ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1526 ปลาเทราต์น้ำดี

บทที่ 1526 ปลาเทราต์น้ำดี

ฉินสือโอวกำลังเตรียมตัวจัดการกับนกนางนวล เขาพยายามหาทางไล่พวกมันไป แต่ก็มีสายจากทิญาโทรเข้ามาเสียก่อน เธอบอกเขาว่าพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์จะมีการประชุมสำคัญ ให้เขาล่วงหน้าไปที่นครเซนต์จอห์นเพื่อเข้าร่วมงานนี้

เนื่องจากลักษณะของเครือข่ายพันธมิตรรวมถึงความต้องการของเขา สำนักงานใหญ่ของพันธมิตรการประมงจึงถูกจัดตั้งขึ้นที่นครเซนต์จอห์น แต่เพราะว่าเพิ่งจะก่อตั้งขึ้น ทุกๆ อย่างจึงยังไม่บรรลุตามเป้าหมาย พื้นที่สำนักงานที่กรมประมงปล่อยให้พวกเขาเช่าก็ยังอยู่ในระหว่างการซ่อมแซม ดังนั้นเขาจึงยังไม่เคยไปที่สำนักงานเลยสักครั้ง

การประชุมของกรมประมงในครั้งนี้ถูกจัดขึ้นที่ออตตาวา แต่ต้องขอบคุณการพัฒนาเทคโนโลยีในปัจจุบันที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ที่ทำให้ฉินสือโอวสามารถเข้าร่วมการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอได้จากนครเซนต์จอห์น

สำนักงานชั่วคราวตั้งอยู่ในอาคารสำนักงานแห่งหนึ่ง ตอนนี้พันธมิตรการประมงยังไม่ได้รับพนักงานเข้ามาจนครบทุกตำแหน่งงาน ซึ่งจริงๆ แล้วก็ไม่ได้มีอะไรผิดพลาด แต่เป็นเพราะว่าทิญาพาฝ่ายบุคคลมาจัดการข้อมูลของสมาชิกให้เป็นระเบียบ ยังไม่เริ่มลงมือทำงานด้านอื่น ไม่จำเป็นต้องให้พวกเขาเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้

การประชุมจะถูกจัดขึ้นในวันพฤหัสบดี หลังจากที่ฉินสือโอวไปถึงโรงแรมแล้ว ทิญาก็นำเอกสารชุดหนึ่งมาส่งให้เขา แล้วบอกว่า “การประชุมในครั้งนี้มีความเกี่ยวข้องกับกรมประมงและเอฟดีเอของอเมริกา ตอนที่ท่านรัฐมนตรีแมทธิวพูดคุณต้องฟังเขาให้มากเพราะมันอาจจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรของเรา ดังนั้นคุณต้องตั้งใจฟังให้ดีๆ นะคะ“

มีความเกี่ยวข้องกับเอฟดีเอด้วยเหรอ? ฉินสือโอวรู้สึกสับสนอยู่หน่อยๆ เอฟดีเอคือชื่อย่อของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา ทรัพยากรทางการประมงทั้งหมดของแคนาดาที่นำเข้าไปในอเมริกาจะต้องได้รับการทดสอบโดยหน่วยงานนี้ แต่หน้าที่ของพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ในตอนนี้คืองานด้านการผลิตไม่ใช่การจำหน่าย ดังนั้นทั้งสองฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องติดต่อกัน

เขานึกว่าการประชุมทางไกลผ่านวิดีโอจะเป็นการฉายภาพโฮโลแกรมเหมือนที่เขาเคยเห็นในหนัง แต่ปรากฏว่าสิ่งที่ทิญาทำก็แค่หาที่นั่งให้เขาแล้วก็เปิดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กที่มีซอฟต์แวร์ของสำนักงานรัฐขึ้นมา หลังจากนั้นก็เข้าหาห้องสนทนาของกรมประมงแล้วคลิกเข้าร่วมก็เท่านั้น

ฉินสือโอวยังตามไม่ค่อยทันเท่าไร เขาหันไปมองทิญาตาปริบๆ แล้วถามเธอว่า “แค่นี้เองเหรอ?”

ไม่ต้องฉายภาพโฮโลแกรมก็ได้ แต่ขอแค่จอภาพใหญ่ๆ ขอแค่นั้นได้ไหม? และต่อให้จะไม่มีจอใหญ่ๆ ก็ไม่เป็นไร แต่อย่างน้อยหาเก้าอี้ซีอีโอมาให้เขาหน่อยไม่ได้หรือยังไง? นี่แค่โต๊ะทำงานธรรมดากับคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง เก้าอี้ที่มีให้ก็ไม่มีที่พิงหลังด้วยซ้ำ เขาต้องยืดอกเก็บพุงถึงจะนั่งได้อย่างมั่นคง

ทิญากอดแฟ้มเอกสารพร้อมกับแย้มรอยยิ้มหวาน ดวงตากลมโตหรี่ลงจนกลายเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว “ใช่ค่ะ ท่านประธาน มีเท่านี้ค่ะ”

เวลาสิบนาฬิกาก็เริ่มปรากฏภาพของคนอื่นๆ ขึ้นบนหน้าจอ ฉินสือโอวยกหูฟังขึ้นมาใส่ ในตอนนี้แมทธิว จินเดินเข้ามาในห้องประชุมแล้ว เขามองไปยังจอใหญ่ในห้องประชุมแล้วพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ ต่อจากนั้นก็หยิบไมโครโฟนขึ้นมาพูดกับเขาว่า “เฮ้ ฉิน นายมีภาพลักษณ์ในการทำงานที่ไม่เลวเลย มีครบทั้งพลังและจิตวิญญาณของคนหนุ่ม พยายามเข้าล่ะ”

ฉินสือโอวแปลกใจว่าทำไมเขาถึงได้พูดอย่างนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้เห็นหน้าจอแสดงผลการประชุมของคนอื่นๆ ผู้เข้าร่วมการประชุมที่เหลือที่อยู่ต่างสถานที่เหมือนกันกับเขาล้วนแต่พากันนั่งเอนหลังเอียงตัวพิงเก้าอี้กันทั้งนั้น มีแค่เขาที่นั่งยืดอกตัวตรง ดูกระตือรือร้นกับการทำงานอย่างแท้จริง

เมื่อเป็นเช่นนี้เขาถึงได้เข้าใจว่าทำไมทิญาถึงให้เขานั่งเก้าอี้แบบนี้แทนที่จะหาเก้าอี้ที่มีพนักพิงมาให้เขา ผู้ช่วยของเขาจัดการงานได้อย่างละเอียดรอบคอบเลยทีเดียว

หน่วยงานภาครัฐของแคนาดาให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพในการประชุม พวกเขาเริ่มพูดถึงหัวข้อสำคัญของการประชุมเลยทันที แมทธิว จินบอกพวกเขาว่า กรมประมงของอเมริกา แคนาดาและเอฟดีเอต้องการที่จะร่วมมือกับฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์ในบางพื้นที่เพื่อเพาะพันธุ์ปลาเทราต์ที่ถูกดัดแปลงพันธุกรรม

ปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรมชนิดนี้มีชื่อว่า ปลาเทราต์ Aqu Advantage ซึ่งได้รับการพัฒนาโดย บริษัท ABTX Technologies (ABTX) ในรัฐแมสซาชูเซตส์สหรัฐอเมริกา ส่วนฝ่ายที่รับหน้าที่ริเริ่มโครงการนี้ก็คือทีมวิทยาศาสตร์ของมหาวิทยาลัยโทรอนโตและมหาวิทยาลัยนิวฟันด์แลนด์ในแคนาดา โดยใช้เวลาในการวิจัยมากกว่า 25 ปี

หลังจากได้รับการอนุมัติเป็นเวลา 20 ปีสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) เพิ่งจะอนุญาตให้วางจำหน่ายปลาเทราต์ชนิดนี้ในตลาดได้เมื่อไม่นานมานี้ โครงการนี้นับว่าเป็นการพัฒนาที่เป็นหนทางสู่ความรุ่งโรจน์โครงการหนึ่ง

พอได้ยินข้อมูลเรื่องนี้ ฉินสือโอวก็ถึงกับแอบสบถด่าในใจ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมแมทธิว จินถึงได้บอกให้ทิญามาพูดกับเขา ว่าให้เขาตั้งใจฟังแต่พูดให้น้อย ตอนนี้ในใจของเขามีแต่ความโมโห คำพูดของเขาจึงไม่ต่างอะไรกับดินปืนที่ถูกจุดระเบิด

ข้อมูลของปลาชนิดนี้ระบุไว้ว่าพวกมันคือปลาที่มาจากไข่ปลาจากเกาะพรินซ์เอ็ดเวิร์ด และเทคโนโลยีการดัดแปลงพันธุกรรมก็เป็นของแคนาดา ดังนั้นจึงดูเหมือนว่าไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ที่จะให้ฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์เป็นผู้รับหน้าที่ในการเพาะพันธุ์

เจ้าหน้าที่ระดับสูงบางคนของกรมประมงกล่าวว่านี่เป็นโอกาสและเป็นของขวัญสำหรับพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองการก่อตั้งกลุ่มพันธมิตร หลังจากพูดจบทุกๆ คนก็พากันปรบมือให้เขา

ฉินสือโอวขอพูดอยู่หลายครั้ง แต่กลับถูกแมทธิว จินปัดตกตลอด ท่านรัฐมนตรีอาวุโสรู้จักนิสัยของเขาดี เขารู้ว่าถ้าให้ฉินสือโอวพูดจะต้องเกิดการนองเลือดอย่างแน่นอน

แต่ท่านรัฐมนตรีก็ควรจะรู้ด้วยว่าอย่าเอาเรือมาขวางสายน้ำที่กำลังเชี่ยวกรากอย่างเขา ท่านชายฉินทนไม่ไหวจนระเบิดอารมณ์ออกมา เขาตบโต๊ะแล้วพูดด้วยความเกรี้ยวกราด “ช่างหัวปลาเทราต์ดัดแปลงพันธุกรรม ช่างหัวโอกาส ช่างหัวของขวัญมันสิ ทำแบบนี้มันเท่ากับหลอกกันเลยไม่ใช่หรือไง?!”

เขาอาจจะไม่ได้เข้าใจหัวข้อการประชุมอย่างแน่ชัด แต่เขารู้จักปลาเทราต์สายพันธุ์นี้เป็นอย่างดี เพราะถึงอย่างไรโครงการนี้ก็เกิดขึ้นที่นิวฟันด์แลนด์ ทั้งยังผ่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว แม้แต่ชาวประมงอย่างพวกชาร์คก็น่าจะรู้จักปลาเทราต์สายพันธุ์นี้เหมือนกัน

ในช่วงแรกของการก่อตั้งโครงการนี้ดูเหมือนจะเป็นไปได้ดี ได้รับการสนับสนุนจากทั้งกรมประมงและรัฐบาลของแคนาดา ทั้งยังได้รับการยอมรับว่าเป็นความสำเร็จด้านเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตรครั้งสำคัญ

แล้วก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ โครงการนี้ถือเป็นหลักชัยของเทคโนโลยีชีวภาพทางการเกษตร ปลาเทราต์สายพันธุ์นี้ทั้งมีความแข็งแรง โตไว หลังจากโตเต็มวัยแล้วจะยังสามารถโตได้ถึงหกสิบถึงเจ็ดสิบเซนติเมตร หนักหกถึงเจ็ดปอนด์ ในขณะที่ปลาเทราต์ทั่วไปจะมีน้ำหนักและขนาดตัวแค่ครึ่งหนึ่งของพวกมัน

เพียงแต่ว่าไม่มีตลาดที่จะมารองรับปลาชนิดนี้ ผ่านมายี่สิบกว่าปีแล้ว จนตอนนี้ยังไม่สามารถนำมันเข้าไปวางจำหน่ายในตลาดได้สำเร็จ แต่เท่าที่ได้ฟังจากการประชุม ก็คล้ายว่าเอฟดีเอจะอนุญาตให้นำปลาชนิดนี้เข้าไปขายในตลาดอเมริกาแล้ว ดูท่าว่าแคนาดาก็คงวางแผนไว้แล้วว่าจะเปิดตลาดพร้อมกัน

แต่คำถามคือ เอฟดีเออนุญาตแล้วจะมีประโยชน์อะไร? นั่นต้องให้ผู้บริโภคยอมซื้อ ต้องให้เครือข่ายซูเปอร์มาร์เก็ตรวมถึงตลาดทุกแห่งยอมนำไปวางจำหน่ายต่างหาก แต่เท่าที่ฉินสือโอวรู้มา เขาก็เห็นว่าไม่มีใครยินดีที่จะทำอย่างนั้นเลย คนทั่วไปก็ไม่อยากซื้อปลาสายพันธุ์นี้ หากวิเคราะห์จากช่วงเวลาปัจจุบัน การเพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้ก็แทบจะไม่ให้ประโยชน์อะไรเลย

และในเมื่อมันไม่สร้างคุณประโยชน์ ถ้าอย่างนั้นฟาร์มปลานิวฟันด์แลนด์จะเลี้ยงปลาสายพันธุ์นี้ไปเพื่ออะไรกัน? ที่ฉินสือโอวเป็นผู้นำกลุ่มพันธมิตร ก็เพราะอยากจะพัฒนาการประมงเป็นเป้าหมายหลัก ซึ่งการเพาะพันธุ์ปลาสายพันธุ์นี้ก็ไม่ได้ผิดอะไร เพียงแต่ว่าการพัฒนานั้นก็เพื่อทำให้เกิดความมั่งคั่งไม่ใช่เหรอ? ให้เพาะพันธุ์ปลาที่ไม่ได้ช่วยสร้างความร่ำรวย แบบนั้นใครจะไปอยากทำ?

พอฉินสือโอวตบโต๊ะ คนในห้องทำงานของสำนักงานใหญ่ก็มองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ

เพราะว่ายังตกแต่งอาคารสำนักงานอย่างเป็นทางการไม่เสร็จ พวกเขาจึงเช่าห้องประชุมของโรงแรมแห่งหนึ่ง ที่หลายแผนกทำงานอยู่ด้วยกัน พอเขาตบโต๊ะเลยทำให้ทุกๆ คนรู้สึกตกใจไปตามๆ กัน

พอฉินสือโอวสังเกตเห็นก็ค่อนข้างรู้สึกผิดนิดหน่อย เขาจึงแสดงท่าทางขอโทษขอโพยทุกคน หลังจากนั้นก็ควักโทรศัพท์ออกมาต่อสายไปหาแมทธิว จิน จากบนหน้าจอจะเห็นได้ว่ามือถือของแมทธิว จินกำลังสั่นอยู่ ชายอาวุโสหันมามองแค่แวบเดียวแต่กลับไม่รับสายเขาแล้วประชุมต่อด้วยท่าทางสงบเยือกเย็น ซึ่งนั่นทำให้ฉินสือโอวรู้สึกกลัดกลุ้มหนัก

……………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท