ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1494 นี่คือพ่อแท้ๆ?

บทที่ 1494 นี่คือพ่อแท้ๆ?

หลายวันต่อมา ฉินสือโอวก็เริ่มรวบรวมคู่แข่งในงานประมูลฟาร์มปลาคาร์เตอร์ หลังจากที่กลายเป็นประธานพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ คอนเนคชั่นด้านเกษตรกรรมของเขาก็ขยายกว้างขึ้นมามาก

สมาชิกหลักของพันธมิตรการประมงมาจากรัฐโนวาสโกเชียกับนิวฟันด์แลนด์ เขาเลยโทรออกไปหลายต่อหลายสาย ฉินสือโอวก็ได้ข่าวจากปากของเจ้าของฟาร์มปลาใหญ่รัฐโนวาสโกเชียบางคน คู่แข่งของเขาไม่ค่อยเยอะ คนที่อยากได้ฟาร์มปลาคาร์เตอร์มีน้อยเพราะฟาร์มปลานี้ใหญ่เกินไป ราคาก็สูงเกิน

ก็ยังคงคำนั้นมีเงินเป็นร้อยล้านไม่เอาไปทำอย่างอื่นเอาไปเลี้ยงปลาเนี่ยนะ? ร้อยล้านดอลลาร์แคนาดาไปทำอสังหาริมทรัพย์ในเมืองส่วนใหญ่ของรัฐโนวาสโกเชียได้แล้ว

สุดสัปดาห์ บูลกับแอนนี่ก็พาบูลน้อยมาเป็นแขกที่ฟาร์มปลา เพราะปกติวินนี่ไปทำงาน วันจันทร์ถึงวันศุกร์แอนนี่ก็เลยไม่ค่อยมา มีแค่สุดสัปดาห์ถึงจะมารวมตัวกันได้

ตอนนี้บลุน้อยมีภาพจำที่ไม่ดีต่อฟาร์มปลา ฉินสือโอวยืนทักทายพวกเขาอยู่หน้าประตู บูลน้อยที่เดิมทีกำลังกอดขวดนมดูดในอ้อมอกของบูลอย่างมีความสุขพอเงยหน้าขึ้นไปเห็นวิลล่า ตาที่อวบอ้วนจนเป็นเส้นตรงก็เบิกกว้างทันที จากนั้นก็ยื่นมือชี้ไปด้านหลังพลางร้องเสียงอู้อี้ “บ้าน บ้าน! บ้าน!”

ฉินสือโอวยอมใจกับบูลน้อยนี่จริงๆ เจ้าเด็กนี่ทั้งโง่ทั้งตะกละแถมยังขี้เกียจ ถึงตอนนี้แล้วยังเดินเองไม่เป็นอีก ปกติได้แต่ต้องอาศัยให้พ่อแม่พาอุ้มเดิน

บูลกับแอนนี่ยังไม่ได้สติ พอได้ยินเสียงของบูลน้อย เสี่ยวเถียนกวาที่นั่งเล่นคนเดียวในห้องรับแขกก็ผุดลุกขึ้น ‘พรึบ’ ก่อนจะวิ่งก้าวเล็กๆ เตาะแตะออกมา

พอเห็นบูลน้อยในอ้อมอกบูล ฉินสือโอวก็รู้สึกว่าในดวงตาของลูกสาวแทบจะเปล่งแสงออกมา เธอชี้ไปที่บูลน้อยแล้วร้องขึ้น “มานี่ ตีเลย! ตีเลย!”

บูลน้อยเห็นเสี่ยวเถียนกวาที่ปรากฏตัวขึ้น ไขมันบนหน้าก็กระตุกสั่นด้วยความตกใจ มือสั้นเล็กชี้ไปที่ทางที่เพิ่งเดินผ่านมาอย่างเอาเป็นเอาตาย จากนั้นก็เริ่มแหกปากตะโกน “แม่ แม่ บ้าน! บ้าน! บ้าน!”

ที่จริงบูลไม่ค่อยชอบอุ้มลูกชายมาเล่นที่นี่ เทียบกับเสี่ยวเถียนกวา ลูกของบูลก็โง่เหมือนหมา โตกว่าเถียนกวาตั้งสองเดือนกว่า แต่จนถึงตอนนี้นอกจากน้ำหนักกับขนาดตัวที่เกินคนอื่น นอกนั้นก็ไม่มีอะไรเทียบได้เลย

เสี่ยวเถียนกวาเกือบจะวิ่งเหยาะได้แล้ว เรื่องนี้มีเหตุมาจากคู่ต่อสู้สุดแกร่งอย่างหมีโลลิ ตอนแรกเธอแค่เดิน ต่อมาก็พบว่าไล่ตามหมีโลลิไม่ทันก็เลยเรียนรู้การวิ่งเหยาะไปโดยปริยาย

บูลน้อยล่ะ? ตอนนี้ยังคลานเป็นอย่างเดียวอยู่เลย บางทีแอนนี่จะพยุงให้เดิน เจ้าเด็กน้อยก็เอาแต่ใจนั่งลงกับพื้นหรือกระทั่งกลิ้งร้องไห้งอแงบนพื้น

นอกจากนี้เสี่ยวเถียนกวาก็พูดได้ไว ตอนอายุเจ็ดเดือนก็เรียกพ่อแม่ได้แล้ว ตอนนี้ยิ่งพูดตามพ่อฉินแม่ฉินได้แบบงูๆ ปลาๆ

พูดถึงข้อนี้ ท่านชายฉินก็ดีใจและวางใจมาก คำแรกประโยคแรกของลูกสาวเป็นภาษาจีนหมดเลย ที่น่าเสียดายคือไม่ใช่จีนกลาง อย่างไรก็พูดตามพ่อฉินแม่ฉินนี่นา

บูลอุ้มลูกชายเดินมา เสี่ยวเถียนกวาก็เดินตามขนาบข้างอย่างใจจดใจจ่อ เงยใบหน้าดวงน้อยมองดูหนูน้อยอย่างดีใจ และตะโกนว่า “ตีเลย! อยู่ตลอด ตีเลย! ฉันจะตีให้เลย!”

สงสารก็แต่บูลกับแอนนี่ที่ไม่เข้าใจภาษาจีน และยิ่งไม่เข้าใจภาษาจีนที่แฝงสำเนียงท้องถิ่มเต็มเปี่ยมที่พ่อแม่ฉินสือโอวสอน ท่าทางดีใจแบบนี้ ยังดีใจความเป็นมิตรที่เธอแสดงต่อลูกชายเสียอีก

ด้านบูลน้อยแทบจะร้องไห้แล้ว บางครั้งก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าสัมผัสที่หกของเด็กนั้นไวกว่าจิตสำนึกของผู้ใหญ่มาก ฉินสือโอวเชื่อว่าบูลน้อยก็ไม่รู้ว่าเถียนกวาพูดว่าอะไร แต่กลับรู้ว่าเด็กผู้หญิงหน้าตาเบิกบานคนนี้จะอัดเขา!

พอเข้าบ้านไปนั่ง บูลก็ให้วินนี่กับแอนนี่เล่นเป็นเพื่อนเด็กๆ เขายังต้องไปทำงาน

แอนนี่มองเขาโกรธๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ทำงาน? ฉินบอกว่าสุดสัปดาห์นี้พวกคุณหยุดงาน”

บูลพูดอย่างเคร่งขรึม “สาวๆ นี่มีตาหามีแววไม่! ฟาร์มปลากำลังขาดคน ผมจะหยุดได้อย่างไร? พวกเพื่อนๆ ก็ทำงานล่วงเวลากันทั้งนั้น ผมจะมามัวนั่งเล่นอยู่นี่ได้อย่างไร?”

ฉินสือโอวงง พวกชาวประมงทำงานล่วงเวลาตั้งแต่เมื่อไร วันนี้ก็พักกันนี่ แต่หลังจากนั้นก็เห็นบูลขยิบตาให้เขาก็เลยแค่ยักไหล่ ไม่ได้แฉคำโกหกนั้น

ได้ยินแบบนั้นแอนนี่ก็ไม่มีอะไรจะพูดอีก อย่างไรฟาร์มปลาก็ดีกับพวกเขาทั้งครอบครัวมาก วินนี่ซื้อของให้ลูกเธอ กระทั่งซื้อชุดให้บูลน้อยหนึ่งชุด แน่นอนว่าชุดนี้คือขนาดใหญ่พิเศษ

วินนี่เข้ามาทำให้บรรยากาศดีขึ้น เธอพูดว่า “คอยดูลูกไว้ไม่ให้ทะเลาะกัน ถ้าพวกคุณหงุดหงิดก็มาดูลูก จะต้อง โอ้ พระเจ้า เถียนกวาหยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

บูลน้อยถูกวางลงบนพรมปุ๊บก็ใช้แขนขาทั้งสี่เตรียมจะหนี เสี่ยวเถียนกวาตามทันได้อย่างง่ายดาย สี่ขาก็ยังวิ่งไม่เร็วกว่าสองขา ทำเอาบูลน้อยเศร้าเหลือใจ

พอตามจนทัน เสี่ยวเถียนกวาก็กระโดดขึ้นกระแทกตัวจนบูลน้อยล้มลง จากนั้นก็พลิกตัวอย่างคล่องแคล่วขึ้นมาขี่บนพุงอ้วนกลม

บูลเห็นแบบนั้นก็หัวเราะออกมาแล้วพูดว่า “ให้ตาย บอส เถียนกวานี่สุดยอดจริงๆ อย่างกับนักขี่หญิง พวกคุณสอนแกขี่ม้าอยู่หรือเปล่าเนี่ย? งั้นผมกล้าพนัน ต่อไปเธอต้องกลายเป็นนักขี่ม้าหญิงที่มีชื่อแน่!”

ส่วนเรื่องที่ลูกชายโดนเถียนกวาชนจนล้มแล้วขึ้นขี่ เขาก็ไม่คิดอะไร ตอนเด็กๆ เขาก็เกลือกกลิ้งในแอ่งโคลนกับเพื่อนยันโต การตีกันระหว่างเด็กเป็นเรื่องธรรมดามาก กระทั่งสามารถช่วยเรื่องพัฒนาการของเด็กได้

แอนนี่ก็ไม่ใส่ใจ ลูกชายขี้เกียจเกินไป ปกติก็เอาแต่กินนอนดูการ์ตูน ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมออกกำลังกาย ดังนั้นไม่ว่าจะการหัดพลิกตัว คลานหรือเดินก็ช้ากว่าเด็กปกติทั่วไป มีเถียนกวาพาเล่นแบบนี้ถึงดีกว่า

หมีโลลิที่นอนอยู่บนโซฟาสังเกตการณ์ด้วยสายตาเย็นชา มองดูบูลกับภรรยาที่มีสีหน้าไม่ใส่ใจ มันรอดูอะไรสนุกๆ อยู่ มนุษย์ผู้โง่เขลา พวกแกนึกว่าเจ้าเด็กผู้หญิงตัวแสบนี่กำลังขี่ม้าเหรอ? ไม่ อู่ซงตีเสือต่างหาก!

วินนี่รู้ดีถึงกระบวนท่าต่อจากนี้ของเสี่ยวเถียนกวา เธอเห็นฉากแบบนี้มาเยอะแล้ว ชนหมีโลลิจนล้มแล้วก็ขึ้นขี่บนท้อง จากนั้นก็ลงหมัดรัวราวกับห่าฝน…ฉะนั้นเธอจึงร้องเสียงหลงแล้วรีบไปดึงเสี่ยวเถียนกวาออกมา

เสี่ยวเถียนกวาเสียดายมาก เธอพึ่งจะเงื้อหมัดก็โดนแม่ดึงออกมา ไม่อย่างนั้นก็ได้ต่อยเจ้าอ้วนเล่นแล้ว บูลน้อยเนื้อเยอะจ้ำม่ำมาก เวลาต่อยขึ้นมานุ่มๆ นิ่มๆ สนุกมากเลยนะ

บูลน้อยร้องไห้พลางลุกขึ้นมา เขาพยายามบิดคอมองไปทางเถียนกวา พบว่านางแม่มดยังคงดิ้นอยากจะพยายามไล่ตามตัวเองมา ชั่วขณะนั้นก็ตกใจจนไขมันสั่นทั้งตัว

เมื่อกี้คลานแล้วโดนไล่ตามทันได้ง่ายๆ ก็เลยพยายามอยู่พักหนึ่ง ไม่น่าเชื่อว่าจะยืนขึ้นมาได้ จากนั้นก็เดินโซเซไปหาแอนนี่ ปากก็ตะโกนไปด้วย “แม่ กอด! กอด!”

แอนนี่ดีใจแทบแย่ เธอพูดอย่างประหลาดใจว่า “ฉันรู้ว่าถ้าลูกเล่นกับเถียนกวาบ่อยๆ ต้องดีกับการหัดเดินของลูก พระเจ้า พวกคุณเห็นไหม? ยืนขึ้นมาแล้ว!”

บูลเข้ามาอุ้มลูกชายแล้วโยนขึ้นฟ้าสองสามรอบราวโยนกระสอบทราย สุดท้ายก็รับไว้แล้วเอาเคราถูหน้าอ้วนก่อนจะเอาเขาให้เถียนกวาอีก

หมีโลลิที่ดูเหตุการณ์เบิกตากว้างด้วยความอึ้ง นี่พ่อแท้ๆ กันหรือเปล่าเนี่ย? ดีนะที่เราไม่มีพ่อแท้ๆ พ่อแท้ๆ น่ากลัวเกินไปแล้ว แค่ทรมานลูกไม่พอ ยังส่งไปให้คนทรมานอีก!

…………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท