จ่าสิบตำรวจเคดี้กับพรรคพวกต่างก็มองหน้ากันไปมาแต่ไม่ได้พูดอะไร พวกเขารู้ว่าเรื่องจริงเป็นอย่างไร แต่ถ้าไม่มีหลักฐานก็ไม่มีประโยชน์อะไร
ตำรวจแคนาดาเป็นองค์กรที่ฉินสือโอวไม่สามารถเข้าใจได้เลยจริงๆ ถ้าจะบอกว่าพวกเขามีสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่ แต่อัตราการสะสางคดีก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำมาก เมื่อก่อนก็มีการรายงานข่าวว่าที่รัฐบริติชโคลัมเบียมีผู้อพยพชาวรัสเซียถูกฆาตกรรม จนเวลาผ่านมาห้าปีแล้วยังไขคดีไม่ได้ แต่กลับเป็นภรรยาของผู้อพยพคนนั้นเสียอีกที่ใช้เวลาห้าปีนั้นไล่จับฆาตกรได้สำเร็จเมื่อไม่นานมานี้
แต่ถ้าจะบอกว่าพวกเขาไม่มีสำนึกรับผิดชอบต่อหน้าที่แบบนั้นก็ไม่ถูกเหมือนกัน องค์กรตำรวจของแคนาดาเป็นหน่วยงานที่มีความโปร่งใสติดอันดับต้นๆ ของโลก ขอแค่มีอำนาจทางกฎหมาย พวกเขาจะไม่เกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งนั้น ไม่ว่านายกรัฐมนตรีหรือผู้ว่าการรัฐ พวกเขาก็กล้าที่จะดำเนินการตรวจสอบให้ถึงที่สุด
หรืออาจกล่าวได้ว่าจรรยาบรรณในการทำงานของพวกเขาเป็นเช่นนี้ บางคดีที่พวกเขาไม่สามารถสะสางให้สำเร็จได้ถึงจะเป็นแค่คดีง่ายๆ ไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากไขคดี แต่เป็นเพราะไม่มีความสามารถที่จะทำมันให้สำเร็จต่างหาก คนแคนาดาก็ขึ้นชื่อในเรื่องการคิดวิเคราะห์อย่างเรียบง่ายเช่นกัน ที่พวกเขากล้าที่จะสอบสวนบางคดีจนถึงที่สุด นั่นก็เป็นเพราะพวกเขามีจิตสำนึกในหน้าที่ที่เด็ดเดี่ยว ทั้งยังมีพละกำลังในการปฏิบัติหน้าที่ที่แข็งแกร่ง
พูดง่ายๆ คือ ถ้าไม่มีอุปสรรคจากกำลังสมอง พวกเขาก็สามารถสะสางคดีได้เหมือนกัน
แต่ว่าตอนนี้ฉินสือโอวกำลังเจอกับปัญหาหนัก ตำรวจหัวรั้นพวกนี้เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่าพวกเขาเลี้ยงสัตว์ผิดกฎหมายเอาไว้ ไม่ว่ายังไงก็จะจับพวกมันไปให้ได้
ฉินสือโอวทนไม่ไหวแล้ว เขาจึงพูดออกไปว่า “ถ้าคุณจะจับคุณขึ้นไปจับบนภูเขาเลยครับ อย่ามามัวเสียเวลาอยู่ในที่ของผม ไม่อย่างนั้นผมคงต้องแจ้งตำ…” เขาหันไปมองโรเบิร์ตที่ไม่รู้ว่าใจลอยไปถึงไหนแล้ว เลยต้องเปลี่ยนคำพูดใหม่เป็น “ไม่อย่างนั้นผมคงต้องฟ้องพวกคุณ!”
ขณะที่ทั้งสองฝ่ายเข้ามาถึงจุดที่เป็นเหมือนทางตัน เสียงโทรศัพท์ของจ่าสิบตำรวจเคดี้ก็ดังขึ้น เขากดรับแล้วถามคนปลายสายว่า “ท่านประธานแฮมเล็ต สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าท่านมีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ?”
เมื่อได้ยินชื่อที่เขาเรียก ฉินสือโอวก็เริ่มใจกระตุกขึ้นมาทันที เขารู้ว่าสายที่โทรเข้ามาคือสายของแฮมเล็ต หน้าที่ของแฮมเล็ตคือการเป็นนายกเทศมนตรีเมือง แต่ขณะเดียวกันเขาก็ดำรงตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการบริหารหน่วยงานตำรวจระดับเทศบาลเมืองด้วย พวกตำรวจม้าจึงต้องเรียกเขาว่าท่านประธานในขณะที่กำลังออกปฏิบัติหน้าที่
ไม่รู้ว่าแฮมเล็ตพูดอะไรกับเขา จ่าสิบตำรวจเคดี้ตอบรับเขากลับไปไม่กี่ประโยค หลังจากวางสาย เขาก็ไหวไหล่แล้วพูดว่า “เอาล่ะ คุณฉินครับ ท่านประธานแฮมเล็ตช่วยรับประกันว่าหมีในฟาร์มปลาของพวกคุณไม่ใช่สัตว์ที่ถูกเลี้ยงไว้ แต่เป็นหมีป่าที่ลงมาจากภูเขา ถ้าอย่างนั้นผมหวังว่าหลังจากนี้คุณจะระมัดระวังและดูแลรักษาตัวเองให้ดีนะครับ”
ฉินสือโอวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม ในใจของเขารู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนัก ก่อนหน้านี้เขาต่อว่าแฮมเล็ตทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด และที่จริงแล้วแฮมเล็ตก็คิดจะหาวิธีช่วยเขาแก้ปัญหาเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
พวกตำรวจม้าก็ตรงไปตรงมาเช่นกัน เมื่อได้รับคำอธิบายเช่นนี้พวกเขาก็พากันเตรียมตัวกลับ จ่าสิบตำรวจเคดี้ยืนมือออกมาพร้อมกับพูดว่า “ไว้เจอกันนะครับ คุณฉิน นายกเทศมนตรีวินนี่ ขอโทษด้วยที่งานของเราสร้างความวุ่นวายให้กับพวกคุณ แต่พูดกันตามจริง ผมเข้าใจได้นะว่าหมีสีน้ำตาลเป็นหมีที่ลงมาจากภูเขา แต่หมีขั้วโลกล่ะ?”
รอยยิ้มบนหน้าของฉินสือโอวนิ่งค้างไปในทันที จ่าสิบตำรวจเคดี้จึงหัวเราะออกมา “ผมล้อเล่นน่ะ ก็แค่ถามไปอย่างนั้นเอง หวังว่าพวกคุณจะเข้าใจนะว่านี่คืองานของเรา”
วินนี่จับมือกับเขาแล้วพูดว่า “ฉันเข้าใจคุณค่ะ พวกเรามีภาระหน้าที่เหมือนกัน ขอให้พวกคุณโชคดีนะคะ ไว้เจอกันอีกครั้งค่ะ”
พวกตำรวจม้าขับรถออกไปแล้ว โรเบิร์ตก็จากไปพร้อมกับความหงอยเหงาเศร้าซึม ไม่กล้าแม้แต่จะเข้ามาบอกลาพวกเขาด้วยซ้ำ
ฉินสือโอวจึงพูดอย่างไม่พอใจว่า “ที่รัก ตอนนี้คุณก็เป็นถึงนายกเทศมนตรีของเมืองนี้แล้ว คุณสามารถปลดสารวัตรของเมืองนี้ออกจากตำแหน่งเลยได้ไหม? คนอย่างโรเบิร์ตนี่ช่างเป็นพวกกินเงินเดือนกับอาศัยตำแหน่งอย่างเปล่าประโยชน์จริงๆ!”
สถานีตำรวจเป็นหน่วยงานสังกัดย่อยของเทศบาล เนื่องด้วยลักษณะแบบหน่วยงานอิสระ ทำให้ต้องพึ่งพาเงินที่เทศบาลจัดสรรไว้เพียงอย่างเดียว ดังนั้นนายกเทศมนตรีจึงมีอำนาจในการแต่งตั้งไปจนถึงการปลดตำรวจให้พ้นตำแหน่ง
วินนี่พูดอย่างจนปัญญาว่า “มันไม่ได้ง่ายอย่างนั้นนะคะ สารวัตรโรเบิร์ตมาจากการเลือกตั้งของชาวเมือง ถึงเขาจะไม่ได้มีความสามารถที่โดดเด่นเป็นพิเศษ แต่เขาก็แก้ปัญหาเรื่องข้อพิพาทในละแวกใกล้เคียงได้เป็นอย่างดี แล้วชาวเมืองก็พอใจกับการทำงานของเขามาก ฉันขัดข้อคิดเห็นของประชาชนไม่ได้หรอกนะคะ”
ฉินสือโอวก็แค่บ่นไปอย่างนั้นเอง ถึงโรเบิร์ตจะขี้ขลาด แต่เขาก็ไม่ใช่คนไม่ดี ไม่ได้คิดร้ายกับใคร คนแบบนี้เหมาะที่จะเป็นหัวหน้างานจราจรตามถนนในประเทศจีนมากกว่า ไม่เหมาะกับตำแหน่งสารวัตรเลยแม้แต่นิดเดียว
เมื่อส่งตำรวจม้าที่มาก่อความวุ่นวายกลับไปแล้ว วินนี่ก็ไปที่ท่าเรือเพื่อพาฉงต้ากับฉงเอ้อกลับมา พวกมันทั้งสองตัวหลบอยู่บนเรือปริ้นเซสเมล่อน หลังจากลงมาจากเรือแล้วพวกมันก็โผเข้าหาเธอด้วยความดีใจ พร้อมกับออดอ้อนขออ้อมกอดทั้งยังขอให้เล่นกับพวกมันไม่หยุด ส่วนทางฝั่งมาสเตอร์ รายนั้นถูกพาไปไว้ในทะเลจริงๆ ตอนนี้มันก็กำลังว่ายน้ำเล่นอยู่ในนั้นอย่างมีความสุข
พ่อของฉินสือโอวตะโกนเรียกให้พวกเขากลับไปทานอาหาร ตอนนี้ท้องฟ้ากลายเป็นสีดำแล้ว พวกตำรวจม้าทุ่มเทให้กับงานอย่างเต็มกำลังจนฟ้าเปลี่ยนสี เมื่อเห็นแบบนี้แล้วฉินสือโอวก็คิดว่าไม่ควรไปต่อกรกับพวกเขาอีก
พอถึงเวลานั่งโต๊ะอาหาร ฉินสือโอวที่ได้กลิ่นหอมแปลกๆ ก็สอดสายตามอง แล้วถามออกมาด้วยความประหลาดใจ “โห นี่ยอดมะฮอกกานีจีนผัดไข่เหรอครับ? พ่อ พ่อไปหามาจากไหน?”
พ่อฉินหัวเราะเหอะๆ แล้วพูดว่า “ซูเปอร์มาร์เก็ตในเมืองมีขายน่ะ วันนี้พ่อไปซื้อของที่ซูเปอร์มาร์เก็ตกับแม่แก เห็นตรงโซนผักมีของแบบนี้อยู่ แถมยังไม่มีให้เห็นบ่อยๆ อีกต่างหาก ที่แคนาดาก็มีของแบบนี้เหรอ?”
ยอดมะฮอกกานีจีนสีเขียวแก่เหลือบม่วงถูกผัดเข้ากับน้ำมันจนเป็นประกายมันวาว ไข่ไก่หวานละมุนก็ถูกผัดจนเป็นสีเหลืองทอง ช่วยสร้างความอยากอาหารได้ดีมาก
ฉินสือโอวคิดว่ามะฮอกกานีจีนพวกนี้น่าจะเป็นผักที่คนจีนปลูกไว้ในโรงเรือน ในฤดูนี้ถ้าปลูกไว้นอกโรงเรือนมันคงจะไม่ผลิยอดอ่อนแน่ๆ ด้วยจำนวนประชากรชาวจีนที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในหลายปีที่ผ่านมา ผักสดจำนวนมากจึงถูกจากจีนส่งมายังแคนาดา เมื่อก่อนของบางอย่าง อย่างเช่นเต้าหู้ ถั่วงอก แล้วก็มะฮอกกานีจีนพวกนี้แทบจะไม่มีให้เห็นในแคนาดาเลยด้วยซ้ำ
เขาเร่งรีบเดินทางจนไม่ได้ทานอาหารกลางวัน ตอนนี้ท้องเลยเริ่มหิวแล้ว เมื่อเห็นว่ามีมะฮอกกานีจีนผัดไข่ให้ทาน เขาจึงรีบใช้ตะเกียบคีบมันเข้าปากทันที
ฉงต้าเดินโขยกเขยกตามมาทางด้านหลัง มันก็ได้กลิ่นหอมของมะฮอกกานีจีนผัดไข่เช่นกัน ตาดวงเล็กเป็นประกายแวววับ มันวิ่งส่ายก้นเข้ามาหา พอมาถึงก็ลุกยืนขึ้นแล้วชะเง้อคอมองขึ้นไปบนโต๊ะอาหาร
พ่อฉินตีฉินสือโอวไปหนึ่งที ทั้งยังพูดกับเขาอย่างไม่พอใจ “เป็นพ่อคนแล้วนะ ทำไมยังทำตัวไม่รู้ความแบบนี้? ยังไม่มีใครมานั่งโต๊ะเลย แกจะกินก่อนคนอื่นได้ยังไง?”
พอพูดจบ เขาก็หยิบชามใบเล็กมาใส่อาหาร แล้วส่งชามอาหารใบนั้นให้กับฉงต้าด้วยสีหน้าท่าทางแบบคุณปู่ใจดี พ่อฉินลูบขนเส้นละเอียดขึ้นเงาสวยบนหัวของฉงต้าพร้อมพูดกับมันว่า “น่าสงสารจริงๆ วันนี้ฉงต้าคงจะตกใจแย่เลย เอาเถอะ รีบกินซะสิ ขวัญเอยขวัญมานะ”
ฉินสือโอวที่อยู่ข้างๆ ก็ถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง เขาร้องขึ้นมาว่า “พ่อ ใครเป็นคนเสียขวัญกันแน่? เห็นๆ กันอยู่ไม่ใช่เหรอว่าผมต่างหากที่กลัวจนใจเสีย”
ฉงต้าใช้ปากคาบชามใบเล็ก เดินโขยกเขยกไปหาหมีโลลิแล้วเอาไข่ผัดที่อยู่ในชามให้มันกิน
หมีขั้วโลกมีลักษณะนิสัยในการกินอาหารที่หลากหลาย ตอนนี้หมีโลลิก็กินอาหารได้ทุกอย่าง ดื่มนมได้ กินไข่กินเนื้อกินปลาก็ได้ ดังนั้นมันจึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ได้ผอมติดกระดูกเหมือนตอนที่ได้พบกันครั้งแรก ตอนนี้ตัวมันโตเท่ากับแกะที่โตเต็มวัยแล้ว
ทว่าตอนนี้เสี่ยวเถียนกวาเองก็โตขึ้นจนไล่ตามมันทันแล้วเช่นกัน หมีโลลิโตขึ้น เธอก็กำลังโตเหมือนกัน และเนื่องจากเธอเอาแต่ไล่ตามหู่จือเป้าจือหรือไม่ก็คอยแต่จะกลั่นแกล้งฉงต้ากับเด็กอ้วน นั่นจึงทำให้เสี่ยวเถียนกวาทั้งโตเร็วทั้งแข็งแรง
ยอดมะฮอกกานีจีนนุ่มๆ กับไข่ไก่หวานละมุนจากแม่ไก่ที่เลี้ยงไว้เอง วัตถุดิบทั้งสองอย่างส่งมอบรสชาติความอร่อยได้เป็นอย่างดี อาหารจานนี้จึงกลายมาเป็นเมนูสำคัญที่ทำให้เกิดการต่อสู้แย่งชิง เชอร์ลี่ย์กับไวส์และเด็กๆ ที่เหลือทั้งห้าคนต่างก็แย่งกันตักใส่จานข้าวของตัวเองเรื่อยๆ จนเกือบจะทำให้พวกเขาทะเลาะกันเอง
…………………………………