ฉินสือโอวมองดูชาวประมงทำงาน สำหรับชาร์คและคนอื่นๆ แล้ว งานประเภทนี้เป็นงานที่ง่ายและคุ้นเคย เมื่อก่อนพวกเขาเคยทำงานที่ฟาร์มปลา ไม่เพียงแต่ออกทะเลไปจับปลาเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยทำความสะอาดสาหร่ายทะเลที่ปลูกในฟาร์มปลาอีกด้วย
นอกจากการทำฟาร์มเพาะปลูกแล้ว ตอนนี้ในแคนาดาฟาร์มปลาไม่กี่แห่งส่วนใหญ่ทำการเกษตรแบบผสมผสาน ปลา กุ้ง ปูและสาหร่ายทะเล สาหร่ายคอมบุ ล้วนสามารถสร้างกำไรได้ เช่นเดียวกับฟาร์มปลาต้าฉิน ฉินสือโอวก็กำลังเริ่มปลูกสาหร่ายทะเลแอตแลนติก บางครั้งสิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีของฤดูการเก็บเกี่ยวและระดับผลกำไรก็พอๆ กับการจับปลา
และถึงแม้ว่าฤดูเก็บเกี่ยวจะจบไป แต่พืชทะเลเหล่านี้กลับขยับขยายเติบโตและพัฒนาไม่ว่าจะปลูกที่ไหนก็ตาม
เกิงจุนเจี๋ยค่อนข้างไม่คุ้นชินกับงานเหล่านี้ ชาร์คจัดการให้บูลและชาวประมงอาวุโสคนอื่นๆ พาพวกเขาไปทำงาน ซึ่งชาวประมงหนึ่งคนต่อเด็กฝึกงานหนึ่งคน
ฉินสือโอวเฝ้าดูพวกเขาทำงาน อันที่จริงงานประเภทนี้ค่อนข้างง่าย ไม่จำเป็นต้องหาที่ปลูกของสาหร่ายสีน้ำตาล เพียงแค่วางโครงเลื้อยในน่านน้ำทะเลก็พอแล้ว
โครงเลื้อยชนิดเดียวกันนั้นไม่ได้ซับซ้อน โดยทั่วไปจะเชื่อมต่อกันด้วยเชือกยาวห้าเมตรสองเส้น หรือใช้เชือกในการเพาะพันธุ์ที่ยาวสิบเมตร โดยการมัดยึดติดกับเชือกเพาะพันธุ์สองเส้นที่อยู่ติดกัน
เชือกเพาะพันธุ์ต้องมีระยะห่างกันประมาณสองเมตรและมีการผูกลูกบอลพลาสติกเว้นระยะห่างกันห้าหรือหกเมตรบนเชือกเพาะพันธุ์เพื่อให้ลอยตัว และนี่จะเป็นโครงสำหรับเลื้อยขึ้นของสาหร่าย ต่อมาหลังจากใบสาหร่ายสีน้ำตาลและเถาวัลย์ลอยขึ้นแล้ว เมื่อสัมผัสกับโครงเชือกเหล่านี้ พวกมันจะเลื้อยขึ้นไปเองและเติบโตไปพร้อมๆ กัน
ขณะที่ชาวประมงกำลังยุ่งอยู่กับการทำงาน ฉินสือโอวก็ปลดปล่อยจิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกไป โดยจะมองหาแพเพาะพันธุ์ดำน้ำในทะเลที่มีสาหร่ายสีน้ำตาลปลูกอยู่บนนั้นและเขาจะป้อนพลังงานโพไซดอนเข้าไป
สำหรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยแล้ว อ่าวทะเลจะไม่เหมาะสมที่สุด สาหร่ายสีน้ำตาลจะแตกต่างจากสาหร่ายทะเลทั่วไป พวกมันมักจะเติบโตบนหินใต้ท้องทะเลลึก โดยเฉพาะบริเวณใต้เขตบาดาล
ในอ่าวทะเลจะไม่มีคลื่นใต้น้ำและมีคลื่นน้อยมาก ต่อให้น่านน้ำทะเลชนิดนี้มีคลื่น ก็จะไม่มีความรุนแรงอะไร แต่ก็ไม่สำคัญ การที่ฉินสือโอวเพาะเลี้ยงสาหร่ายสีน้ำตาล สิ่งที่ต้องอาศัยคือพลังงานโพไซดอน ขอเพียงแค่มีแสงแดด สารอาหาร และการปรับปรุงจากพลังโพไซดอน สาหร่ายสีน้ำตาลเหล่านี้ก็จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็วและดีขึ้นกว่าเดิม
จิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกลาดตระเวนอย่างรวดเร็ว และถ่ายทอดพลังโพไซดอนลงในสาหร่ายสีน้ำตาล หลังจากดูดซับพลังโพไซดอนแล้ว การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใต้น้ำทะเลก็เกิดขึ้น คือสาหร่ายสีน้ำตาลเริ่มเจริญเติบโตทันที! ซึ่งเป็นการเจริญเติบโตด้วยความรวดเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
สาหร่ายสีน้ำตาลเป็นตะไคร่น้ำสีน้ำตาล ซึ่งพวกมันเป็นสายพันธุ์หนึ่งที่ยาวที่สุดในประเภทของสาหร่าย สาหร่ายสีน้ำตาลส่วนใหญ่สามารถเจริญเติบโตได้หลายสิบเมตรและความยาวมากที่สุด จะมากถึง 200 ถึง 300 เมตร น้ำหนัก 200 กิโลกรัม และสามารถยึดตัวกับสาหร่ายบนโขดหินโสโครกได้ยาวมากกว่า 1 เมตร
สิ่งที่ฉินสือโอวซื้อในครั้งนี้คือสาหร่ายทะเลชนิดนี้ สาหร่ายสีน้ำตาลทะเลลึกบอสตันมีขีดจำกัดในการเติบโต ประมาณ 300 เมตร โดยทั่วไปชาวอเมริกันจะใช้มันเพื่อพัฒนาพลังงานใหม่ พลังงานชีวภาพเป็นหัวข้อที่ร้อนแรงที่สุดในศตวรรษที่ 21 และในสาหร่ายสีน้ำตาลก็มีพลังงานทางชีวภาพที่แฝงไว้ในปริมาณที่เพียงพอ
ภายใต้เงื่อนไขที่เหมาะสม สาหร่ายสีน้ำตาลทั่วไปสามารถเติบโตได้ถึง 30 ถึง 60 เซนติเมตรต่อวันและสาหร่ายสีน้ำตาลทะเลลึกบอสตันก็สามารถเติบโตได้ตั้งแต่หนึ่งเมตรครึ่งถึงสองเมตร ซึ่งสาหร่ายทะเลชนิดนี้ใช้เวลาเพียงครึ่งปีในการเจริญเติบโตจนถึงขีดจำกัด จากนั้นก็สามารถทำการผลิตได้
