ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1556 การซ่อมแซมในฤดูใบไม้ผลิ

บทที่ 1556 การซ่อมแซมในฤดูใบไม้ผลิ

เมื่ออันเดร์มาถึง สวนดอกไม้ก็สามารถเริ่มงานได้แล้ว ทีมก่อสร้างของวิลได้ขับรถยก รถปั้นจั่น รถขุดตามมา รถปีศาจเหล็กคันแล้วคันเล่าได้ขับเข้าไปในฟาร์มปลา

การสร้างสวนดอกไม้จำเป็นต้องใช้เครื่องมือทุกรูปแบบ ถือโอกาสที่อุปกรณ์ครบมือแบบนี้ ฉินสือโอวจึงซื้อของจำพวกสีอะคริลิกและสีกันสนิมมาด้วย เพื่อจะทำการซ่อมแซมบ้านพักเสียใหม่

บ้านพักในฟาร์มปลานั้นเป็นบ้านเก่าแล้ว น่าจะมีอายุกว่าสี่ห้าสิบปีได้ ดีที่ตอนนั้นคุณปู่ฉินใช้แต่วัสดุที่คุณภาพดี ไม่ได้เลือกใช้ของลวกๆ ไม่อย่างนั้นฉินสือโอวคงต้องเปลี่ยนไปอยู่บ้านหลังใหม่แทนแล้ว

ความจริงกับสภาพทางการเงินของท่านชายฉินในตอนนี้ จะสร้างบ้านพักที่ทันสมัยหลังหนึ่งนั้นง่ายราวกับปอกกล้วย แต่บ้านพักหลังนี้ นอกจากว่าดูแก่ไปหน่อย แต่วัสดุที่ใช้นั้นทนทานมาก แถมจนถึงทุกวันนี้บ้านก็ยังคงแข็งแรงดีอยู่ด้วย ไม่ว่าจะลมพัดฝนตกหรือว่าหิมะตก ก็ไม่ได้รับผลกระทบอะไรเลย

ดังนั้น เขาจึงไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนบ้านใหม่ แต่ว่าตามลักษณะนิสัยของคนแคนาดาแล้ว ฤดูใบไม้ผลิของทุกปีจะต้องทำการบูรณะบ้านใหม่อย่างง่ายๆ รอบหนึ่ง ถือว่าเป็นการบำรุงรักษาบ้าน สามารถยืดอายุการใช้งานของบ้านได้

ฉินสือโอวอยู่มาสี่ปีแล้ว ยังไม่ได้บำรุงรักษาบ้านมาก่อนเลย มีบางจุดที่เสียหายไปแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องบูรณะแล้วจริงๆ

จุดนี้พวกชาวประมงถนัดมาก พวกเขาล้วนอาศัยอยู่ในบ้านเก่ากันทั้งนั้น เป็นบ้านที่พ่อแม่ทวดเหลือไว้ให้ จะต้องทำการบูรณะทุกปี ดังนั้นแต่ละคนจึงเป็นมือดีทั้งนั้น หลังจากฉินสือโอวบอกความคิดนี้ออกไปแล้ว พวกเขาก็แสดงออกว่าไม่มีปัญหา จะมาช่วยเหลือแน่นอน

เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม ฉินสือโอวก็เหมือนกับผู้ชายที่เป็นเสาหลักครอบครัวคนอื่นๆ ในแคนาดา ก็คุ้นเคยกับการลงมือทำงานฝีมือเองเช่นกัน อีกอย่างบ้านเขายังมีวัยรุ่นอีกตั้งห้าคน ที่จะต้องฝึกทักษะในการทำงานฝีมือให้พวกเขา ดังนั้นเขาจึงได้เตรียมเครื่องมือมาครบชุดๆ หนึ่ง

หาวันหยุดสุดสัปดาห์มาวันหนึ่ง ฉินสือโอวบอกล่วงหน้าหนึ่งวันว่าจะแจกจ่ายงานให้ ถามเหล่านักล่ารางวัลว่าสนใจกันไหม

วินนี่เริ่มลดค่าขนมให้เด็กชายทั้งสี่คน นอกจากเชอร์ลี่ย์แล้ว คนอื่นๆ จะได้รับเงินค่าขนมกันแค่วันละสิบเหรียญเท่านั้น เพียงพอแค่นำไปซื้อเครื่องดื่มหลังออกกำลังกายเท่านั้น ทำให้เมื่อเห็นว่ามีโอกาสสำหรับหาเงินได้เพิ่มแล้ว พวกเขาจึงไม่ปล่อยไปเด็ดขาด

กอร์ดอนถามว่าให้เงินเท่าไร ฉินสือโอวบอกว่ารายได้ต่อชั่วโมงคือ 15 เหรียญ ในการตามเขาไปซ่อมบ้าน

เหล่าเด็กวัยรุ่นดีใจขึ้นมาในทันที รายได้เท่านี้ไม่ถือว่าต่ำแล้ว วันหนึ่งทำงานแปดชั่วโมง งั้นก็คือหนึ่งร้อยยี่สิบดอลลาร์แคนาดา สองวันก็จะได้สองร้อยกว่าเหรียญ เพียงพอให้พวกเขานำไปจับจ่ายได้ช่วงหนึ่งแล้ว

ฉินสือโอวก็ดีใจเหมือนกัน เขาได้ประหยัดเงินด้วย หากว่าไปหาคนข้างนอกมาซ่อมบ้าน งั้นค่าจ้างต่อชั่วโมงก็ต้องเริ่มต้นที่สี่สิบดอลลาร์แคนาดา ช่างซ่อมบ้านเป็นอาชีพที่ได้รับความนิยมในแคนาดา ซี่งรวมไปถึงช่างท่อประปา ช่างกุญแจ และช่างทาสี และงานจำพวกติดตั้ง เดินสายไฟฟ้า ซ่อมแซมทั้งในและนอกอาคารงานกำแพงบ้านรวมไปถึงซ่อมห้องน้ำหรือน้ำรั่ว ก็ล้วนมีรายได้สูงกันทั้งนั้น

งานซ่อมบูรณะบ้านนั้นเป็นงานที่ต้องใช้แรง ถือเป็นคนงานปกสีน้ำเงิน แต่ว่าต้องพึ่งทักษะพิเศษ แถมบางงานยังต้องมีใบรับรองอีกด้วย และยังต้องมีความรู้เกี่ยวกับกฎหมายเกี่ยวกับการต่อเติมบ้านด้วย เนื่องจากเป็นอาชีพที่มีมาตรฐานค่อนข้างสูง จะเรียกค่าใช้จ่ายสูงก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้

ดังนั้น ในครอบครัวปกติทั่วไป เจ้าของบ้านทั้งชายหญิงจึงเป็นงานฝีมือกันหมด หากว่าไม่ว่าเรื่องอะไรก็ต้องพึ่งการจ่ายเงินแล้วล่ะก็ แม้จะเป็นเศรษฐีทั่วไปในแคนาดาก็ใช้ชีวิตยากเช่นกัน

ฉินสือโอวไม่เพียงแต่จะประหยัดเงิน เขายังอยากจะเป็นนักลงทุนที่ใจดำอีกด้วย จึงพูดว่า “งานซ่อมบูรณะบ้านเป็นงานที่ต้องพึ่งฝีมือด้วย พวกนายไม่เคยทำมาก่อน ดังนั้นฉันจึงต้องหาคนมาสอนพวกนาย นี่น่ะต้องให้ค่าเรียนด้วยเข้าใจไหม? คนละห้าสิบดอลลาร์แคนาดา ห้ามต่อราคา!”

กอร์ดอนกำลังจะพูดอะไร เมื่อได้ยินประโยคสุดท้ายของเขาแล้วก็หุบปากลงอย่างเศร้าสร้อย

วินนี่ที่ฟังอยู่ข้างๆ จึงถอนหายใจไปเฮือกใหญ่ ช่างโหดเหี้ยมเสียจริง

ไวส์ยกมือเหมือนกับเด็กดีคนหนึ่งว่า “ไม่ครับ ฉิน พวกเราไม่ต้องให้คุณหาคนมาสอนหรอก แค่นี้พวกผมก็ไม่ต้องควักเงินจ่ายแล้วใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวบอกว่า “งั้นในกลุ่มพวกนายมีใครซ่อมบ้านเป็นบ้าง?”

ไวส์พูดอย่างหนักแน่นว่า “พวกเราสามารถหาคนสอนได้ครับ”

พวกของกอร์ดอนก็ยิ้มออกมาด้วย พวกเขานึกถึงพวกชาวประมง ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ล้วนเป็นช่างฝีมือดีในด้านนี้

เสียดายที่ฉินสือโอวไม่มีทางเหลือช่องว่างที่ใหญ่ขนาดนี้ให้พวกเขาหลุดไปได้หรอก จึงพูดว่า “อย่าคาดหวังกับพวกชาวประมง พรุ่งนี้ไม่ใช่วันหยุดของพวกเขา ดังนั้นถ้าพวกเขาจะมาสอนพวกนาย ก็เท่ากับขาดงาน”

“ไม่!” มิเชลร้องอย่างโศกเศร้า

ไวส์ยังคงเต็มไปด้วยสีหน้าแน่นิ่ง บอกว่าไม่พึ่งพวกชาวประมง พวกเขาสามารถหาคนมาช่วยได้

เมื่อเป็นแบบนี้ฉินสือโอวเลยหมดคำจะพูดขึ้นมา เขาแปลกใจว่าทำไมไวส์ถึงแน่นิ่งขนาดนี้ เด็กวัยรุ่นพวกนี้นอกจากพวกชาวประมงแล้ว จะไปหาใครมาช่วยได้อีก?

ตอนบ่าย เครื่องบินลำหนึ่งได้ลงจอดที่ฟาร์มปลา คู่สามีภรรยาจอร์จได้เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม ฉินสือโอวใจหายไปเฮือกหนึ่ง พูดว่า “ให้ตายสิ ไวส์ เพื่อที่จะประหยัดเงินห้าสิบเหรียญ นายถึงขั้นเรียกพ่อกับแม่มาเลยเหรอ?”

ไวส์พูดอย่างดีใจว่า “ไม่ใช่สักหน่อยครับ พวกเขาจะมาเยี่ยมผม พอดีเลยสามารถมาช่วยซ่อมบ้านได้ด้วย แล้วก็นะ ฉิน ค่าแรงของพวกเขาผมเป็นคนจ่าย พวกเขาเป็นคนที่ผมหามา คุณจ่ายเงินให้ผม เดี๋ยวผมเอาไปจ่ายให้กับพวกเขาเอง”

วินนี่มองไปที่ฉินสือโอวทีหนึ่ง แล้วทอดถอนใจออกมาว่า “คุณดูคุณสิ นี่น่ะเป็นนักธุรกิจใจคดตัวน้อยที่คุณสอนออกมา!”

คู่สามีภรรยาจอร์จเข้ามาสวมกอดฉินสือโอว ทุกครั้งที่มาพวกเขาล้วนนำของขวัญจำนวนมากมาด้วยเสมอ มีให้ตั้งแต่เออร์บัก พ่อแม่ของฉินสือโอวจนถึงหู่จือกับเป้าจือ ล้วนมีของขวัญกันทั้งนั้น รวมไปถึงเหล่าชาวประมงเองก็มีด้วยเช่นกัน

ดังนั้นคู่สามีภรรยาจอร์จจึงเป็นที่ต้อนรับของฟาร์มปลาเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นพวกเขามาถึงเหล่าชาวประมงก็พากันโบกมือเพื่อทักทาย

คู่สามีภรรยาจอร์จงานยุ่งมาก ตอนนี้เศรษฐกิจของทั่วโลกไม่ค่อยดี ธุรกิจเหล็กกล้าก็ด้วยเช่นกัน พวกเขาไม่ค่อยมีโอกาสมาเยี่ยมไวส์เท่าไร ดังนั้นฉินสือโอวจึงตัดสินใจไม่ให้ไวส์ทำงานแล้วให้พวกเขาไปเที่ยวกันทั้งครอบครัวแทน

จอร์จได้ยินแล้วก็บอกว่า “ไม่เป็นไรครับ ฉิน เมื่อคืนไวส์ได้พูดในโทรศัพท์แล้ว พวกเรามากันในวันนี้ก็เพื่อมาเป็นครูให้กับพวกเด็กๆ นะครับ ฮ่าๆๆ ผมเองก็ไม่เคยเป็นครูแบบนี้มาก่อนเลย แต่ทว่าจะต้องมีความหมายมากอย่างแน่นอนเลย”

วิเวียนบอกว่า “แน่นอนว่า การมาทำงานเล็กๆ น้อยกับลูก จะต้องมีความหมายกว่าพาเขาไปเที่ยวข้างนอกแน่นอนค่ะ แต่ว่าฉินคะ ค่าจ้างของพวกเราคือเท่าไรคะ?”

ฉินสือโอวปัดมือออก พูดอย่างหมดทางเลือกว่า “ผมไม่สามารถจ่ายค่าแรงให้พวกคุณได้หรอกนะครับ ค่าแรงรายชั่วโมงของพวกคุณน่าจะต้องหนึ่งล้านดอลลาร์สหรัฐเลยหรือเปล่าครับ? บ้านพักของผมยังไม่มีค่าเท่านี้เลย!”

ไวส์บอกว่า “คุยกันแล้วว่า 15 ดอลลาร์แคนาดานี่!”

จอร์จเคาะไปที่หัวลูกชายทีหนึ่ง หัวเราะแล้วพูดว่า “เด็กโง่ แม่ของลูกกำลังจะเจรจาค่าจ้างที่ดีกว่าให้นะ ช่างเป็นทีมที่โง่จริงๆ เลย”

ระหว่างพูดคุยหัวเราะกันอยู่ ฉินสือโอวก็เปิดโรงรถที่อยู่เยื้องกับบ้านพักออกหนึ่งห้อง โรงรถห้องนี้ว่างไว้ตลอด เพราะรถล้วนจอดอยู่บนสนามหญ้าไม่ก็ลานบิน ตอนนี้โรงรถนี้ได้ถูกปรับเปลี่ยนให้กลายเป็นห้องเก็บเครื่องมือไปแล้ว

ทั้งสองด้านของโรงรถได้ตั้งแผงไม้ไว้สองแผง บนนั้นมีกล่องเครื่องมือหลากหลายชนิดวางอยู่ มีทั้งประแจ สว่าน เครื่องตัดเหล็ก ชะแลง และสายรัด ท่อและข้อต่อท่อทุกประเภท มากมายละลานตาไปหมด

นอกเหนือจากนี้ ที่สะดุดตามากที่สุดก็คือแท่นเลื่อยไม้กับเครื่องเคลือบที่ตั้งอยู่ในนั้น นี่คือของที่คุณปู่ฉินเหลือไว้ เป็นของเก่าชิ้นหนึ่ง ก่อนหน้านี้เพราะมันเสียแล้วจึงไม่ได้ถูกธนาคารเก็บไป หลังจากนั้นพอฉินสือโอวมาแล้ว ก็ให้ซีมอนสเตอร์ซ่อมแซมมันไปทีหนึ่ง ทำให้เครื่องสามารถกลับมาใช้งานได้อีก

เครื่องมือเล็กๆ พวกนั้นเป็นของที่เขาทยอยใส่เข้าไปเอง ไม่ใช่เอาไว้ซ่อมแซมบ้าน แต่เอาไว้บูรณะเรือหาปลา

ฉินสือโอวนำชุดทำงานที่เตรียมไว้แล้วให้พวกเขาเปลี่ยน แล้วก็หน้ากากอีกคนละอัน เพราะอีกสักพักจะต้องทาสีอะไรพวกนี้ด้วย เพื่อป้องกันสีกระเด็นเข้าไปในปากหรือรูจมูก

เมื่อเห็นพวกเขาแต่งองค์ทรงเครื่องกันออกมาทำงาน ทันใดนั้นหู่จือกับเป้าจือก็ร้องอาวๆ ออกมา

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน