต้องทำทางหรือสะพาน และจะติดต่อกับภายนอกหรือไม่ก็ไม่เป็นไร
ส่วนคุณภาพน้ำยิ่งไม่ต้องห่วง แค่หว่านเมล็ดสาหร่ายทะเลกับพืชน้ำหลายร้อยตันลงไป พอทุ่งใต้ทะเลเกิดขึ้นต่อให้น้ำมีมลภาวะร้ายแรงแค่ไหนพวกมันก็ทำให้สะอาดได้
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนทั้งแปดสายถูกส่งออกไป ฉินสือโอวสำรวจฟาร์มปลา อยากดูว่าปลาของฟาร์มปลานี้เป็นอย่างไรโดยละเอียด คราวที่แล้วแค่ดูผ่านๆ จำไม่ค่อยได้แล้ว
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนแปดสายดูราวกับมังกรดุดันแปดตัวที่แหวกว่ายเป็นกลุ่มอย่างรวดเร็วไปในทะเล ไม่นานภาพเป็นฉากๆ ก็ถูกส่งเข้ามาในหัวเขา เขารู้แจ้งถึงสถานการณ์โดยรวมของฟาร์มปลาแล้ว
เทียบกับฟาร์มปลาต้าฉินในอดีต สภาพของฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์ดีกว่ามาก จำนวนของสาหร่ายทะเลถือว่ามีไม่มาก แต่ขอแค่กลายเป็นฐานที่อยู่ก็จะเติบโตงอกงามราวกับก้นทะเลที่มีพุ่มไม้ขึ้นเป็นหย่อมๆ
เหล่าปลาทะเลแหวกว่ายรอบๆ สาหร่ายทะเลเหล่านี้และหาที่อยู่จนเจอ ในที่พวกนี้จะพบฝูงปลาใหญ่เล็กได้ เทียบกับสภาพเลวร้ายที่สุดที่ฉินสือโอวคิดไว้ นี่ถือว่าดีกว่ามาก
ที่น่าเสียดายอย่างเดียวก็คือ สาหร่ายพวกนี้จำนวนน้อยเกินไป ห่างหลายกิโลเมตรถึงจะเจอสักหย่อม ถ้าสามารถให้มันต่อกันได้ ฟาร์มปลานี้ก็ยังมีพื้นที่ให้ทำได้
แน่นอนถ้าฟาร์มปลาพัฒนาขึ้นมา ฉินสือโอวก็ไม่มีทางซื้อมาได้ในราคาถูกอย่างสี่ล้านห้า
ทางตอนใต้ของฟาร์มปลา จิตสำนึกแห่งโพไซดอนยังเจอเรืออับปางสองลำ เรือสองลำนี้คงจมหลังจากแล่นชนกัน ระยะห่างใต้ทะเลไม่ไกล และต่างมีแผลใหญ่อยู่ที่หัวเรือเหมือนกัน
เจอแบบนี้ท่านชายฉินก็ยิ้มออก เขาใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสำรวจด้านในอย่างละเอียด เรือลำหนึ่งคงจะเป็นเรือบรรทุกสินค้า บนนั้นบรรทุกไม้ไว้จนเต็ม
ไม้พวกนี้โดนตัดแบ่งไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่รู้ว่าจมอยู่ใต้น้ำมานานแค่ไหน ส่วนมากก็เน่าไปแล้ว มีสาหร่ายงอกเต็มไปหมด และมีพวกหนอนน้ำกับแพลงก์ตอนเดินปีนป่ายอยู่มากมาย
ต่อให้มีบางส่วนที่ดูมีสภาพเดิม แต่ที่จริงก็เน่าไปหมดแล้ว พอจิตสำนึกแห่งโพไซดอนสร้างคลื่นน้ำไหลผ่าน ไม้ที่ยังดูมีสภาพเดิมพวกนั้นก็แตกกระจายออกมาเป็นอะไรบางอย่างนิ่มๆ
แต่ในตอนนั้นเอง ฉินสือโอวก็พบว่าในห้องโดยสารมีไม้กองหนึ่งที่ยังคงสภาพดีอยู่ พอคลื่นซัดผ่านไปพวกมันก็ปลิวขึ้นมาแล้วกระทบกันเอง หลังจากที่กระทบกันก็ไม่ได้หักและไม่ได้กลายเป็นสสารนิ่มๆ และสุดท้ายก็จมลงไปในน้ำ
แบบนั้นเขาก็เริ่มสนใจ ต่อให้ใช้หัวเข่าคิดก็คิดได้ว่าไม้พวกนี้ไม่ธรรมดา
เท่าที่เขารู้ ไม้ที่สามารถแช่ในน้ำได้นานโดยไม่เน่าก็น่าจะมีแต่พวกต้นตะโก ต้นบุนนาค แต่เขาเข้าไปหาหน้าตาของต้นไม้มีค่าสองประเภทนี้ในเน็ตก็พบว่าไม้ตรงหน้าไม่เหมือนกับที่หาเจอเลย
ไม้ในเรืออับปางเป็นสีน้ำตาลอมเหลือง ที่เปลือกมีสีเขียวอ่อนๆ ราวกับมีสาหร่ายทะเลขึ้นเป็นหย่อม เพียงแต่สำรวจดูอย่างละเอียดก็จะรู้ว่า สีเขียวนี้ไม่ใช่สาหร่ายทะเลหรือพืชน้ำ แต่เป็นสีที่มีแต่เดิม
นอกจากสีเขียว เปลือกไม้พวกนี้ยังเรียบมากๆ ด้วย ฉินสือโอวพอจะนึกออกแล้ว มิน่าล่ะไม้อื่นถึงเน่าจนแตกตัวแต่ไม้พวกนี้ยังอยู่ในสภาพดี พวกมันคงแช่ในน้ำมันตุงมาก่อนแล้ว ผิวด้านนอกก็เคลือบสารพวกสารเคลือบใสไว้แล้วจึงกันน้ำได้แล้วปกป้องพวกมันจากน้ำอย่างดี
ตอนที่เขาสำรวจอย่างละเอียด เขาก็เจอว่าข้างใต้สารเคลือบใส บนไม้พวกนี้มีผลึกใสตกตะกอนอยู่ด้วย
ตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตเห็นผลึกบนไม้ แค่นึกว่าไม้พวกนี้ก็คงจะมีน้ำเข้าแล้วแช่จนเน่า แต่ตอนหลังเขาก็พบว่าไม้แทบทั้งหมดล้วนมีผลึกอยู่ และไม้พวกนี้ไม่ได้เน่าแน่นอน จิตสำนึกแห่งโพไซดอนม้วนเอาไม้สองท่อนมาชนกันทำให้เห็นว่ายังแข็งแรงอยู่
แบบนี้ฉินสือโอวจึงคิดว่าไม้พวกนี้คงจะค่อนข้างมีราคา ไม่อย่างนั้นเรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งที่บรรทุกไม้มาเยอะขนาดนี้ คงไม่มีแค่ไม้พวกนี้ที่แช่น้ำมันตุงแถมยังเคลือบสารเคลือบใสด้วย
แต่ดูจากภายนอก ไม้พวกนี้ก็ดูธรรมดามากจริงๆ หน้าตาดูธรรมดา นอกจากไม้บางท่อนที่เป็นสีเขียวและตกผลึกก็ไม่มีจุดผิดปกติอื่น
เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโทรไปหาเบลคก่อนจะถามว่า “หวัดดีเพื่อน นายรู้จักไม้มีค่าที่หน้าตาดูธรรมดาไม่สะดุดตาไหม?”
เบลคหัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ไม้มีราคาหลายชนิดก่อนที่จะแกะสลักก็ดูธรรมดาทั่วไปทั้งนั้น อย่างเช่นไม้พะยูงหอมของประเทศนายกับต้นสาธร ที่ไม้พวกนี้มีราคาก็เพราะมันมีลักษณะปั้นง่ายที่สูงมาก นายดมกลิ่นดูสิแล้วบอกฉันว่ามีกลิ่นหอมพิเศษไหม ถ้าไม่มี งั้นก็คือไม้ธรรมดาไม่ใช่ไม้มีราคา”
ฉินสือโอวกลอกตา ไม้พวกนี้อยู่ใต้น้ำ เขาจะไปดมได้อย่างไร? แบบนี้เขาก็ได้แค่พรรณนาต่อไป “เปลือกไม้บางท่อนมีสีเขียวอ่อน ไม้ทุกท่อนมีตะกอนผลึกด้วย…”
“ไม้ประเภทนี้โดนหุ้มด้วยชั้นเคลือบอะไรเทือกนั้นด้วยใช่ไหม?” เบลคฟังถึงตรงนี้จู่ๆ ก็พูดขัดคำพูดเขา
ฉินสือโอวพูดว่า “เปล่า แต่ชั้นนอกเคลือบด้วยสารบางอย่างแล้วยังเป็นสารเคลือบใสด้วย ผลึกพวกนี้อยู่ข้างใน”
ได้ยินแบบนั้นเสียงของเบลคก็สูงขึ้น “ให้ตาย อย่าบอกนะว่านายเจอเรืออับปางอีกแล้วน่ะ! นี่คือ ผลึก ผลึกตกตะกอนที่นายพูดถึงน่าจะเป็นผลึก…”
…………………………………