ฉินสือโอวรีบก้าวยาวๆ เดินเข้าไปหา ลูกกระรอกดินตัวหนึ่งกำลังมองมาที่เขาด้วยท่าทางน่าสงสาร วินนี่เองก็ช่วยสางขนให้มัน บนหลังของมันมีปากแผลอยู่หนึ่งที่ แต่ว่ารอยเลือดที่ติดอยู่แห้งไปแล้ว ดูเหมือนว่าจะไม่ใช่แผลที่ได้มาจากเมื่อกี้
แต่เห็นได้ชัดว่าบาดแผลนี้มีความเกี่ยวข้องกับนกนางนวลแฮริ่ง ก่อนหน้านี้เขาลืมไปว่าไม่ได้มีแค่ปลากับกุ้งที่เป็นอาหารของนกนางนวลแฮริ่ง แต่ยังมีสัตว์ฟันแทะด้วย ถึงแม้ว่าลูกกระรอกดินจะมีขนาดตัวที่ค่อนข้างใหญ่แต่ก็ยังเป็นเหยื่อของพวกมันเช่นกัน
หลังจากที่ฉินสือโอวกับวินนี่เดินเข้ามาหาแล้ว พุ่มไม้ตรงนั้นก็สั่นขึ้นมาทันที เมื่อลูกกระรอกดินตัวอื่นๆพากันมุดออกมาจากพุ่มไม้ หลังจากนั้นพวกมันก็สังเกตดูรอบๆ อย่างวิตกกังวล หลังจากเห็นว่าไม่มีอันตรายแล้วถึงได้วิ่งออกมาร้องจี๊ดๆ อยู่ข้างๆ ฉินสือโอวด้วยท่าทางปวดร้าว
“ไอ้เวรปล่อยไว้ไม่ได้แล้ว!” ท่านชายฉินตัดสินใจแล้ว เขาชี้นิ้วออกคำสั่งบอกให้บุกได้ ทันใดนั้นหู่จือกับเป้าจือก็กระโจนออกไปแล้วมุ่งหน้าไปทางชายหาดด้วยความรวดเร็ว
ฉินสือโอวตกอยู่ในความหดหู่ เขาร้องตะโกนว่า “กลับมาๆ พวกแกสองตัวไปแล้วมีประโยชน์อะไร? ฉันไม่ได้สั่งพวกแก!”เขาเงยหน้าขึ้นไปมองพวกบุชที่กำลังบินร่อนอยู่บนท้องฟ้าด้วยความดุดันแล้วจึงชี้นิวไปที่นกนางนวลแฮริ่งพร้อมกับออกคำสั่งอีกครั้ง “ไป ไปไล่นกพวกนั้นซะ!”
พวกบุชเมื่อเห็นท่าทางมือของเขาก็เข้าใจความหมายของคำสั่ง พวกมันส่งเสียงร้องก้องกังวาน แล้วบินไปหาฝูงนกนางนวลแฮริ่งอย่างเอื่อยเฉื่อย
ถึงนกโจรสลัดจะไม่ถนัดด้านการต่อสู้ แต่ถึงยังไงก็ยังเป็นนกตัวใหญ่ เมื่อกางปีกทั้งสองข้างออกกลับดูทรงพลังยิ่งกว่าพญาอินทรีเสียอีก ทั้งยังดูค่อนข้างน่าหวาดหวั่น ปกติแล้วเพียงแค่มันปรากฏตัวขึ้น พวกนกนางนวลก็จะหลบห่างออกไปให้ไกลทันที
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงนกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวเลย อาหารของนกนักล่าสองชนิดนี้รวมนกบนท้องฟ้าไว้แทบจะทุกชนิด กับนกนางนวลยิ่งเป็นแค่เรื่องจิ๊บจ๊อย ที่จริงแล้วในเวลาปกติพวกมันจะไม่ล่านกนางนวลมาเป็นอาหาร แก๊งสามเกลอของนกอินทรีทองถือว่าัวเองเป็นนักรบที่แข็งแกร่ง ฝูงเหยี่ยวหางแดงกับครอบครัวนกอินทรีทองบนภูเขาตากหากถึงจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกมัน
วันนี้ได้รับคำสั่งจากฉินสือโอว นกสามเกลอจึงต้องไปสู้รบกับพวกนกนางนวลแฮริ่งอย่างช่วยไม่ได้ พวกมันไม่ให้ความสำคัญกับคู่ต่อสู้พวกนี้ เพราะจากที่พวกมันรู้ เพียงแค่พวกมันกางปีกออกแล้วส่งเสียงร้องออกไปสักครั้ง นกขี้ขลาดพวกนี้ก็พากันบินหนีอุตลุดแล้ว
คราวนี้ก็เหมือนว่าจะไม่ต่างกันนัก แก๊งสามเกลอไปปรากฏตัวที่ไหน ฝูงนกนางนวลแฮริ่งที่อยู่ตรงนั้นก็จะแตกตื่นจนหนีกระเจิง
แสงอาทิตย์อัสดงส่องกระทบลงบนตัวของสามเกลอ ปีกของพวกมันส่องประกายแสงออกมา สยายปีกทั้งสองข้างออกกว้างอย่างโอหัง เชิดหน้าอกตั้งตรงพร้อมทั้งกรงเล็บแหลมคมที่ถูกเก็บไปทางด้านหลัง หากบอกว่าพวกนกนางนวลแฮริ่งเมื่อก่อนหน้านี้เป็นเหมือนกับเครื่องบินขนาดย่อมๆ พวกมันในตอนนี้ก็เป็นเครื่องบินรบลำใหญ่ดีๆ นี่เอง
หลังจากที่ฝูงนกนางนวลแฮริ่งกระจายตัวกันไปพวกมันก็ไม่ได้หนีไปไหนไกล แต่รอจนสามเกลอบินไปที่อื่นแล้วพวกมันก็บินกลับมาที่เดิม แล้วบินร่อนลมเล่นอย่างสบายใจต่อไป พอหาที่พักได้แล้วถึงร่อนลงไปพักผ่อน
เมื่อได้เห็นภาพนี้ สามเกลอจึงพากันโมโหขึ้นมา พวกมันเก็บท่าทีเกียจคร้าน แล้วเผยสายตาดุดันบุกเข้าหาฝูงนกพวกนั้นด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด ทั้งใช้ปากจิก ใช้กรงเล็บฉีกทึ้ง สยายปีกโจมตี ใช้สารพัดวิธีมาโจมตีฝูงนางนวลเหล่านี้
เหล่านกนางนวลร้องครวญอย่างตื่นตระหนก แล้วจึงบินแยกย้ายกระจายกันไปทั่วทุกทิศ นกสามเกลอไล่ตามอยู่ด้านหลัง ขนนกปลิวว่อนอยู่ท่ามกลางท้องฟ้า บ่อยครั้งจะมีนกนางนวลแฮริ่งที่ถูกโจมตีจนร่วงหล่นลงมาจากบนฟ้า ดูท่าว่าสถานการณ์น่าจะดีขึ้นแล้ว
แต่นานๆ ไปเรื่องราวก็ค่อยๆ พลิกกลับ
ที่นี่มีนกนางนวลอยู่เยอะเกินไป และน่าจะมากกว่าหมื่นตัว หลังจากบินหนีไปแล้วอีกครู่เดียวพวกมันก็บินกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ความกลมเกลียวทำให้พวกมันมีความกล้าหาญและกล้าตัดสินใจที่จะต่อต้านพวกสามเกลอ ขณะที่แคลร์กำลังบินเจาะเข้าไปในฝูงนกนางนวล ทันใดนั้นมันก็พบว่าสถานการณ์เริ่มจะไม่ดีแล้ว!
นกนางนวลแฮริ่งพวกนี้ไม่ได้บินหนีด้วยความตื่นตระหนกอีกต่อไป แต่กลับเปิดจะงอยปากแหลมคมแล้วเริ่มเปิดการโจมตีใส่มัน
จะดูถูกพลังการโจมตีของนกนางนวลไม่ได้เลย แน่นอนว่าพวกมันเทียบชั้นกับนกอินทรีทองและนกอินทรีหัวขาวไม่ได้อยู่แล้ว แต่ถึงอย่างไรก็เป็นนกใหญ่นกที่สามารถเติบโตได้ถึงหกสิบกิโลกรัม จะงอยปากก็แหลมคมกว่าใคร ทั้งยังบินร่อนได้อย่างคล่องแคล่ว เมื่อมีพวกมากพลังการต่อสู้ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น
นกนางนวลแฮริ่งหลายร้อยตัวตีวงล้อมแคลร์ที่บุ่มบ่ามบินเข้ามาเพราะประมาทคู่ต่อสู้ พวกมันทยอยกันผลัดกันจิก เช่นเดียวกับการแหย่รังแตน เพียงไม่นานพวกมันก็ล้อมนกอินทรีทองเอาไว้ได้
บุชกับนิมิตส์จึงรีบบินลงไปให้ความช่วยเหลือ แต่ปรากฏว่าคู่ต่อสู้ของพวกมันมีจำนวนมากเกินไป ทำให้พวกมันเองก็ถูกนกนางนวลตัวอื่นๆ บินล้อมเอาไว้ด้วย
ทันใดนั้น เสียงร้องคร่ำครวญของแก๊งสามเกลอก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง เสียงร้องที่เปล่งออกมาทั้งดังและแหลมสูง ทั้งหวาดวิตกและตื่นตระหนกในเวลาเดียวกัน คราวนี้พวกมันต้องพบกับความพ่ายแพ้เสียแล้ว
ภาพเหตุการณ์นี้ทำให้ฉินสือโอวตกตะลึงจนตาค้าง พวกมันกล้าต่อต้านกันถึงขนาดนี้เลยเหรอ กระทั่งนกอินทรีทองกับนกอินทรีหัวขาวก็ถูกล้อมโจมตีเนี่ยนะ? ท่านสีพูดถูกแล้ว คนเยอะกว่าย่อมมีกำลังเยอะกว่าจริงๆ!
แต่ตอนนี้เขาก็ยังหาทางแก้ไม่ได้นี่หว่า เขาเป็นสัตว์บก การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นบนอากาศ นี่มันเหลือบ่ากว่าแรงที่เขาจะจัดการได้แล้วนะ
ฉินสือโอวรีบวิ่งกลับมาหยิบปืนที่บ้านอย่างรวดเร็ว แต่กระนั้นก็ยังไม่กล้ายิงมั่วๆ สถานการณ์ตอนนี้กำลังเป็นไปอย่างชุลมุนวุ่นวาย ถ้ายิงไปโดนเจ้าพวกสามเกลอเข้า แบบนั้นจะทำยังไงดีล่ะ? ด้วยเหตุนี้เขาจึงทำได้แค่เต้นเร่าๆ ด้วยความร้อนใจอยู่ตรงนั้น
โชคดีที่พวกสามเกลอได้รับพลังของจิตสำนึกแห่งโพไซดอนจนกลายเป็นสัตว์ที่ฉลาดล้ำ หลังจากที่พวกมันถูกล้อมโจมตีอยู่ท่ามกลางอากาศ พวกมันก็รีบคว้าโอกาสที่จะบินฝ่าออกมา ไม่ได้บินสูงขึ้นไปทางบนอีก เพราะข้างบนยังมีฝูงนกนางนวลปิดล้อมพวกมันเอา จึงเลือกบินลงมาข้างล่างพื้นดินแทน
หลังจากบินลงมาสู่พื้นดินแล้ว แคลร์กับบุชสะบัดกรงเล็บออกแล้ววิ่งตะบึงอย่างบ้าคลั่ง เหมือนแม่ไก่ไม่มีผิด
นิมิตส์น่าเวทนาที่สุดแล้ว ปีกทั้งสองข้างของนกโจรสลัดไม่ได้มีพละกำลังมากมายอะไร วิ่งก็ไม่เก่ง แถมขาข้างหนึ่งของมันก็ยังมีแผลเก่าอยู่อีกต่างหาก เลยทำได้แค่วิ่งตุปัดตุเป๋
พวกนกนางนวลแฮริ่งไม่ได้ไล่ตามลงมา พวกมันบินอวดศักดาอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับส่งเสียงร้อง ‘วี้ดๆๆ’ ลอย่างลำพองใจจนทำให้ฉินสือโอวรู้สึกเจ็บแค้นอย่างถึงที่สุด
ตอนนี้ปืนที่เอามาจึงถึงเวลาใช้งานแล้ว เขายกปืนขึ้นลั่นไก และหลังจากที่เสียง ‘ปังๆๆ’ ดังขึ้น นกนางนวลแฮริ่งดวงซวยกลุ่มหนึ่งก็ถูกกวาดลงมาข้างล่าง ส่วนพวกที่เหลือก็ตกใจกลัวจนกระเจิงกันไปคนละทาง ทว่าพวกมันก็แค่บินไปยังตำแหน่งอื่นๆ เท่านั้น ยังคงอยู่ในฟาร์มปลาเหมือนเดิม
ฝูงนกนางนวลมีจำนวนมากเกินไป ต่อให้ฉินสือโอวใช้ปืนก็ไม่มีประโยชน์อะไร ฟาร์มปลากว้างใหญ่ถึงขนาดนี้ พวกมันสามารถบินจากทิศเหนือไปทิศใต้ บินจากทิศตะวันออกไปตะวันตกได้สบายๆ ถึงฉินสือโอวจะขับรถก็ตามนกพวกนี้ไม่ทัน
หนึ่งหัวไม่เท่าหลายหัวช่วยกันคิด ฉินสือโอวเรียกบรรดาชาวประมงมาทั้งหมด เพื่อปรึกษากับพวกเขาว่าจะจัดการปัญหาเรื่องนกนางนวลยังไง
หลังจากได้ฟังที่เขาพูดเหล่าชาวประมงก็พากันระเบิดเสียงหัวเราะออกมา แล้วเริ่มถกปัญหากันเสียงดังจอแจ
“เรื่องง่ายๆ แค่พวกเราทุกเอาปืนไปไล่ยิงพวกมันให้ร่วง แค่ไม่กี่วันก็ไม่เหลือซากให้เห็นแล้ว!”
“ไอ้โง่เอ๊ย นกนางนวลเป็นสัตว์คุ้มครองเขาห้ามไม่ให้ฆ่าโว้ย ผมขอแนะนำให้จุดพลุไล่ดีกว่า”
“แกโง่กว่ามันอีก หน่วยงานรัฐของนครเซนต์จอห์นออกกฎว่า นอกจากวันพิเศษช่วงเทศกาลไม่อนุญาตให้จุดพลุ ผมแนะนำให้ปล่อยปลาที่มีพิษลงไปในฟาร์มนะ แหะๆ แบบนี้ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราทำ…”
ฉินสือโอวได้ฟังความคิดที่ไม่ได้เรื่องของคนพวกนี้ก็รู้สึกโมโหขึ้นมา นี่เขาเรียกมาประชุมนะ ไม่ได้ให้มาแข่งกันพูดเรื่องไร้สาระ เขาจึงเตะขาโต๊ะข้างหนึ่งด้วยความโมโหแล้วตวาดลั่นออกมา ”นี่มันเวลาไหนกันแล้ว รีบคิดหาวิธีไล่นกนางนวลพวกนี้ไปเสียที! ของดีๆ ถูกพวกมันกินไปจนจะหมดแล้ว!”
พอได้ยินแบบนี้ ทุกๆ คนถึงได้เริ่มจริงจังขึ้นมา แบล็คไนฟ์คิดอยู่สักพักหนึ่งแล้วจึงพูดขึ้นมาว่า
“ผมว่าเราควรใช้โดรนขับไล่!”
“พอเลย ฉันขออะไรที่มันเป็นไปได้หน่อย!” ฉินสือโอวตวาดด้วยความโมโห
แบล็คไนฟ์จึงพูดกับเขาด้วยความน้อยใจว่า “อันนี้ก็เป็นไปได้เหมือนกันนะ ในอินเทอร์เน็ตมีโดรนขายตั้งเยอะตั้งแยะ ซื้อมาสักสองสามเครื่องแล้วเอามาปรับแต่ง แบบนั้นใช้ไล่ฝูงนกอินทรียังได้เลย!”
“พูดจริงหรือเปล่า?” ท่านชายฉินถามด้วยความฉงน
“จริงแท้แน่นอน!”
“ถ้าอย่างนั้นก็เอาตามนี้!”
………………………