ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1490 พี่ใหญ่ที่ดุดัน

บทที่ 1490 พี่ใหญ่ที่ดุดัน

คนนั้นจึงต้องเดินขึ้นไป เหลือบมองฉินสือโอว บอกว่า “ท่านประธาน ธอร์ออกไปเข้าห้องน้ำ ท่านล็อกประตูคงไม่เหมาะสมมั้ง?”

ฉินสือโอวบอกด้วยสีหน้านิ่งไร้อารมณ์ว่า “ธอร์เป็นใคร? คนที่เพิ่งออกไปเมื่อครู่หรือ? งั้นไม่เป็นไร เขาได้ถูกไล่ออกแล้ว ไม่ใช่สมาชิกของพันธมิตรของเรา ไม่อนุญาตให้เข้าร่วมประชุม!”

ทิญาก้าวเดินไปล็อกประตูอย่างสง่างาม จากนั้น เธอยังหยิบมือถือออกมาโทรหาฝ่ายบริการ ให้พวกเขาจัดหายามมายังประตูห้องประชุม อีกเดี๋ยวมีคนก่อเรื่องให้ไล่ออกไปได้โดยตรง

ได้ยินที่เธอสั่งการ ฉินสือโอวพยักหน้าชื่นชม เขายิ่งดูยิ่งเจริญตากับนักศึกษาอกอึ๋มคนนี้แล้ว ยังคงเป็นคำนั้น ถ้าหากไม่มีวินนี่ บางทีเขาอาจจะจีบทิญา

เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาสงบลง หากพวกเขายังไม่เข้าใจว่าฉินสือโอวกำลังตัดไม้ข่มนามอยู่ก็บอกได้เพียงว่าพวกเขาโง่แล้ว มีคนอยากจะพูด แต่พิจารณาแล้วก็อดเอาไว้

คนที่ลุกขึ้นมาขึ้นหลังม้าแล้วลงยาก เขาทำได้เพียงกัดฟันพูดว่า “ท่านประธาน ท่านไม่รู้สึกว่าท่านทำแบบนี้รีบร้อนเกินไปหรือ? ธอร์ไม่ได้ทำผิดอะไร อีกอย่างผมไม่คิดว่าคุณมีสิทธิ์ในการไล่…”

ฉินสือโอวขัดคำพูดของเขา บอกด้วยสีหน้านิ่งเฉยไร้อารมณ์ว่า “ดีมาก คุณเองก็ถูกไล่ออกแล้ว คุณคนที่มีความชอบธรรม เก็บข้าวของของคุณ แล้วไสหัวออกไป!”

คนนั้นสีหน้าเปลี่ยน บอกอย่างโมโหว่า “ระวังคำพูดของคุณ…”

ฉินสือโอวพุ่งเข้าไป จับคอเสื้อของคนนั้นเอาไว้ ทิญาให้สัญญาณเปิดประตู ลากเขาออกไปนอกประตูอย่างง่ายดาย ผลักเขาออกไปล้มลงพื้น จากนั้นปิดประตู พูดอย่างเยือกเย็นว่า “ผมระวังคำพูดของผมแล้ว ไสหัวไป!”

‘ปัง!’ ประตูถูกปิดลง ฉินสือโอวเดินกลับมา เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาต่างก็กระเหี้ยนกระหือรือขึ้นมา ไม่ได้ตกใจจากข่มขู่ของเขา แต่กลับถูกเขาทำให้ไม่พอใจกัน

เหล่าชาวประมงกลุ่มโดนัลด์ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับฉินสือโอวเอาแต่ส่งสายตาให้เขา ความหมายคือเขาทำเกินไปหน่อยแล้ว หลังจากนี้อาจจะคุมสถานการณ์ไว้ไม่อยู่

และก็เป็นตามนั้น มีหลายคนลุกขึ้นมา พูดอย่างโมโหว่า “คุณฉิน พวกเราต้องการโทรหารัฐมนตรีแมทธิว พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ นี่เป็นงานร่วมกันของพวกเรา แต่ไม่ใช่ราชสำนักเผด็จการของคุณ!”

ฉินสือโอวใช้นิ้วชี้ยังตำแหน่งของคนพวกนั้น แล้วว่า “พวกคุณ คิดให้ดี! โทรศัพท์สายนี้โทรออกไป ถ้าไม่ใช่ผมที่ลงจากตำแหน่ง ไม่ก็พวกคุณก็ไสหัวไปด้วย!”

“อีกอย่างพวกคุณยังต้องคิดให้ดี ผมมีอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน ผมมีฟาร์มปลาที่ใหญ่ที่สุด! ผมยังเป็นหุ้นส่วนของบอมบาร์เดียร์ แม้ว่าผมจะไม่เป็นประธานที่นี่ ผมก็ยังคงทำเงินได้ทุกวัน สามารถเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งได้! พวกคุณล่ะ? คิดถึงรายได้ของฟาร์มปลาพวกคุณและเงินที่ติดธนาคารไว้! คิดให้ดี!”

“จะให้ผมเตือนพวกคุณหน่อยไหม หลายปีนี้แนวโน้มเศรษฐกิจและสถานการณ์ตลาดมีสภาพย่ำแย่แค่ไหน? ผมกล้าพนันเลย พวกคุณในนี้มีไม่น้อย ครั้งนี้คืนเงินที่กู้ธนาคารมาแล้ว งั้นวันหลังก็คงจะกู้ไม่ได้อีกแล้ว!”

“ถ้าหากร่วมทำกับผมอย่างซื่อสัตย์จริงใจ ผมสามารถรับประกันพวกคุณ สองปีหลังจากนี้ รายได้จะเพิ่มอย่างน้อยหนึ่งเท่าจากพื้นฐาน!”

หลังจากที่คำพูดของเขาออกจากปาก อารมณ์ของเหล่าเจ้าของฟาร์มปลาที่ไม่พอใจต่อเขาก็เริ่มบรรเทาลง และหลังฟังคำสุดท้ายของเขาจบ คนพวกนี้ต่างก็เผยสีหน้ายากที่จะเชื่อออกมา ต่างก็ถามไถ่ว่า “จริงเหรอ? รายได้เพิ่มเท่าตัว?”

ฉินสือโอวชี้ยังกลุ่มโดนัลด์ “พวกคุณ ปีหน้ารายได้ก็สามารถเพิ่มเท่าตัวได้ ผมสามารถพูดอย่างเปิดเผยเลยว่า พวกคุณจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับประโยชน์!”

โดนัลด์และเจ้าของฟาร์มปลารอบข้างต่างก็มาจากพื้นที่นิวฟันด์แลนด์ พวกเขาสนับสนุนฟาร์มปลามากที่สุด เพราะว่าในตอนนั้นเจ้าของฟาร์มปลาดั้งเดิมและพวกเจ้าของฟาร์มปลาอิสระเกิดการปะทะกัน ฟาร์มปลาจึงออกตัวแทนพวกเขา อีกอย่างอยู่ในฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เดียวกัน พวกเขารู้ดีถึงความสามารถในการทำเงินของฟาร์มปลาต้าฉิน

คนทั้งกลุ่มดีใจอย่างมาก ปรบมือร้องบอก “ประธาน พวกเราสนับสนุนคุณ!”

ฉินสือโอวมองไปยังคนอื่น พวกคนที่ลุกยืนขึ้นรีบนั่งลงไป หลังจากนั้นปรบมือกันรัวๆ “ประธาน พวกเราสนับสนุนคุณ เชิญคุณประชุมต่อเลย”

ไม่มีมิตรแท้ที่ยั่งยืน มีเพียงแต่ผลประโยชน์ที่ยั่งยืน ท่านชายฉินเข้าใจอย่างลึกซึ้งถึงประโยคนี้

เขายืนขึ้นไปบนแท่นใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ไม่มีใครกล้าส่งเสียงออกมาอีก เห็นชัดว่าวิธีการไม้แข็งไม้อ่อนร่วมกันได้สยบคนพวกนี้ไว้ได้ชั่วคราวแล้ว

ตอนนี้เขาอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างอ่อนไหว ถ้าหากเขาสามารถบรรลุตามคำมั่นสัญญาได้ ทำให้พวกเขาทำเงิน คนพวกนี้คงจะกลายเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแรงของเขา แต่กลับกันคนพวกนี้ก็จะกลับลำไปร้องเรียนกับแมทธิว จิน ในทันที

การประชุมดำเนินต่อ ฉินสือโอวเอ่ยว่า “ผมขอย้ำถึงกฎการรับสมาชิกพันธมิตรข้อหนึ่ง ทุกคนสามารถพาสมาชิกเข้ามาใหม่โดยการแนะนำ แต่ว่าถ้าหากมีคนถูกไล่ออก งั้นหลังจากนี้ก็จะไม่สามารถเข้าร่วมพันธมิตรได้อีก!”

มีคนพูดจากจิตสำนึกว่า “งั้นธอร์และแซ็กที่อยู่ด้านนอก…”

พูดไปครึ่งเดียว คนนี้คิดถึงวิธีการสายฟ้าแลบของฉินสือโอว กลืนน้ำลายไปคำหนึ่งแล้วรีบปิดปากเงียบ

ฉินสือโอวพูดอย่างเยือกเย็นว่า “คนทั้งสองด้านนอก สูญเสียโอกาสในการเข้าร่วมพันธมิตรตลอดกาล พวกเขาไม่สามารถรับทรัพยากรและพลังงานของพันธมิตรตลอดกาล ผมสามารถทิ้งท้ายไว้ที่นี่คำหนึ่ง อย่างมากห้าปี ฟาร์มปลาของพวกเขาจะต้องล้มละลายแน่!”

ในเมื่อจะเป็นพี่ใหญ่ของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์แล้ว เขาก็จะพัฒนาพันธมิตรนี้ให้ดี ตอนนี้เขาฟื้นคืนความทะเยอทะยานเริ่มแรกแล้ว นั่นก็คือยึดครองตลาดอาหารทะเลของแคนาดาทั้งหมด จากนั้นเข้าสู่สหรัฐอเมริกาและทั่วโลก

เมื่อก่อนเขาทำไม่ได้ถึงจุดนี้ เป็นเพราะว่าจำนวนอาหารทะเลที่ผลิตได้ของฟาร์มปลาต้าฉินไม่สามารถยึดครองตลาดเหล่านี้ได้ พอมีพันธมิตรการประมง งั้นเขาก็สามารถเดินเส้นทางระดับไฮเอนด์ แล้วตลาดระดับกลางและล่างก็สามารถมอบหมายให้ฟาร์มปลาเหล่านี้มาทำ

ฉินสือโอวเตรียมเพาะเลี้ยงสาหร่ายทะเลจำนวนมาก ใช้สาหร่ายทะเลที่มีพลังงานโพไซดอนมาทำอาหารปลา ปรับปรุงคุณภาพของอาหารทะเลในฟาร์มปลาในพันธมิตร เพื่อไปยึดครองตลาด

แบบนี้ ขอเพียงอาหารทะเลของฟาร์มปลาในพันธมิตรพวกนี้เข้าสู่ตลาด อาหารทะเลธรรมดาพวกนั้นจะต้องถูกบีบให้ถอยออกแน่ พอถึงเวลานั้นพวกเขาถึงขั้นไม่ต้องใช้กลยุทธ์ด้านราคาแล้ว เพราะว่าตลาดระดับล่างเองก็จะกลายเป็นที่ต้องห้ามของพันธมิตร แบบนี้พวกเขานอกจากล้มละลาย แล้วยังจะเป็นอย่างไรได้อีก?

แม้ว่าเจ้าของฟาร์มปลาด้านล่างนี้ยังคงมีท่าทีสงสัยในความทะเยอทะยานของฉินสือโอว แต่ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คำพูดคล้ายแชร์ลูกโซ่อย่างนี้สามารถกระตุ้นจิตวิญญาณในการสู้ของคนออกมาได้ ดึงดูดความสนใจของคน ฟังเขาทำสิ่งนี้ทำสิ่งนั้น ปกครองที่นี่พิชิตที่นั่น เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาต่างตื่นเต้นกันหมด ร้องตะโกนจะครองตลาดไปกับท่านประธาน

ฉินสือโอวโบกมือ ทุกคนที่ร้องตะโกนอยู่เงียบลงในทันที เขาพอใจต่อความเป็นผู้นำของตัวเองในตอนนี้อย่างมาก บอกว่า “พอแล้ว ตอนนี้ประชุมเริ่มต้นอย่างเป็นทางการ เรื่องแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับสถานการณ์การล่าวาฬล่าฉลาม”

“ผมรู้ว่าทุกท่านในที่นี้ มีไม่น้อยที่มีความเกี่ยวข้องกับเรือล่าวาฬล่าฉลามของคนญี่ปุ่น คนฮอลแลนด์ คนเบลเยียม พวกคุณพบแหล่งรวมตัวของวาฬและฉลาม จากนั้นขายข่าวสารให้กับพวกเขาแลกเงินใช่ไหม? น่าเสียดาย ทุกท่าน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปช่องทางทำเงินนี้ต้องตัดทิ้งแล้ว หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้ความร่วมมือกับเรือล่าวาฬมาทำการฆ่าสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ หากตรวจพบ ไล่ออกจากพันธมิตร จะไม่ปรานีเด็ดขาด…”

…………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท