สายตาของฉินสือโอวยิ่งอยู่ยิ่งระมัดระวังมากขึ้น รู้สึกว่าจะมีคนนอกคอกมาทำร้ายข้า!
หวังฉางไข่ยิ้มขืนๆ อย่างทำอะไรไม่ได้ อธิบายว่า “ขนาดบรรจุของขวดใบนี้คือ 6 ลิตร ข้างในบรรจุอากาศควบแน่นอยู่ อากาศพวกนี้มาจากเทือกเขาร็อกกี ผมอยากให้คุณลองดมดูนะครับ ลองสูดดมอากาศที่มาจากเทือกเขาร็อกกีดู”
ฉินสือโอวปฏิเสธไปว่า “ผมรู้สึกว่าที่เกาะแฟร์เวลอากาศดีมาก ไม่จำเป็นต้องไปลองของฝากล้ำค่าจากเทือกเขาร็อกกีหรอก ขอบคุณ ผมว่าถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมสามารถไปได้แล้วใช่ไหม?”
หวังฉางไข่ดึงเขาไว้ พูดว่า “ขอโทษครับ คุณฉิน เมื่อกี้ผมตื่นเต้นไปหน่อย เพราะว่าคุณเป็นไอดอลของผม ดังนั้นคำพูดของผมเลยอาจฟังดูสะเปะสะปะไปหน่อย แถมท่าทางก็อาจจะบ้าๆ บอๆ แล้วยังไม่ได้อธิบายให้ละเอียดอีก”
ในเมื่อเขาพูดมาแบบนี้แล้ว ฉินสือโอวจึงยืนยันที่จะกลับไม่ลง นี่น่ะเป็นแฟนคลับของตัวเองเลยนะ เวรละ เขาคิดทบทวนดูแล้ว เหมือนว่านี่จะเป็นแฟนคลับคนแรกด้วย…
หวังฉางไข่ยื่นนามบัตรให้เขาใบหนึ่ง บนนั้นเขียนคำว่าผู้บริหารบริษัทเย็นใจจำกัด แต่ว่าคำว่าเย็นใจคืออันไรกัน? ฉินสือโอวมองดูนามบัตรสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย
หวังฉางไข่อธิบายว่า “ตอนนี้เมืองใหญ่ๆ ในจีนมีฝุ่นควันปกคลุมในฤดูหนาว หรือจะพูดว่ามีฝุ่นควันทั้งฤดูใบไม้ผลิฤดูร้อนฤดูใบไม้ร่วงทั้งสามฤดูเลยก็ว่าได้ มลภาวะทางอากาศรุนแรงมาก ส่งผลให้ผู้คนเป็นโรคทางเดินหายใจและโรคทางปอดกันเป็นจำนวนมาก ดังนั้นผมจึงเห็นโอกาสจากเรื่องนี้ ผมคิดว่าในปัจจุบันนั้นสามารถทำธุรกิจเกี่ยวกับอากาศได้”
ฉินสือโอวเข้าใจแล้ว เขาพูดว่า “คุณเอาอากาศของเทือกเขาร็อกกีไปขายในประเทศจีนเหรอ? ไม่ได้ล้อกันเล่นใช่ไหมครับ?”
หวังฉางไข่พูดว่า “แน่นอนว่าไม่ได้ล้อเล่นครับ กลับตรงกันข้ามเลย ธุรกิจของผมไปได้ไม่เลวเลย คุณรู้จักโรคฝุ่นควันไหมครับ?”
ฉินสือโอวไม่รู้จักโรคนี้ จึงส่ายหัว
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว หวังฉางไข่ก็อธิบายให้เขาว่า “โรคฝุ่นควันไม่ใช่โรคที่ถูกบัญญัติไว้ แต่เป็นโรคที่เกิดจากฝุ่นควันที่ประกอบไปด้วยฝุ่นละออง เกลือสมุทร ซัลเฟต ไนเตรต แอโรซอล เชื้อเพลิงและควันเสียจากรถยนต์เป็นต้น พวกมันสามารถเข้าไปในร่างกายแล้วก็ค้างอยู่ในทางเดินหายใจและปอด สุดท้ายก่อให้เกิดทั้งโรคทางร่างกายและจิตใจ และโรคที่เป็นง่ายที่สุดก็คือโรคทางเดินหายใจกับโรคหลอดเลือดหัวใจครับ”
“จากผลสำรวจ ในประเทศจีนจะมีอย่างน้อยห้าเมืองที่เป็นโรคนี้ และแต่ละปีจะมีคนเป็นโรคฝุ่นควันเกินกว่าหนึ่งแสนคนเลย เมืองปักกิ่งที่เป็นหนึ่งในนั้น ทุกปีจะต้องมีคนเป็นโรคฝุ่นควันอย่างน้อยห้าหมื่นคน ดังนั้นผมจึงคิดอยากจะทำธุรกิจด้านนี้ โดยการนำอากาศที่บริสุทธิ์ของเทือกเขาร็อกกีไปขายให้กับเมืองใหญ่พวกนี้ครับ”
ฉินสือโอวไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรต่อ ความจริงธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เขารู้มานานแล้ว น่าจะประมาณตอนอยู่สมัยมัธยมต้น ตอนที่ครูของเขากำลังตำหนิเรื่องปัญหาของสภาพแวดล้อมทางอากาศของประเทศจีนอยู่นั้น ได้พูดว่า ในไม่ช้านอกจากคนต้องซื้อน้ำบริสุทธิ์แล้ว ก็ยังต้องซื้ออากาศบริสุทธิ์อีกด้วย
แน่นอนว่า คำพวกนี้เป็นคำที่คุณครูพูดเพื่อประชดเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะเป็นจริงขึ้นมาแล้วจริงๆ
แต่ว่า เขาไม่ได้แปลกใจเลย เพราะเขาคิดย้อนกลับไปสี่ปีก่อนตอนที่เขาขึ้นเครื่องที่ปักกิ่ง จากปักกิ่งถึงโทรอนโต คุณภาพอากาศแตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัด แล้วยิ่งเมื่อเทียบกับเกาะแฟร์เวลแล้ว ความแตกต่างยิ่งมากเข้าไปใหญ่
“ธุรกิจนี้ผมได้ทำมาหนึ่งปีกว่าแล้วครับ ผลประกอบการ ณ ตอนนี้ถือว่ายังไม่เลวเลย ผมได้ประสบความสำเร็จในการนำสินค้าตัวนี้ตีเข้าไปในตลาดเจ้าพนักงานราชการและเจ้าของกิจการแล้ว ในประเทศจีนมีหลายสำนักข่าวเลยที่ทำข่าวเกี่ยวกับธุรกิจของผม นี่เป็นส่วนหนึ่ง เชิญดูก่อนครับ” หวังฉางไข่หยิบโน้ตบุ๊กออกมาจากกระเป๋า ในนั้นได้เก็บหน้าเว็บไว้มากมาย เป็นข่าวที่เกี่ยวกับบริษัทเย็นใจจำกัดจริงๆ
อากาศแบบนี้ถูกนักข่าวเรียกว่าเป็นอากาศสำหรับชีวิตที่หรูหราหรือไม่ก็อากาศเศรษฐี แต่ส่วนมากก็เป็นการแสดงความเห็นในด้านบวกอยู่ เพราะว่าเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้หลอกลวง การพกไว้หนึ่งกระป๋องในที่ที่เต็มไปด้วยฝุ่นควันนั้นสามารถใช้ประโยชน์ได้จริง ที่ปักกิ่งมีนักข่าวบอกว่าอากาศแบบนี้ได้กลายเป็นของขวัญที่ระลึกตัวใหม่ของแคนาดา และมาแทนที่ไอซ์ไวน์กับน้ำเชื่อมเมเปิล
หวังฉางไข่แนะนำต่อว่า “อากาศจากเทือกเขาร็อกกีที่เราบรรจุในหนึ่งขวดนี้ ที่ประเทศจีนพวกผมขายอยู่ที่ 25 หยวนครับ สามารถสูดดมได้ 2000 ครั้ง และจากข้อมูลที่สำรวจมา คนทั่วไปจะหายใจอยู่ที่สองหมื่นครั้ง และขอแค่หนึ่งในสี่นั้นเป็นอากาศบริสุทธิ์ ก็จะสามารถรักษาสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงได้แล้ว”
“25 หยวน สามารถรับประกันได้ว่าอากาศที่คุณสูดเข้าไปในครึ่งวัน สามารถรักษาสุขภาพของคุณได้ คุณฉินครับ ถ้าหากว่าคุณต้องอยู่ในที่ที่มีฝุ่นควันทุกวันแล้วล่ะก็ คุณจะซื้อไหมครับ?”
ฉินสือโอวลังเลอยู่สักพัก แล้วพูดว่า “โอเค ผมคงจะซื้อ”
หวังฉางไข่ยิ้มออกมา แล้วพูดว่า “ใช่ครับ ขอแค่คนที่พอจะมีเงินหน่อยก็ล้วนใส่ใจปัญหาคุณภาพชีวิตและสุขภาพทั้งนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจของพวกเราไม่ได้พุ่งเป้าไปแต่ที่คนมีเงินเท่านั้น ส่วนมากยังพุ่งไปหาคนเมาค้าง คนออกกำลังกายและนักศึกษาเตรียมสอบทุกประเภทด้วย เพราะอากาศที่คุณภาพดีสามารถทำให้มีสมาธิได้ ซึ่งสามารถช่วยเหลือพวกเขาได้มากทีเดียว”
ฉินสือโอวพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ถ้าเป็นอย่างที่คุณพูดจริง งั้นออกซิเจนก็ดีกว่าหรือเปล่าครับ? ทำไมพวกเขาไม่ไปซื้อออกซิเจนถังแทนล่ะ?”
หวังฉางไข่บอกว่า ”เพราะว่าการสูดดมหน้ากากออกซิเจนเป็นเวลานานๆ จะมีผลข้างเคียงครับ แต่การสูดดมอากาศเป็นเวลานาน ไม่ก่อให้เกิดปัญหาใดๆ ทั้งนั้น!”
ฉินสือโอวยอมรับว่าอีกฝ่ายเป็นคนนำเสนอที่เก่งมาก เขาถูกทำให้เชื่อแล้ว แต่ว่านี่เกี่ยวอะไรกับเขา? หรือว่าจะให้เขาไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้ผลิตภัณฑ์นี้เหรอ?
ก็ไม่แปลกที่เขาจะคิดแบบนี้ แม้แต่หู่จือกับเป้าจือยังได้รับเซ็นสัญญาให้เป็นพรีเซนเตอร์เลย เออร์บักบอกว่ามีบริษัทติดต่อเขามาบอกว่าอยากให้ฉงต้าไปเป็นพรีเซนเตอร์ด้วย เมื่อเป็นแบบนี้แล้วการที่เขาไปเป็นพรีเซนเตอร์ให้กับบริษัทที่ขายอากาศบริสุทธิ์ก็คงไม่เป็นปัญหาใหญ่หรอก?
ต้องรู้ว่า เพราะสภาพแวดล้อมทางอากาศของเกาะแฟร์เวลที่ไร้มลภาวะ เขาได้ถูกเรียกว่าเป็นเซเลบผู้รักษ์โลกในทวิตเตอร์ เวย์ปั๋วและเฟซบุ๊กเลย และยังมีผู้ติดตามอีกไม่น้อยเลย อย่างหวังฉางไข่คนนี้ก็คือแฟนคลับทางด้านรักษ์โลกของเขานั่นเอง
หวังฉางไข่ได้พูดตอบปัญหานี้ขึ้นมาว่า “ผมกำลังทำการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ อากาศจากเทือกเขาร็อกกีเป็นรุ่นหนึ่ง ผมคิดว่าอากาศของเกาะแฟร์เวลสามารถเป็นอีกรุ่นหนึ่งได้เช่นกัน ดังนั้นผมจึงอยากมาร่วมมือกับคุณเพื่อทำธุรกิจนี้ครับ!”
ฉินสือโอวคิดอยู่สักพัก แล้วก็ปฏิเสธไป เพราะเขารู้สึกว่าธุรกิจของหวังฉางไข่นั้นมีจุดตายอยู่ข้อหนึ่ง เขาบอกว่าการสูดออกซิเจนเป็นระยะเวลานานมีผลข้างเคียง แต่เมื่อกี้เขาเข้าไปค้นหาดูในอินเทอร์เน็ตแล้ว ทางการแพทย์ไม่ได้มีการระบุไว้อย่างชัดเจน ว่าการสูดออกซิเจนเป็นเวลานานมีผลข้างเคียงอะไร
เมื่อเป็นแบบนี้ ออกซิเจนก็เป็นของทดแทนที่ดีกว่าไม่ใช่เหรอ? ออกซิเจนที่สร้างขึ้นมาอาจจะต้นทุนสูงกว่าอากาศควบแน่นก็จริง แต่อากาศพวกนี้ก็ถูกส่งไปจากต่างประเทศเช่นกัน ทำให้ต้นทุนสูงเหมือนกัน
นอกเหนือจากนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาไม่อยากให้มีการเปิดโรงงานในเกาะแฟร์เวล นี่ต่างหากที่เป็นเหตุผลที่แท้จริงที่เขาปฏิเสธ!
ทำไมหวังฉางไข่ต้องมาหาเขาเพื่อร่วมทำธุรกิจเกี่ยวกับอากาศของเกาะแฟร์เวล เพราะว่าถ้าเขาไม่พยักหน้า ก็จะไม่มีโรงงานอุตสาหกรรมหน้าไหนสามารถมาเปิดที่เกาะแฟร์เวลได้ อีกอย่างโกดังสำหรับอุตสาหกรรมของเกาะแฟร์เวลในปัจจุบันก็อยู่ในมือเขาด้วย
หวังฉางไข่พยายามอยากจะโน้มน้าวเขาให้ได้ ฉินสือโอวปัดมือเป็นความหมายว่าไม่ต้องพูดแล้ว สุดท้ายเขาพูดออกไปว่า “อย่างนี้ไหม เพื่อน คุณกลับไปทำธุรกิจนี้ก่อน ผมจะสังเกตดู หากผมรู้สึกว่าธุรกิจนี้สามารถทำได้จริงๆ งั้นตอนนั้นพวกเราค่อยติดต่อกันได้ไหมครับ?”
เมื่อเป็นแบบนี้ หวังฉางไข่จึงทำการขอร้องเรื่องต่อไป “แล้วผมสามารถเปิดโรงงานบนเกาะได้ไหมครับ? เป็นโรงงานเล็กๆ ที่ง่ายๆ ครับ ขอแค่มีคอมเพรสเซอร์ไม่กี่เครื่องก็พอแล้ว”
ฉินสือโอวบอกว่า “เรื่องนี้คุณสามารถไปตกลงกับทางสภาเมืองได้เลยครับ ผมไม่ได้รับผิดชอบในส่วนนี้”
แน่นอนว่าไม่ได้ คอมเพรสเซอร์เป็นของที่อันตรายมาก หากเกิดระเบิดขึ้นมาจะทำอย่างไร?
แต่ว่า ธุรกิจของหวังฉางไข่อันนี้ได้มาจุดประกายแรงบันดาลใจของเขา ทำให้เขามีความคิดใหม่ๆ ขึ้นมา
…………………………