จนกระทั่ง ถ้าเอาสาหร่ายสีน้ำตาลทะเลลึกบอสตันปลูกในสภาพแวดล้อมอย่างอ่าวเม็กซิโก ที่มีทั้งกระแสน้ำอุ่น แสงแดดที่อุดมสมบูรณ์และสารอาหารที่เพียงพอ พวกมันก็จะสามารถเติบโตได้ตลอดทั้งปี ชาวประมงที่อาศัยอยู่ริมทะเลก็สามารถเก็บเกี่ยวสาหร่ายสีน้ำตาลได้สามถึงสี่ครั้งต่อปี
ฉินสือโอวได้จินตนาการไปถึงกำลังการผลิตของสาหร่ายสีน้ำตาลทะเลน้ำลึกบอสตัน เขาต้องการเพิ่มการประมงรอบๆ นิวฟันด์แลนด์ในช่วงเวลาอันสั้น ซึ่งวิธีการแบบดั้งเดิมนั้นไร้ประโยชน์ เขาจึงต้องใช้พลังโพไซดอน
นอกจากนี้อายุขัยของสาหร่ายทะเลน้ำลึกบอสตันโดยทั่วไปจะอยู่ระหว่าง 4 ถึง 8 ปี การเก็บเกี่ยวสาหร่ายสีน้ำตาลก็เหมือนกับการตัดต้นกุ้ยช่าย ขอแค่อายุขัยของพวกมันยังไม่สิ้นสุด ก็จะสามารถเก็บเกี่ยวใบและเถาวัลย์ได้อย่างต่อเนื่อง
ฉินสือโอวเคยคำนวณว่า ถ้ามีการปลูกสาหร่ายสีน้ำตาลได้ 1,000 ถึงพื้นผิวทะเลหนึ่งเฮกตาร์ จะสามารถเก็บเกี่ยวสาหร่ายสีน้ำตาลสดได้ 1,200 ถึง 2,000 ตันทุกปี
เพื่อความมั่นใจในความต้องการสารอาหาร เขาจึงลงสาหร่ายสีน้ำตาลเพียง 500 ต้นต่อเฮกตาร์และพลังโพไซดอนก็มีผลต่อการเปลี่ยนแปลงของสาหร่ายสีน้ำตาลเป็นอย่างมาก ที่ฟาร์มปลาต้าฉินก็เคยมีประสบการณ์มาแล้ว เนื่องจากการเติบโตที่รวดเร็วของพวกมัน จึงต้องใช้ความต้องการพลังงานเป็นอย่างมากและการปลูกที่มากเกินไปจนหนาแน่น ก็จะเป็นเพียงผลประโยชน์เฉพาะหน้า ไม่ใช่แผนระยะยาว
ซึ่งเพียงเท่านี้ก็เพียงพอแล้ว หนึ่งตารางกิโลเมตรคือหนึ่งร้อยเฮกตาร์ หนึ่งในห้าของฟาร์มปลาจะปลูกสาหร่ายสีน้ำตาล พูดอีกอย่างก็คือ จากการคำนวณการเก็บเกี่ยวขั้นต่ำ 600 ตันต่อเฮกตาร์ สามารถเก็บเกี่ยวสาหร่ายสีน้ำตาลได้ถึงหกล้านตันต่อปี!
ปริมาณนี้น่ากลัวมาก สมมติว่าอัตราการเปลี่ยนอาหารเป็น 20% สาหร่ายสีน้ำตาลสดก็จะไม่สามารถใช้ทำเป็นอาหารปลาได้ ดังนั้นจึงต้องตากให้แห้งถึงจะใช้ได้ นอกจากนี้สาหร่ายสีน้ำตาลยังไม่สามารถใช้ทุกส่วนในการทำอาหารปลาได้ แม้ว่าอัตราการแปรรูปอาหารจะอยู่ที่ 20% ก็ตาม ซึ่งถ้าจะอาศัยแค่สิ่งนี้ ฟาร์มปลาของเขาก็จะสามารถผลิตอาหารปลาได้หนึ่งล้านตันต่อปี!
นอกเหนือจากสาหร่ายทะเลชนิดอื่นๆ แล้ว ถ้าลองคิดเล่นๆ ไปมา ก็ยังไม่สามารถสนองความต้องการของฟาร์มปลาทั่วทั้งแคนาดาได้ แต่ก็เพียงพอที่จะฟื้นฟูฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์
หลังจากพลังโพไซดอนเข้าสู่สาหร่ายสีน้ำตาลแล้ว มันก็เริ่มแสดงผลออกมาอย่างรวดเร็ว ต้นกล้างอกยาวขึ้นมาสองถึงสามเซนติเมตรและลำต้นหลักก็งอกออกมาสีเป็นสีเขียวอ่อน มีความหนาประมาณเท่านิ้วก้อยและข้างบนมีจุดเล็กๆ ที่มีความหนาเกิดขึ้น
จุดเล็กๆ เหล่านี้คือเถาวัลย์ของสาหร่ายสีน้ำตาล สาหร่ายสีน้ำตาลสามารถเติบโตได้มากกว่า 100 ก้าน เถาวัลย์และใบไม้เล็กๆ จะงอกบนก้าน เชื่อว่าจะใช้เวลาไม่นาน เพราะทะเลบริเวณนี้จะถูกสาหร่ายทะเลปรับระดับพื้นดิน
โครงการในระยะแรกคือการปลูกสาหร่ายสีน้ำตาล หลังจากสาหร่ายสีน้ำตาลทำให้น้ำทะเลบริสุทธิ์และสะสมสารอาหารที่ก้นทะเลแล้ว สาหร่ายทะเลชนิดอื่นๆ ก็จะตามมาทันที
การปลูกสาหร่ายสีน้ำตาลไม่สามารถทำได้ในวันเดียวหรือสองวัน การปลูกสาหร่ายทะเลมากกว่า 100 ตารางกิโลเมตรต้องใช้ชาวประมงมากกว่า 20 คนในการทำงานและอย่างน้อยต้องใช้เวลาถึงหนึ่งสัปดาห์
ฉินสือโอวปล่อยชาวประมงไว้ และก็ไปแฮลิแฟกซ์ เพื่อเตรียมตัวเข้ารับช่วงต่อฟาร์มปลาต่อไป ซึ่งนั่นก็คือการประมูลฟาร์มปลาคาร์เตอร์ที่จะเริ่มในไม่ช้านี้
แม้ว่าจะมีฟาร์มปลาโกลเด้นเบย์แล้ว แต่เขาก็ยังมีความต้องการฟาร์มปลาคาร์เตอร์เป็นอย่างมาก เพราะนี่เป็นสถานที่ที่ดีมาก ตั้งอยู่ในบริเวณชายทะเลเคจิมกูจิก ทิวทัศน์ที่นี่ก็พอๆ กับเกาะแฟร์เวล หลังจากซื้อที่นี่ นอกจากจะเลี้ยงปลาแล้วก็ยังสามารถเป็นที่พักผ่อนในวันหยุดได้อีกด้วย
เคจิมกูจิกเป็นภาษาอินเดียท้องถิ่น ซึ่งมีความหมายว่า ‘สถานที่ที่เทพเจ้าเฝ้าดู’ หากต้องอธิบายชื่อนี้จะต้องเกี่ยวข้องกับตำนานของอินเดีย ชาวอินเดียแดงเชื่อในเรื่องผีและเทพเจ้า พวกเขาเชื่อว่าสถานที่ที่มีผีและเทพเจ้าสถิตอยู่นั้นคือบนดวงดาวในท้องฟ้า เมื่อถึงช่วงเวลากลางคืน ผีและเทพเจ้าจะออกลาดตระเวนอาณาเขตของตนเองบนท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว
ดังนั้น อีกความหมายหนึ่งของชื่อนี้ก็คือภายใต้แสงดาว ท้องฟ้าในยามค่ำคืนของที่นี่จะสว่างเป็นพิเศษและยังสามารถมองเห็นดวงดาวได้ชัดเจนที่สุด โดยทั่วไปผีและเทพเจ้าบนดวงดาวยังสามารถมองเห็นอาณาเขตจากที่นี่ได้ชัดเจนที่สุดเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงมีชื่อว่า ‘สถานที่ที่พระเจ้าเฝ้ามอง’
ชื่อนี้คนอินเดียไม่ได้ตั้งเกินจริงเลยสักนิด เคจิมกูจิกเป็นเขตอนุรักษ์ธรรมชาติที่เป็น 1 ใน 2 แห่งอุทยานแห่งชาติที่ดีที่สุด ในโนวาสโกเชียและยังเป็นสมาชิกของสมาคมดาราศาสตร์หลวงแห่งแคนาดาอีกด้วย
……………………………..