เพียงเท่านี้ การต่อสู้ระหว่างสองพี่น้องหู่จือและเป้าจือก็เริ่มขึ้น
อันดับแรก เป้าจือพุุ่งตัวเข้าใส่หู่จือราวกับเสือผู้หิวโหย จากนั้นหู่จือก็เตะเป้าจือกลับราวกับกระต่ายที่เตะนกอินทรี
หลังจากที่ลุกขึ้นมาได้ หู่จือก็พุ่งเข้ามาราวกับงูขาว มันพุ่งตัวเอาหัวโหม่งเข้ากับหัวของเป้าจือ เป้าจือขยับตัวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีก่อน จากนั้นมันก็สะบัดหาง แล้วม้วนตัวใช้เท้าหลังเตะเข้าไปที่หู่จือ
หู่จือโมโหเป็นอย่างมาก มันใช้เคล็บลับของนกกระเรียนสีขาว โดยการวิ่งไปที่ด้านหน้าของเป้าจือจากนั้นก็ใช้อุ้งเท้าตบเข้าที่หัวของเป้าจืออย่างแรง หมัดชุดราชาแปดกระบวนท่านี้มีจังหวะที่รวดเร็วมาก เป้าจือถูกตีจนไม่สามารถลืมตาได้ แต่มันก็ยังมีจิตวิญญาณในการต่อสู้ แต่ประสบการณ์การต่อสู้มากมาย เมื่อได้โอกาสเป้าจือก็ใช้เท้าแหวกหน้าอกของหู่จือ เมื่อหน้าอกของหู่จือถูกเปิดออก มันก็ใช้หัวของตัวเองพุ่งเข้าชน
นี่เป็นการใช้ประโยชน์จากการป่วยในการฆ่าอีกฝ่าย เห็นได้ชัดว่าเป้าจือนั้นมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ข้างถนนเป็นอย่างมาก มันใช้จังหวะนี้ในการพุ่งเข้าชนอีกครั้ง มันอ้าปากก้มลงเพื่อที่จะกัดที่คอของหู่จือ มันอยากจะกดหู่จือให้จม
หู่จือไม่ยอมที่จะยอมแพ้ มันกางเล็บทั้งสองข้างออกและข่วนเข้าที่ใบหน้าของเป้าจือ กระบวนท่านี้เรียกว่ามังกรไล่ลูกกวาด ท่านี้มีความรุนแรงมาก เป้าจือถูกข่วนเข้าที่มุมปากอย่างไม่ทันตั้งตัว ในที่สุดมันก็เจ็บจนต้องถอยหลังไป
จากนั้นหู่จือก็กระโดดตัวขึ้น หู่จือยังคงต่อสู้ต่อไป ไม่ว่าจะเป็นท่างมพระอาทิตย์ใต้มหาสมุทร ลิงขโมยลูกท้อ นางฟ้ากังฟู ฝ่าเท้าฮ่องกงไร้พ่าย กำปั้นสะท้านฟ้า กระบวนท่ากังฟูถูกนำออกมาใช้ทั้งหมด
ฉินสือโอวมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้นะ? ทั้งสองตัวที่รักใคร่ราวกับพี่น้องทำไมถึงได้ทะเลาะกันได้ล่ะ? ตอนแรกเขาคิดว่าพวกมันแค่เล่นกัน แต่ปรากฏว่า พวกมันทะเลาะกันจริงๆ!
หลังจากที่เขาสังเกตแล้ว หู่จือเก่งในการใช้หมัดและกรงเล็บ เช่นท่าอินทรีข่วน ท่ามังกรรีดนม ซึ่งท่าพวกนี้ทำให้เป้าจือกลายเป็นเหยื่อ เป้าจือก็ไม่ยอมน้อยหน้า การต่อสู้กับแบบกะทันหันและการหลบหลีกของมันนั้นดีมาก มันสามารถหาทางออกแม้แต่ในสถานการณ์ที่น่าสิ้นหวังได้เสมอ เรียกได้ว่าได้รางวัลการโจมตีพิเศษไปเลยสองร้อยเปอร์เซ็นต์
แม่งเอ๊ย นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ฉินสือโอวส่ายหัวไปมาด้วยความเหนื่อยหน่าย เขาวิ่งเข้าไปและตะโกนให้หู่จือและเป้าจือแยกออกจากกัน พวกมันทั้งสองตัวยังคงแยกเขี้ยวให้กัน ท่าทางไม่รักกันเลยแม้แต่น้อย
ฉินสือโอวลากพวกมันกลับมา พวกมันไม่อยากวางมือ พวกมันจ้องมองตากันและกัน ด้วยเหตุนี้ท่านชายฉินจึงโมโหออกมา เขาตะโกนออกมาว่า “นี่มันเรื่องอะไรกัน? เป็นพี่น้องกันทำไมถึงทะเลาะกัน?”
เมื่อถูกฉินสือโอวดุ พวกมันทั้งสองตัวก็เชื่อฟังขึ้นมา พวกมันก้มหัวอย่างไม่เต็มใจ แกล้งทำเป็นฟังคำสอนของเขา ทั้งที่ที่จริงแล้วพวกมันยังคงแอบเขม่นกันอยู่เงียบๆ
ฉินสือโอวไม่อยากจะเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากที่ดุพวกมันแล้วเห็นว่าพวกมันรู้สึกสำนึกผิดแล้ว จึงปล่อยพวกมันไป
ต่อมา หู่จือและเป้าจือก็วิ่งไปหาเสี่ยวหลัวปอ พวกมันทั้งสองตัววิ่งลิ้นห้อยไปอยู่ด้านหน้าหลัวปอราวกับเป็นสุนัขพันธุ์ปักกิ่ง จากนั้นก็มองไปยังหลัวปอด้วยสายตารังเกียจ
เสี่ยวหลัวปอมองดูทั้งสองตัวนั้นด้วยสายตาพินิจพิเคราะห์แล้วค่อยๆ เดินถอยหลังออกมา แต่แลบราดอร์ทั้งสองยังคงเดินตามมันมา หมดความอดทนแล้ว เสี่ยวหลัวปอเดินเข้าไปด้านหน้าหู่จือแล้วแลบลิ้นออกไปเลียหน้าของหู่จือ
หู่จือแสยะยิ้มออกมาแทบจะถึงด้านหลัง เป้าจือไม่พอใจเป็นอย่างมาก มันร้องคำรามใส่หู่จือด้วยความไม่พอใจ ราวกับหมาป่าผู้หิวโหยแกะก็ไม่ปาน…
เพราะแบบนี้ฉินสือโอวจึงเข้าใจขึ้นมาในทันที แลบราดอร์กำลังแข่งกันเพื่อแย่งชิงหลัวปอ พวกมันไม่ได้ต่อสู้เพราะเรื่องของตัวเอง แต่พวกมันต่อสู้เพื่อที่จะตัดสินใจว่าใครจะได้ครอบครองเสี่ยวหลัวปอ!
หมาป่าขาวตัวนี้อายุหนึ่งขวบครึ่งแล้ว แม้ว่าในสายตาของฉินสือโอวและวินนี่พวกมันจะเป็นเด็ก แต่อันที่จริงแล้วในมุมของหมาป่าขาว อายุเท่านี้เท่ากับเป็นสาววัยสะพรั่งแล้ว ร่างกายของมันอาจจะมีกลิ่นหอมแห่งการเชิญชวน ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้หู่จือและเป้าจือตื่นเต้น และเป็นที่มาของการต่อสู้อย่างดื้อรั้นของสองพี่น้อง…
อันที่จริงแล้วมันเป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดมาก ฉินสือโอวสามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนในฐานะผู้สังเกตการณ์ หมาป่าขาวไม่ได้สนใจหู่จือและเป้าจือเลยสักนิด ความต้องการครั้งแรกของตัวเมียนั้นไม่ได้รุนแรงมากนัก และสิ่งที่ดีที่สุดคืออย่าไปจับคู่พวกมัน แบบนี้ก็สามารถป้องกันการผสมพันธุ์ได้
ดังนั้นหมาป่าขาวตัวนี้จึงไม่ได้มีอะไรผิดปกติ และหู่จือและเป้าก็ไม่ได้ทำตัวรุ่มร่าม เหมือนว่าเจ้าแลบราดอร์ทั้งสองตัวนี้จะไปก่อกวนเสี่ยวหลัวปอเสียมากกว่า เสี่ยวหลัวปอนั้นฉลาด มันรู้วิธีที่จะยั่วโมโหสองหนุ่มนี้ดีทีเดียว
บางครั้งมันก็เข้าไปใกล้หู่จือและบางทีก็เข้าใกล้เป้าจือ หนุ่มๆ ทั้งสองจึงคิดว่าหลัวปอเป็นของตัวเอง พวกมันจึงเริ่มต่อสู้กันไม่หยุด จึงไม่แปลกเลยที่บีบีซวงจะบอกว่าช่วงนี้หู่จือและเป้าจือมีท่าทีขุ่นเคืองใส่กัน
เมื่อดูท่าทีของหมาป่าขาวกับแลบราดอร์แล้ว ฉินสือโอวก็เห็นท่าทางของวีรสตรีจากท่าทางของมัน ใช่แล้ว มันคือกั่วฟู่จาก เอี้ยก้วยเจ้าอินทรี แล้วหู่จือกับเป้าจือล่ะ? ไม่ต้องบอกเลย พวกมันก็คือสองพี่น้องต้าอู่และเสี่ยวอู่นั่นเอง
เสียดายที่สองพี่น้องตระกูลอู่ไม่ได้สังเกตเลยว่า หญิงงามกั่วฟู่ไม่ได้สนใจพวกเขาเลยแม้แต่น้อย เพียงแค่สวมชุดเกราะกับหูกระต่าย ในสายตาคนทั่วไปพวกมันก็เป็นเพียงชายหนุ่มธรรมดา
ฉินสือโอวเดินเข้าไปลากหู่จือและเป้าจือออกมา หลังจากนั้นก็โทรศัพท์ไปหาสเตราท์ว่า “สวัสดี โคล เป็นยังไงบ้าง? ไม่ได้คุณกับนายนานเลย คิดถึงนายนะ ตอนนี้สะดวกคุยหรือเปล่า?”
โคล สเตราท์ยิ้มออกมาพลางพูดว่า “แน่นอน ฉันก็คิดถึงนาย ฉิน ฉันคิดถึงวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของฟาร์มปลานายเหลือเกิน คิดถึงอาหารทะเลและผลไม้สดๆ ที่ฟาร์มปลาของนาย ถ้ามีเวลา ฉันจะไปพักผ่อนที่นั่น”
ฉินสือโอวกระแอมออกมาแล้วเข้าเรื่องทันที “เพื่อน นายชอบหู่จือและเป้าจือมากใช่ไหม?”
เมื่อได้ยินดังนั้น โคลก็ตะโกนออกมาอย่างดีใจว่า “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ฉิน นายจะยกหู่จือและเป้าจือให้ฉันเหรอ? ฉันชอบพวกมันมากเลย นายเอาพวกมันมาให้ฉันเถอะ”
ใบหน้าของฉินสือโอวเต็มไปด้วยเหงื่อ คิดในใจว่าโคลคิดมากเกินไปแล้ว เขาพูดออกมาว่า “ไม่ใช่ นายเข้าใจผิดแล้ว ที่ฉันจะบอกก็คือ นายจะชอบลูกของหู่จือและเป้าจือหรือเปล่า? พวกมันถึงเวลาผสมพันธุ์แล้ว ทำไมนายไม่พาแลบราดอร์แสนน่ารักของนายทั้งสองตัวมาที่นี่ล่ะ? แบบนี้นายก็จะได้ลูกของมันไปไงล่ะ”
เมื่อเข้าใจว่าไม่ได้ตัวหู่จือและเป้าจือ โคลก็ผิดหวังนิดหน่อย แต่ว่าพอคิดไปคิดมาเขาก็ดีใจขึ้นมา ลูกของหู่จือและเป้าจือก็ดีเหมือนกัน เขาตอบกลับว่า “งั้นเดี๋ยวสองสามวันฉันไปหา เพื่อน ฉันจะนำแลบราดอร์ที่ดีที่สุดสองตัวไปหานาย”
โคลและพ่อของเขาขอบสุนัขมาก พวกเขาอยากได้หู่จือและเป้าจือมานานแล้ว ฉินสือโอวให้สิทธิ์พวกเขาในการผสมพันธุ์หู่จือกับเป้าจือก็ดีเท่าไรแล้ว แลบราดอร์พี่น้องสองตัวนี้มีชื่อเสียงในแคนาดาเป็นอย่างมาก หากสุนัขธรรมดาต้องการมาผสมพันธุ์กับพวกมัน อย่างน้อยต้องเสียเงินหนึ่งหมื่นถึงหนึ่งแสนดอลลาร์แคนาดาต่อหนึ่งครั้ง
เมื่อวางสาย ฉินสือโอวก็พูดกับแลบราดอร์ทั้งสองว่า “สองสามวันนี้พวกนายทำตัวดีๆ กับฉันหน่อยนะ เข้าใจไหม? ไม่นานก็จะมีสาวสวยมาหาแล้ว พอถึงตอนนั้นพวกนายก็จะสบายแล้ว เข้าใจไหม?”
หู่จือและเป้าจือนั่งลงที่ด้านหน้าเขาอย่างว่านอนสอนง่าย พวกมันมองไปยังฉินสือโอวด้วยสายตาเปล่งประกาย ท่าทางเชื่อฟังจริงๆ
แต่ว่าทันทีที่ฉินสือโอวเดินออกไป เจ้าสองตัวนั้นก็เริ่มทะเลาะกันอีกครั้ง
ฉินสือโอวรู้สึกเบื่อหน่ายเป็นอย่างมาก เขาบอกเรื่องนี้กับวินนี่ตอนช่วงทานอาหารเย็น วินนี่หัวเราะออกมา เธอกอดเสี่ยวหลัวปอแล้วพูดว่า “ลูกสาวของฉันปฏิบัติต่อพวกมันในฐานะพี่น้องเท่านั้น พวกมันต้องการลูกสาวของฉันอย่างนั้นเหรอคะ ชักจะเกินไปแล้ว!”
ช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกดิน หู่จือและเป้าจือที่นั่งอยู่หน้าประตูบ้านมองไปยังต้นเมเปิลที่อยู่ไกลออกไปด้วยความอิจฉา ที่บนต้นเมเปิลเสี่ยวหมิงที่กำลังเล่นกับฝนและน้ำค้างอยู่ มันใช้ชีวิตกับนางสนมทั้งหกตัวของตนเองอย่างไม่อายฟ้าดินอย่างมีความสุข
……………………………