ไล่เรือขโมยปลาไปแล้ว ฉินสือโอวกอดปืนกลเบาเบรนพร้อมกับปรบมือให้ตัวเองสองที เขามองดูท่าทางองอาจของตัวเองในรูปแล้วพูดอย่างเสียดายว่า “เบิร์ด นายรู้ไหมว่าฉันเคยคิดอยากจะเป็นทหารรับจ้างมาก่อนด้วยนะ เฮ้อ น่าเสียดายจริงๆ ฉันว่าฉันก็เหมาะกับชีวิตที่ต้องเผชิญกับการทำสงครามและการต่อสู้อยู่เหมือนกัน”
มุมปากของเบิร์ดที่กำลังขับเฮลิคอปเตอร์อยู่ก็เกิดอาการกระตุกขึ้นมาสองที เขาพูดว่า “บอส ผมต้องขอบอกว่าคุณโชคดีมากๆ แล้วล่ะ ถ้าคุณไปเป็นทหารรับจ้างจริงๆ ก็คง…”
เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงแต่แบะปากพร้อมกับส่ายหัวไปมาเท่านั้น
ฉินสือโอวจึงพูดอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “นายก็ไม่เคยเป็นมาก่อนเหมือนกัน แล้วนายจะรู้ได้ยังไง? ถ้าแบล็คไนฟ์เป็นคนพูด ฉันคงจะเชื่ออยู่หรอก แต่สำหรับนายน่ะเหรอ?”
เขาเองก็แบะปากส่ายหัวบ้างแล้ว
เบิร์ดหัวเราะออกมาด้วยท่าทางที่เหมือนกับจะบอกว่าเขาช่างไร้เดียงสา “ใครบอกว่าผมไม่เคยทำงานแบบนั้นกันล่ะ? ผมไปทำได้แค่ครั้งเดียวก็รู้แล้วว่านี่ไม่ใช่งานที่คนปกติจะทำกัน ผมยอมกลับไปเป็นตำรวจตระเวนชายฝั่งดีกว่าจะไปหาเงินด้วยวิธีแบบนั้น”
ทั้งสองคนคุยกันมาตลอดทาง เฮลิคอปเตอร์บินกลับมายังบนฝั่งของฟาร์มปลา แต่ยิ่งบินก็ยิ่งบังคับเฮลิคอปเตอร์ได้ยากขึ้นเรื่อยๆ นกจมูกหลอดหางสั้นเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นแล้ว แถมยังมีนกนางนวลบางส่วนบินปนเข้ามาในฝูงอีกด้วย ไม่รู้ว่าทำไมนกนางนวลพวกนี้ถึงได้เข้ามาอยู่ในฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นเสียได้
เพื่อป้องกันไม่ให้ขับไปชนเข้ากับนกจมูกหลอดหางสั้น เบิร์ดจึงต้องบังคับเฮลิคอปเตอร์ให้บินสูงขึ้น เมื่อมองดูฝูงนกจมูกหลอดหางสั้นจากมุมสูงแบบนี้ก็ยิ่งดูน่าตกใจ
ศัตรูล้อมโจมตีดั่งเมฆดำ ชุดเกราะส่องสะท้อนแสงทองดั่งเกล็ดมังกร!
ข่าวรายงานว่านกจมูกหลอดหางสั้นอพยพมาถึงนครเซนต์จอห์นและเกาะแฟร์เวลแล้ว ด้วยเหตุนี้จำนวนของนักท่องเที่ยวจึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วภายในเวลาอันสั้น และส่วนใหญ่ยังพกปืนติดตัวมาด้วย พวกเขาตั้งใจจะไปล่านกนั่นเอง
นกจมูกหลอดหางสั้นกระจายตัวกันอยู่ในขอบเขตขนาดใหญ่ ปรากฏร่องรอยของพวกมันทั้งในเขตมหาสมุทรแอตแลนติกและมหาสมุทรแปซิฟิก พวกมันมีจำนวนประชากรนกเกินกว่ายี่สิบล้านตัว ไม่ได้ใกล้เคียงกับมาตรฐานสัตว์ใกล้สูญพันธุ์เลยด้วยซ้ำ ทั้งยังมีแนวโน้มของจำนวนประชากรที่ค่อนข้างคงตัว และเนื่องจากถูกประเมินว่าเป็นสัตว์ที่ไม่ได้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ พวกมันจึงกลายเป็นสัตว์ที่ได้รับการอนุญาตให้จับได้
แต่วินนี่ก็คิดว่าควรจะคุ้มครองสัตว์ป่าเหล่านี้เอาไว้ ดังนั้นในฐานะที่เป็นนายกเทศมนตรีเธอจึงออกคำสั่งชั่วคราวว่าไม่อนุญาตให้ล่านกจมูกหลอดหางสั้นโดยการใช้ตาข่ายดักนก อนุญาตให้ใช้ได้แค่ปืนเท่านั้น
บรรยากาศการล่านกของเมืองนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว พอล ซาโกรกับโหวจื่อเซวียนจึงใช้โอกาสนี้จัดกิจกรรมล่านก โดยพวกเขาได้ให้บริการเช่าปืนพร้อมกับสอนวิธีล่านกจมูกหลอดหางสั้นให้กับบรรดานักท่องเที่ยว ซึ่งนั่นถือเป็นการยกระดับธุรกิจร้านเช่าปืนขึ้นมาอีกหนึ่งขั้น
ที่ฟาร์มปลามีนกจมูกหลอดหางสั้นอยู่เยอะที่สุด นกพวกนี้ไวต่อสัมผัสยิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก เคยกินไปแค่ไม่กี่ครั้งพวกมันก็รู้แล้วว่าปลาที่ไหนอร่อยและมีสารอาหารอุดมสมบูรณ์มากกว่ากัน ดังนั้นนกจมูกหลอดหางสั้นฝูงใหญ่จึงเริ่มลงมือสร้างรังบนชายหาดตั้งแต่ค่ำวันแรกที่มาถึง
ด้วยเหตุนี้บนชายหาดของฟาร์มปลาต้าฉินจึงเนืองแน่นไปด้วยรังนก จนถึงขั้นที่ว่าไม่มีที่ให้เดินกันเลยทีเดียว
ฝูงแมวน้ำก็พากันดีใจยกใหญ่ นอกจากกินปลา พวกมันยังสามารถล่านกมาเป็นอาหารได้อีกด้วย ถึงแม้ว่าที่ฟาร์มปลาจะมีทรัพยากรสัตว์ทะเลอยู่เป็นปริมาณมาก แต่ถ้าจะจับปลาจับกุ้งก็ต้องดำน้ำลงไป จับนกจมูกหลอดหางสั้นง่ายกว่านั้นมาก เพราะตอนนี้ฝูงนกก็มาทำรังถึงหน้าประตูบ้านของพวกมันแล้ว
บรรดาแมวน้ำกรีนแลนด์เข้าไปทักทายกับเพื่อนบ้านที่เพิ่งย้ายมาใหม่อย่างมีความสุข ใช้ครีบหน้าตะปบลงไปทีเดียวแล้วหม่ำเข้าไปอย่างเอร็ดอร่อย
พวกหู่เป้าฉงหลัวกับลูกแมวป่าก็เข้าร่วมการล่านกจมูกหลอดหางสั้นเช่นกัน หมีสีน้ำตาล หมาป่าและแมวป่าเป็นสัตว์ที่กินนกเป็นอาหาร โดยเฉพาะลูกแมวป่าที่ชอบกินนกเป็นพิเศษ
ตกเย็นพวกมันก็พากันกลับไปพร้อมกับพุงกลมๆ ดูแล้วน่าจะอิ่มมาก อีกทั้งบนร่างกายก็มีขี้นกติดอยู่จนสกปรกเลอะเทอะไปทั่วทั้งตัว
เหล่าสัตว์เลี้ยงทั้งวิ่งทั้งดันกันมาถึงประตู หลังจากนั้นพวกมันก็หันมามองหน้ากันแล้วนั่งลงตรงหน้าประตูโดยอัตโนมัติ เพราะไม่กล้าวิ่งเข้าไปข้างใน หลังเลิกงานวินนี่ดูอ่อนล้ามากๆ แต่เมื่อเห็นเหล่าสัตว์เลี้ยงกลับมาพร้อมเนื้อตัวมอมแมม เธอก็รู้ว่ามีเรื่องให้ต้องเหนื่อยอีกแล้ว
วินนี่บอกให้ฉินสือโอวไปเอาอ่างอาบน้ำของเถียนกวาออกมา เธอเติมน้ำอุ่นลงไปในอ่างแล้วอาบน้ำให้กับบรรดาสัตว์เลี้ยง เถียนกวากำลังนั่งเล่นของเล่นอยู่บนพื้นพอเห็นว่าหู่จือกับเป้าจือลงไปในอ่างอาบน้ำของตัวเอง หนูน้อยก็รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความคึกคักดีใจเพราะอยากจะลงไปอาบน้ำพร้อมกับพวกมันบ้าง
วินนี่รีบดึงเธอออกมา แล้วตะโกนเรียกฉินสือโอวด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยดีเท่าไรนักเพื่อให้เขาให้มาช่วยดูลูก เด็กน้อยไม่พอใจมากๆ เธอเอาแต่ยื่นแขนสั้นๆ ออกไปร้องจะลงไปอาบน้ำกับหู่จือเป้าจือไม่หยุด
ฉินสือโอวหมดปัญญาจะจัดการเรื่องนี้ เขาจึงพูดว่า “คุณพาพวกมันไปอาบน้ำที่บ่อแช่น้ำร้อนก็ได้นี่”
วินนี่ตอบกลับไปว่า “คุณล้อฉันเล่นแล้วล่ะ น้ำในบ่อน้ำร้อนแทบจะไม่มีการถ่ายเทเลย ถ้าพาไปอาบน้ำทั้งที่ตามตัวมีแต่ขี้นกแบบนี้ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าก็อย่าหวังว่าพวกเราจะได้ลงไปแช่อีกเลย”
สัตว์เลี้ยงตัวอื่นเธอยังยอมให้ได้ เถียนกวาอยากเล่นกับพวกมัน เลยไม่ได้ถือสาที่จะให้พวกมันใช้อ่างอาบน้ำของเธอ แต่พอถึงตอนที่หมีโลลิกำลังจะลงไปอาบ เธอก็เกิดอาการไม่พอใจขึ้นมา จึงเบะปากพูดเหมือนกำลังจะร้องไห้ว่า “ไม่ได้! ไม่ได้! ไม่ให้ใช้ หม่าม๊าคะ ไม่ให้ใช้นะ!”
วินนี่จึงหันมาพูดกับเขาด้วยความร้อนรน “ยังไม่รีบพาลูกไปอีก!”
หลังจากอาบน้ำให้บรรดาสัตว์เลี้ยงจนพอจะสะอาดแล้ว วินนี่ถึงเพิ่งจะมีเวลาพักผ่อน พ่อของฉินสือโอวชงชาให้เธอหนึ่งแก้ว หลังจากเอ่ยขอบคุณเขา วินนี่ก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมาส่งให้กับพ่อฉิน เธอแย้มยิ้มหวานพูดกับเขาว่า “พ่อคะ นี่เป็นของขวัญที่หนูอยากมอบให้พ่อกับแม่ค่ะ”
พ่อฉินยิ้มและหัวเราะพร้อมกับเปิดกล่องออก ข้างในมีเมล็ดพันธุ์สีน้ำตาลเข้มอยู่หนึ่งเม็ด เมื่อลองดมดูแล้วเขาก็ถามเธอด้วยความดีใจว่า “นี่คือเมล็ดพันธุ์ของต้นมะฮอกกานีจีนใช่ไหม?”
วินนี่พยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ หนูเห็นว่าพ่อกับแม่ชอบกินยอดอ่อนมะฮอกกานีจีนมากๆ แต่ที่นครเซนต์จอห์นไม่ได้ปลูกผักชนิดนี้ไว้เลย ซื้อเมล็ดพันธุ์มาให้พ่อกับแม่ปลูกน่าจะดีกว่า”
เนื่องจากปัญหาเรื่องภาษาในการสื่อสารทำให้หลังจากพ่อฉินกับแม่ฉินมาอยู่ที่นี่พวกเขาก็ไม่ได้มีเพื่อนที่ไหน ปกติแล้วก็ทำได้แค่จัดการงานบ้านกับดูทีวี แถมช่องทีวีภาษาจีนก็มีอยู่ไม่กี่ช่อง ซึ่งนั่นน่าเบื่อหน่ายมากๆ นอกจากนี้ งานอดิเรกเพียงอย่างเดียวของพวกเขาก็คือการเพาะปลูก ทั้งปลูกพืชสวนเกษตร ปลูกผัก ดูแลต้นองุ่น แต่นั่นไม่ใช่เพราะพวกเขาชอบ แท้จริงแล้วเป็นเพราะพวกเขาไม่มีอะไรให้ทำต่างหาก
ดังนั้นพอวินนี่เห็นว่าพวกเขาชอบทานยอดอ่อนมะฮอกกานีจีน เธอจึงซื้อเมล็ดพันธุ์มะฮอกกานีจีนแล้วให้คนนำมาส่งให้
แล้วก็เป็นอย่างที่เธอคิดไว้ หลังจากพ่อฉินบอกแม่ฉินว่าของในกล่องคือเมล็ดพันธุ์มะฮอกกานีจีน แม่ฉินก็ถึงกับยิ้มออกมา “กินข้าวเสร็จก็ไปเร่งให้ออกหน่อเลยแล้วกัน หลังอากาศอบอุ่นขึ้นก็จะแตกหน่อพอดี เอาไปลงดินเสร็จแล้วปีหน้าอาจจะได้กินมะฮอกกานีจีนที่ปลูกเองก็ได้”
ตลอดมื้ออาหารค่ำ พ่อฉินกับแม่ฉินต่างก็พูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น ว่าจะเร่งการแตกหน่อโดยวิธีไหนถึงจะได้ผลเร็วที่สุด
ฉินสือโอวได้เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกหัวเสียอยู่ไม่น้อย เขาหันไปเห็นเสี่ยวเถียนกวาที่สามารถจับช้อนทานไข่ตุ๋นเองได้แล้ว จึงพูดโพล่งออกไปว่า “พ่อครับแม่ครับ อีกสักสองสามเดือนรอให้เถียนกวาวิ่งได้คล่องแล้วพ่อกับแม่ก็กลับบ้านเลยนะ”
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อก่อนพ่อกับแม่ถึงไม่อยากมาแคนาดา เขาอยากให้พ่อแม่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขอยู่ที่นี่ ทว่าความสุขที่พวกเขาได้รับกลับมีเพียงความสุขทางด้านวัตถุเท่านั้น พ่อฉินกับแม่ฉินต้องพบกับความโดดเดี่ยวเกินไป เขากับวินนี่ต่างก็มีงานที่ต้องทำกันทั้งคู่ คนแก่อย่างพวกเขาต้องอยู่บ้านกันแค่สองคน อย่างดีที่สุดก็มีเด็กๆ อีกห้าคนคอยอยู่เป็นเพื่อน
แบบนี้กลับไปอยู่ที่บ้านเก่าคงจะดีกว่า ที่บ้านเก่าพ่อฉินกับแม่ฉินรู้จักคนเยอะมาก ได้แวะไปหาคนในหมู่บ้านหรือนอกหมู่บ้านก็ยิ่งมีความสุข
พ่อฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “เป็นอะไรไปล่ะ? ทำไมตอนนี้ถึงได้ไล่พ่อแม่กลับเสียแล้วล่ะ?”
ฉินสือโอวทานเนื้อย่างไปด้วยพูดไปด้วย “อืม ผมมีเมียเลยไม่ต้องการพ่อกับแม่แล้ว เพราะอย่างนั้นพ่อกับแม่พากันกลับบ้านเถอะครับ”
แม่ฉินเข้าใจสิ่งที่เขาจะสื่อ เธอพูดว่า “อยู่ที่นี่ก็ดีเหมือนกัน ถ้าพ่อกับแม่จะกลับก็ต้องรอให้เถียนกวาโตกว่านี้อีกหน่อย อย่างน้อยๆ ก็ต้องอยู่ดูจนกว่าหลานจะเข้าเรียนนั่นล่ะ”
วินนี่ก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรค่ะ แม่คะ หนูจะเป็นคนดูลูกเองค่ะ เดี๋ยวหนูพาลูกไปที่ทำงานด้วยก็ได้ ลูกชอบห้องทำงานของหนูมากๆ เลยล่ะค่ะ”
………………………