ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1559 พวกเรากลับกันก่อน

บทที่ 1559 พวกเรากลับกันก่อน

โชคดีที่เครื่องปรับอากาศร้อนเย็นยังดีอยู่ ตัวเครื่องยังใช้งานได้ดี เครื่องคอมเพรสเซอร์ เครื่องทำความเย็น ระบบท่อ เครื่องไอน้ำ เครื่องยนต์หลักทั้งสี่ล้วนไม่มีปัญหา หลังจากเปลี่ยนน้ำยาทำความเย็นแล้ว ชาร์คบอกว่ายังสามารถใช้ได้อีกห้าปีถึงหกปีได้ไม่มีปัญหา

การเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศร้อนเย็นค่อนข้างง่าย แต่ฉินสือโอวไม่ได้เปลี่ยน ใช้ไปก่อนแล้วกัน อีกสักห้าหกปีค่อยว่ากัน

เมื่อต้องซ่อมท่อให้ความร้อนด้วย เขาจึงทำการสำรวจท่อดูรอบหนึ่ง ดูว่ามีความเสี่ยงที่จะอุดตันหรือรั่วบ้างไหม ผ่านฤดูหนาวไปแล้ว ท่อเย็นอาจจะแข็งจนแตกก็สามารถเป็นไปได้

เพราะอากาศที่หนาวเย็น ท่อลำเลียงของเกาะนิวฟันด์แลนด์จึงไม่เหมือนกับประเทศจีนที่เป็นท่อแบบชั้นเดี่ยว แต่มีทั้งหมดสองชั้น ชั้นนอกจะถูกทำให้เย็นจนร้าวหรือแตกก่อน เมื่อเป็นแบบนั้นแล้ว ท่อชั้นเดียวก็ยังสามารถใช้ต่อไปได้ เพียงแต่มีโอกาสที่จะเกิดการทำงานผิดพลาดได้เท่านั้น

ถ้าท่อลำเลียงน้ำเกิดการรั่วขึ้นมา สำหรับบ้านพักที่สร้างจากไม้แล้วก็คือปัญหาที่ใหญ่มาก แถมบ้านหลังนี้ยังเก่าขนาดนี้แล้วด้วย

นอกเหนือจากนี้ การที่น้ำรั่วไม่เพียงแต่ทำลายพื้นไม้และผนังเท่านั้น หากว่าเกิดซึมลงไปในพื้นดินแล้วล่ะก็ ยังสามารถทำลายรากฐานได้อีกด้วย

หลังจากตรวจเช็ครอบหนึ่งแล้วพบว่าท่อลำเลียงน้ำไม่มีปัญหาแตกหัก แต่ว่าการที่อุปกรณ์จะเก่านั้นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ ข้อต่อหลายๆ จุดที่ยังใช้ข้อต่อเหล็กแบบเก่าอยู่ พอเปิดออกดูเท่านั้นก็พบว่าข้างในเต็มไปด้วยสนิม

ที่แบบนี้ทำให้เกิดแบคทีเรียได้ง่าย ฉินสือโอวมองไปที่ท่อหม้อไอน้ำ แล้วกัดฟันบอกว่าเปลี่ยนไปเลยทีเดียวแล้วกัน เปลี่ยนท่อน้ำไปด้วย ทำการซ่อมแซมครั้งใหญ่ไปเลย

เมื่อเห็นแบบนี้ แม้แต่ชาร์คเองก็ส่ายหัวด้วย “บอสครับ ไม่ก็คุณสร้างบ้านพักใหม่ไปเลยดีกว่านะครับ”

วิลหัวเราะแล้วพูดว่า “ผมช่วยคุณเอง”

“ลดให้ได้ไหม?” ฉินสือโอวถาม

วิลพูดว่า “แน่นอน ลดให้แบบเข้ากระดูกเลย”

“ฟัคยู!” ฉินสือโอวชูนิ้วกลางขึ้นมา ในเมื่อเขาตัดสินใจที่จะซ่อมแซมบ้านพักแล้ว ก็จะไม่สร้างหลังใหม่แน่นอน บ้านพักหลังนี้ก็อยู่สบายดี

บ้านพักถูกตรวจตราตั้งแต่ข้างในไปข้างนอกรอบหนึ่ง จุดที่ควรจะซ่อมก็ซ่อม จุดที่ควรจะบำรุงก็บำรุง จุดที่ควรจะเปลี่ยนก็เปลี่ยน วันที่สองเขาก็พาคนไปตัดแต่งสนามหญ้า บำรุงรักษาต้นเมเปิลในสวน แล้วก็ถือโอกาสเก็บน้ำเชื่อมเมเปิลออกมาด้วย

ฟาร์มปลามีสนามหญ้าผืนใหญ่มาก เพราะฉินสือโอวอยากจะให้มันออกมาสวยงาม ตอนที่หว่านเมล็ดพันธุ์หญ้าลงไปนั้น ขอแค่เป็นที่โล่งเขาก็โปรยเมล็ดหญ้าลงไป สุดท้ายกลายเป็นว่าฟาร์มปลามีสนามหญ้ามากเกินไป จุดที่ต้องตัดแต่งก็มีมากเกินไป จนแทบจะต้องตัดแต่งทุกวัน

ไม่มีทางเลือก ฉินสือโอวไม่สนใจสนามหญ้าของฟาร์มปลาอื่นๆ แล้ว ขอแค่ดูแลสนามหญ้าที่อยู่ในเขตพื้นที่ของฟาร์มปลาต้าฉินก็ได้แล้ว ส่วนที่อื่นๆ น่ะขอแค่มองไม่เห็นก็ไม่คิดมากแล้ว

อีกอย่าง สนามหญ้าพวกนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์ ฟาร์มปลาเลี้ยงไก่เป็ดห่านไว้ฝูงหนึ่ง แล้วก็ยังมีวัวกวางแพะหมูป่าอีก พวกมันถ้าไม่กินหญ้าก็กินแมลงที่อยู่ในหญ้า สรุปก็คือยังมีประโยชน์อยู่

ฉินสือโอวต้องขอบคุณที่ที่เขาอยู่นั้นเป็นฟาร์มปลาบนเกาะในทะเลอันไกลโพ้น หากว่าอยู่ในเขตนอกเมืองของเมืองใหญ่แล้วล่ะก็ การที่สนามหญ้าในฟาร์มปลาของเขาเละเทะแบบนี้ จะต้องซวยแน่

รัฐบาลแคนาดาได้ทำการตั้งกฎหมายเกี่ยวกับการจัดการสนามหญ้าด้วย สนามหญ้าของบ้านพักแบ่งเป็นสนามหญ้าด้านหน้ากับด้านหลัง สนามด้านหน้าเป็นส่วนที่คนข้างนอกสามารถมองเห็นได้ ดังนั้นกฎหมายจึงกำหนดว่าจะต้องทำการตัดแต่งสนามหญ้าให้สวยสะอาดตลอดเวลา ไม่อย่างนั้นแล้วทางรัฐบาลไม่ก็เจ้าหน้าที่ที่ดูแลเขตนั้นๆ จะทำการปรับเงิน

ถึงแม้จะไม่มีคนมาตรวจ แต่สนามหญ้าของฟาร์มปลาต้าฉินก็ต้องทำการตัดแต่ง ไม่เพียงแต่เพื่อความสวยงามเท่านั้น แต่หากมีวัชพืชหรือหญ้าโตสูงเกินไปแล้วล่ะก็ จะทำให้เป็นที่อยู่ของแมลงทั้งหลายได้

ดังนั้น วันที่สองฉินสือโอวจึงได้ยืมรถตัดหญ้ามาอีกหลายคัน ให้เหล่าวัยรุ่นคนละคัน ขับตามคู่สามีภรรยาจอร์จไปทั่วฟาร์มปลา เพื่อตัดให้ทั่วสนามหญ้า

สนามหญ้ารอบๆ บ้านพักทำการตัดทุกอาทิตย์ แต่บริเวณฟาร์มปลาจะทำการตัดเพียงแค่เดือนละครั้ง

เหล่าวัยรุ่นตัดหญ้า ส่วนฉินสือโอวก็พาคนมาตัดต้นเมเปิลและต้นจำพวกตระกูลพอปพูลัสที่อยู่รอบๆ บ้านพัก

ต้นเมเปิลและต้นตระกูลพอปพูลัสจะออกผลทุกปี เมื่อผลหล่นลงมา พอฤดูใบไม้ผลิก็จะแตกหน่อออกมาเป็นต้นกล้า สิ่งที่พวกของฉินสือโอวต้องทำก็คือทำการขุดต้นพวกนี้ออกมาย้ายไปปลูกที่อื่นไม่ก็ทิ้งไป

ฉินสือโอวอยากจะปลูกต้นไม้ล้อมรอบบ้านพัก ชาร์คส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ ไม่ครับ บอส ทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาดนะครับ จะปลูกต้นไม้ก็ต้องปลูกทีละต้น เพราะว่าการบำรุงรักษานั้นต้องลงแรงมากเลย บนเกาะลมทะเลแรงมาก บางทีในฤดูหนาวก็เกิดภัยหิมะอีก ตอนที่เกิดลมแรง หิมะใหญ่นั้น หากว่าต้นไม้พวกนี้ยังไม่โตแล้วล่ะก็ สามารถถูกดึงออกมาไม่ก็ถูกทับจนตายได้”

หลังกวาดสายตาดูไปรอบหนึ่งแล้ว ฉินสือโอวจึงนำเอาต้นกล้าพวกนี้ย้ายไปปลูกข้างๆ ป่าไม้ของฟาร์มปลาแทน ให้ต้นไม้ยื่นออกไปทางตะวันตก

เออร์บักมองเห็นฉากนี้แล้วก็หัวเราะออกมา พูดว่า “ฉิน นายกับคุณปู่นี่ช่างใจตรงกันเสียจริง รู้ไหมว่าป่าผืนนั้นมีความเป็นมาอย่างไร? นั่นน่ะล้วนเป็นปู่ฉินปลูกขึ้นมาทั้งนั้นเลย!”

ฉินสือโอวหัวเราะแล้วพูดว่า “จริงเหรอครับ? งั้นดีเลย ในช่วงที่มีชีวิตอยู่ผมจะต้องทำการขยายป่าไม้นี้ไปถึงขอบของฟาร์มปลาให้ได้!”

นอกจากต้องย้ายต้นกล้าแล้ว ยังต้องตัดแต่งกิ่งของต้นไม้ใหญ่อีก กิ่งไม้ที่เติบโตมากและไม่ถูกตัดแต่งให้ดี ก็สามารถถูกลมพายุพัดให้หักได้ง่ายด้วยเช่นกัน ดังนั้นต้นเมเปิลของฟาร์มปลาจึงมีเพียงกิ่งก้านใหญ่ไม่กี่ก้านเท่านั้น ส่วนอื่นๆ ล้วนถูกตัดออกไปหมด

ตอนที่ตัดแต่งกิ่งก้านนั้น ฉินสือโอวเอาท่อเสียบเข้าไปในส่วนลำต้นและก้านที่ใหญ่ด้วย เสี่ยวหมิงพาสนมทั้งหกมาดูเขาเสียบท่ออยู่บนกิ่งไม้อย่างประหลาดใจ จนถึงตอนที่ในท่อมีน้ำเชื่อมเมเปิลไหลออกมาข้างนอกเท่านั้น มันก็จะพาสนมรุดไปด้านหน้าฉินสือโอวเพื่อชิมน้ำเชื่อมเมเปิลที่สดใหม่พวกนี้

หลังจากดื่มหมดแล้ว เสี่ยวหมิงก็กระโดดขึ้นขี่ไปบนตัวหนึ่งในสนม ฉินสือโอวเห็นแล้วก็ถ่ายรูปไว้ เขาโพสต์รูปไปในไทม์ไลน์ แล้วบอกเพื่อนๆ ว่า พวกนายบอกว่าฉันเป็นผู้ชนะแห่งชีวิตไม่ใช่เหรอ? ไม่ เสี่ยวหมิงต่างหากที่ใช่

ฉินสือโอวพาคนมาเก็บน้ำเชื่อมเมเปิลไป ส่วนซีมอนสเตอร์กับบูลก็พาคนมาจัดการรากของต้นไม้

ต้นเมเปิลเติบโตได้ไวมาก รากได้ขยายไปบนพื้นไม่หยุด จนยึดโลกใต้ดินของพื้นที่นี้ไปแล้ว จะให้มันเลื้อยไปถึงใต้พื้นของที่พักไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะต้องทำสร้างความเสียหายให้รากฐานและส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของบ้านพักได้

ยุ่งกันมากว่าสองวันครึ่ง ฉินสือโอวจึงจะจัดการงานของฟาร์มปลาหมด ส่วนงานที่เกี่ยวกับการบูรณะบ้านพักเพิ่งจะเริ่ม บริษัทหม้อไอน้ำและท่อประปาได้ส่งคนงานมา เพื่อเริ่มการซ่อมแซมครั้งใหญ่ให้บ้านพัก

เมื่อเป็นแบบนี้ คนทั้งบ้านจึงต้องพากันไปพักในเมืองแทนแล้ว

เหล่าวัยรุ่นบอกว่าไม่ต้องก็ได้ เชอร์ลี่ย์ชี้ไปที่บาร์เครื่องดื่มแล้วพูดว่า “พวกเราสามารถพักในนี้ก่อนได้ค่ะ อย่างไรเสียตอนนี้ก็ไม่ได้หนาวแล้ว”

ฉินสือโอวกับวินนี่ก็มีที่พักแล้ว ก่อนหน้านี้พวกบิลลี่ได้ให้บ้านทรงไข่แก่พวกเขามาหลังหนึ่ง เจ้าของแบบนี้แม้ไม่ใช่ของที่สามารถอยู่ถาวรได้ แต่การพักอยู่ข้างในไม่กี่วันนั้นไม่มีปัญหา

นีลเซ็นสามารถไปพักที่อพาร์ตเมนต์ชาวประมงได้ เออร์บักเลือกที่จะไปขอพักในร้านของคุณลุงฮิคสัน เท่านี้คนที่ต้องจัดสรรที่พักให้ก็คือพ่อและแม่ของฉินสือโอว

พ่อของฉินสือโอวมาหาฉินสือโอวแล้วพูดว่า “เสี่ยวโอว พ่อกับแม่ของลูกหารือกันแล้ว คิดว่าจะกลับประเทศสองวันนี้แหละ เท่านี้ก็ไม่ต้องไปหาที่พักแล้ว อย่างไรเสียสองวันนี้ก็ซ่อมไปไม่ถึงชั้นบนหรอก พวกเราพักอยู่ด้านบนก็ได้แล้วใช่ไหมเหรอ?”

เมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ร้อนรนขึ้นมา พูดว่า “พ่อครับ พ่อพูดอะไรเนี่ย ตอนนี้จะกลับไปทำไมครับ? รอหน้าร้อนสิครับ ไม่ใช่คุยกันว่าจะกลับหน้าร้อนเหรอครับ?”

ที่เขาคิดได้เป็นเรื่องแรกก็คือเพราะปัญหาเรื่องการเลี้ยงเด็กก่อนหน้านี้ วินนี่กับพ่อแม่มีเรื่องกันนิดหน่อย ทำให้ท่านทั้งสองเก็บไว้ในใจ ถ้าหากว่าเป็นเพราะเรื่องนี้ งั้นเขาไม่ยอมให้พ่อกับแม่กลับไปแน่ เขาไม่สามารถให้พ่อกับแม่พาเอาความน้อยใจกลับบ้านไปด้วย!

………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท