ตอนแรกฉินสือโอวคิดว่ามีใครมา แต่บนทะเลไม่ได้มีสัญญาณเตือน บนผืนดินก็ไม่มีใครมา สุดท้ายพอได้เห็นหู่จือกับเป้าจือจ้องไปที่ชุดทำงานของพวกเขาแล้วโห่ร้อง เขาถึงเพิ่งจะเข้าใจว่าเจ้าตัวเล็กก็อยากจะใส่ชุดพวกนี้ด้วย
เขาอธิบายไปสักพักว่านี่น่ะเป็นชุดสำหรับเอาไว้ทำงาน หู่จือกับเป้าจื่อก็ยังคงงับไปที่ขากางเกงของเขาไม่ปล่อย ดูอย่างไรก็อยากจะใส่เสื้อกันกระสุนชุดนั้นให้ได้
ฉินสือโอวจะอกแตกตาย เสื้อกันกระสุนมีน้ำหนักมาก แถมยังไม่ระบายอากาศอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมเจ้าตัวเล็กสองตัวนี้ถึงชอบใส่ขนาดนี้ เขาไม่ใช่คนที่ชอบอวดร่างกาย ไม่รู้ว่าเจ้าสองตัวนี้ไปเลียนแบบการอวดร่างกายจากใครมา?
หมดทางเลือก ไม่ว่าจะพูดอย่างไรพวกมันก็ไม่ฟัง เขาจึงไปนำเสื้อกันกระสุนของสุนัขมาให้พวกมันใส่
หลังจากเปลี่ยนเสร็จแล้วเจ้าตัวเล็กก็ดีใจขึ้นมา จากนั้นก็เดินตามฉินสือโอวเนิบๆ ราวกับกำลังอวดเสื้อที่สีพอๆ กันอย่างนั้นแหละ
จอร์จกับวิเวียนขำหนักมาก พวกเขาหยิบมือถือออกมาแล้วไปถ่ายรูปคู่กับหู่จือและเป้าจือ แลบราดอร์ก็ให้ความร่วมมือมาก พวกมันมีความรู้สึกที่ดีกับกล้องเป็นอย่างมาก
ฉินสือโอวกวักมือ บอกเป็นนัยว่าให้ทุกคนเริ่มทำงานกันได้
จอร์จสอนให้พวกวัยรุ่นใช้น้ำอุ่นมาผสมผงซักฟอก แล้วเริ่มขัดพวกกระเบื้องตั้งแต่ทั้งสองด้านของหน้าประตูไปยังกำแพงด้านนอก
เพราะถูกลมพัดฝนตี แผ่นกระเบื้องที่เคยเป็นสีขาวหม่นในตอนนี้ถ้าไม่ได้กลายเป็นสีเหลืองอ่อนไปก็ถูกเถาวัลย์ที่เลื้อยอยู่ทำให้เป็นสีเขียวไปแล้ว คราบตะไคร่สามารถขัดออกได้ แต่ไม่สามารถขัดสีที่เปลี่ยนไปแล้วได้
บ้านพักเต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุคเก่าที่จางหายไป จอร์จพูดทอดถอนใจว่า “บ้านหลังนี้น่าจะมีอายุอย่างน้อยครึ่งศตวรรษได้แล้ว บ้านเกิดของพ่อผมก็เป็นสไตล์นี้เหมือนกัน เวลาได้ผ่านไปเร็วจริงๆ”
โครงสร้างหลักของบ้านสร้างมาจากไม้ มีบางจุดที่ไม้ได้ผุไปแล้ว ฉินสือโอวจำเป็นต้องเปลี่ยนใหม่ หรือไม่ก็ใช้เศษขี้เลื่อยไปอุดให้เต็ม จากนั้นจึงใช้กาวปิดไว้ แล้วค่อยทาสีทับไปอีกชั้น เป็นงานที่ยุ่งยากมาก
สำหรับบ้านที่เก่าแก่แบบนี้แล้ว การบูรณะจะต้องใช้เงินไม่น้อยเลย แถมที่สำคัญคือต้องใช้เวลามาก สำหรับคนที่มีเงินแล้ว สร้างใหม่เลยน่าจะดีกว่า
ฉินสือโอวพักอยู่ที่นี่จนชินแล้ว รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนบ้านใหม่ก็ได้ อีกอย่างจุดที่ต้องซ่อมของบ้านพักนี้ก็เป็นเพียงขอบๆ และมุมบ้านเท่านั้น โดยรวมแล้วยังถือว่าไม่เลวอยู่ อย่างเช่นบันไดไม้ในบ้านที่ยังแข็งแรงดีอยู่ ใช้มาสิบกว่าปีแล้ว แต่ตอนเหยียบลงไปก็ไม่ได้มีเสียงเอี๊ยดอ๊าด ยังคงมั่นคงราวกับก้อนหิน
ที่อยู่อาศัยของแคนาดาโดยเฉพาะบ้านพักในชนบทนั้น ส่วนมากจะใช้ไม้สร้าง ไม่เหมือนกับประเทศจีนที่ใช้ของจำพวกดินผสมและก้อนอิฐมาสร้างบ้าน ที่นี่มีไม้เยอะ ต้นทุนในการใช้ไม้สร้างบ้านจึงต่ำ
อย่างเช่นไม้ในเกาะแฟร์เวลนั้นล้วนเป็นของรัฐบาลทั้งหมด แต่หากว่ามีใครอยากจะสร้างบ้าน งั้นก็แค่ไปยื่นเรื่องขอเท่านั้น ก็สามารถซื้อไม้สำหรับพื้นที่แปลงหนึ่งมาได้ในราคาถูกแล้ว
เมื่อเป็นแบบนี้ แม้ว่าจะทำการสร้างบ้านใหม่ แต่เพราะวัสดุที่ใช้ก็ยังเป็นไม้อยู่ ทำให้ยังต้องทำการบำรุงรักษาอยู่ดี แถมค่าบำรุงก็ไม่ได้ถูกเลย ทุกปีจะต้องแบ่งเงินออกมากว่าสองเปอร์เซ็นต์จึงจะสามารถบำรุงรักษาได้
งานที่เหล่าวัยรุ่นต้องทำเป็นเพียงงานง่ายๆ ที่ไม่มีอันตราย เช่นพวกถูพื้น ขัดประตูหน้าต่างกระจก ถอนหญ้าเท่านั้น งานหลักก็ยังต้องพึ่งฉินสือโอวกับพวกชาวประมงมาทำอยู่
ชาร์คแนะนำฉินสือโอวว่า “การซ่อมแซมบ้านนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือหลังคา เกาะแฟร์เวลฝนเยอะหิมะเยอะ แถมยังมีลมพายุพัดมาบ่อยๆ อีก ดังนั้นจึงสร้างความเสียหายให้กับหลังคามากที่สุด สักพักพวกเราขึ้นไปดูความเก่าบนหลังคากัน สองปีก่อนล้วนมีภัยหิมะทั้งสองปี คิดว่าคงก่อให้เกิดความเสียหายบ้างแล้วล่ะครับ”
หลังจากวางบันไดเสร็จ คนหลายคนผูกเชือกนิรภัยเสร็จแล้ว ก็ขึ้นไปบนหลังคาของบ้านพักกัน
ปีแรกที่มา โกดังของฟาร์มปลาหลายที่ได้พังลงเพราะลมหิมะแล้ว ก็ได้ชาร์ค ซีมอนสเตอร์นี่แหละที่ช่วยซ่อมให้ บ้านพักยังดี เพราะใช้วัสดุที่ดี แถมยังทำการป้องกันการขึ้นสนิมไว้อย่างดีด้วย ทำให้ทนต่อลมหิมะได้ดี
ขึ้นไปมองดูหลังคา หลังคาของบ้านพักมุงขึ้นจากแผ่นไม้มาต่อเรียงกัน มีบางจุดที่แตกไปหลายชั้นแล้ว มีบางจุดที่แม้มองไปแล้วยังดีอยู่ แต่พอยื่นมือไปแตะเท่านั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เลยทันที ก็คือเก่ามากจนดูไม่ได้แล้ว
หลังคาของบ้านพักประเภทนี้ไม่สามารถให้มีปัญหาได้ ไม่อย่างนั้นจะส่งผลให้บ้านพักเกิดความเสียหายมากขึ้นได้ อย่างเช่นหากว่าเกิดน้ำรั่วขึ้นมา งั้นก็แน่นอนว่าต้องทำให้ผนังเกิดการกร่อนแน่นอน เพราะว่าผนังของบ้านพักก็ใช้ไม้ทำเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่ใช่แค่การขึ้นราเท่านั้น สามารถถึงขั้นผุกร่อนได้เลย
และถ้าหากว่าบ้านพักไม่สามารถเก็บความอบอุ่นได้ดีแล้วล่ะก็ งั้นการเปิดเครื่องปรับอากาศในฤดูหนาวก็เท่ากับเปิดเสียเปล่าแล้ว เพราะอุณหภูมิสูงขึ้นไม่ได้ แม้ว่าจะเปิดเครื่องปรับอากาศวันละยี่สิบสี่ชั่วโมงก็ไม่มีประโยชน์
ในแคนาดา บ้านที่หลังคาทำจากไม้ ประมาณทุกๆ 5 ปีจะต้องทำการซ่อมแซมครั้งหนึ่ง การซ่อมแซมแบบนี้ถือเป็นการซ่อมแซมครั้งใหญ่ มีของหลายอย่างที่จะต้องเปลี่ยนใหม่ แคนาดาพื้นที่กว้างแต่คนอาศัยน้อย นอกจากในใจกลางเมืองแล้ว ผู้คนส่วนมากมักอาศัยอยู่ในบ้านพักกันทั้งนั้น การเปลี่ยนครั้งหนึ่งจะต้องใช้สี่ห้าพันดอลลาร์แคนาดา เท่ากับเงินเดือนทั้งเดือนของคนธรรมดาได้หมดไปแล้ว
นอกเหนือจากนี้ ทุกๆ 25 ปียังต้องทำการเปลี่ยนหลังคาใหม่ทั้งหมดหนึ่งครั้ง การทำแบบนี้ราคาจะแพงกว่ามาก ถ้าไม่มีหลายหมื่นดอลลาร์แคนาดาก็ทำไม่ได้อย่างแน่นอน
ฉินสือโอวหารือกับพวกชาร์คว่า “มาซ่อมครั้งใหญ่กันดีไหม เปลี่ยนไปใช้เป็นกระเบื้องเคลือบที่นิยมใช้กันในปัจจุบันทั้งหมดเลย?”
ชาร์คส่ายหัวแล้วพูดว่า “อย่าเปลี่ยนเลยครับ บอส กระเบื้องเคลือบสวย แต่ว่าหนักเกินไป จะสร้างภาระใหญ่ให้กับกำแพงบ้านเอานะครับ อีกอย่างบนเกาะลมแรงหิมะก็แรง บวกกับน้ำหนักของกระเบื้องเคลือบอีก ทำให้บ้านได้รับภาระมากขึ้นไปอีก ดังนั้นใช้ไม้น่ะถือว่าดีมากแล้วครับ”
คุณปู่ฉินเป็นคนพิถีพิถัน ตอนที่ใช้ไม้มาสร้างหลังคาก็เลือกใช้เฮมล็อก
เฮมล็อกคือพืชประเภทที่สวยที่สุด และใช้งานได้หลากหลายที่สุดชนิดหนึ่งในตลาดอเมริกาเหนือ ในด้านความแข็งแรงเป็นรองแต่เพียงแค่กับต้นสนเหลืองเท่านั้น เหมาะแก่การนำมาจัดการกับปัญหาผุกร่อนได้ หลังจากนำมาเคลือบกันผุกร่อนแล้วจะทั้งสวยงามและทนทาน คุณสมบัติเทียบเท่าได้กับต้นซีดาร์แดงอเมริกาเหนือเลย
ต้นเฮมล็อกเหมาะที่จะนำมาใช้ทำเป็นหลังคามาก เพราะว่ามันมีความแข็งแรงที่สุดยอดมาก การบวมเมื่อร้อนและหดเมื่อหนาวก็น้อย แถมยังต้านการถูกแดดเผาจนดำได้ด้วย ต้องรู้ว่าวัสดุไม้แทบจะทุกชนิดเมื่อถูกแสงแดดส่องเป็นเวลานานแล้วล้วนกลายเป็นสีดำทั้งนั้น นี่เป็นความรู้ทั่วไป แต่เฮมล็อกสามารถคงสีที่ใหม่เหมือนเพิ่งตัดออกจากต้นมาได้แม้ว่าจะถูกแดดเผาเป็นเวลานาน ดังนั้นการนำมาทำเป็นหลังคาจึงสวยมาก
ไม้เฮมล็อกพวกนี้ผ่านการจัดการมาก่อนแล้ว ด้านนอกมีสีใสเคลือบอยู่ชั้นหนึ่ง เป็นสีที่ผสมผสานกันของน้ำยากันผุและเพิ่มความแข็งแรง เป็นน้ำยาที่สามารถเพิ่มความประสิทธิภาพในการป้องกันการผุกร่อนได้ และยังสามารถเพิ่มความแข็งแรงให้กับตัวไม้ได้อีกด้วย
นี่ก็คือหนึ่งในจุดเด่นของไม้เฮมล็อก พวกมันเด่นมากในด้านการเกาะตัว สามารถรับได้กับการทาสีและสารต่างๆ ทุกรูปแบบ
บนหลังคามีหลายชั้นที่ฉินสือโอวใช้ใม้เฮมล็อกซ่อมเสร็จแล้วก็เพิ่มไม้คาร์บอนเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง
ในปัจจุบัน หลังคาของบ้านพักในเขตชนบทที่ถึงแม้จะแผ่นไม้มาทำ แต่ก็ไม่ใช่ไม้เฮมล็อกแล้ว แต่เปลี่ยนมาใช้ไม้คาร์บอนแทน
ไม้คาร์บอนคือการใช้อุณหภูมิสูงทำให้ไม้อยู่ในสภาพที่เหมือนกับถ่าน ไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี และเนื่องจากความสามารถนี้ออกมาจากตัวมันเอง ทำให้ความทนทานต่อการผุกร่อนและลดแรงกระแทกดีกว่าเดิมมาก
นอกเหนือจากนี้ ไม้ที่ผ่านการทำให้เป็นคาร์บอนแล้วนั้น สีผิวภายนอกจะมีสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งดูไปแล้วเหมือนกับว่าสามารถดูดแสงอาทิตย์ได้อย่างไรอย่างนั้น สวยงามมาก
ไม้คาร์บอนมีปริมาณน้ำน้อย ไม่ดูดซับน้ำ วัสดุแข็งแรง ไม่เปลี่ยนรูป กันความร้อนได้ดี ดัดแปลงง่าย ทาสีสะดวก ไม่มีกลิ่น แถมยังสามารถกันผุกร่อน กันแมลงกิน กันการเปลี่ยนรูปจนแตกร้าวได้ ถือได้ว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของไม้สำหรับใช้กลางแจ้งเลย
นอกเหนือจากนี้ มันยังมีข้อดีอีกอย่างก็คือน้ำหนักเบา เพราะผ่านการทำให้เป็นคาร์บอนแล้ว ทำให้น้ำมันถูกรีดออกไปแล้วและไม่อมน้ำมัน ความหนาแน่นน้อยลงไปนิดหน่อย ทำให้การรับน้ำหนักของกำแพงและเสาของบ้านลดน้อยลงไปด้วย
…………………………………