Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1317 : สะสางบัญชีเก่า

บทที่ 1317 : สะสางบัญชีเก่า

   ห๊ะ!เป็นพวกเขาเองหรือนี่? 

  เมื่อไป๋เซียนเอ๋อฉินตงเฉี่วย และคนอื่นๆปรากฏตัว ชายยุทธหลายคนในที่นั้นต่างก็ร้องอุทานออกมาพร้อมกันทันที เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังอื้ออึงไปทั่วทั้งหุบเขา!

  ในงานชุมนุมชาวยุทธเมื่อคืนนี้ไป๋เซียนเอ๋อไม่ได้เปิดเผยตนเอง ส่วนเหมี่ยวเสี่ยวเหมาก็ยังอยู่เพียงแค่ขั้นเซียงเทียน-3 เท่านั้น จึงไม่เป็นที่สะดุดตาของผู้ใดนัก และไม่มีผู้ใดจดจำพวกนางได้ แต่คนอื่นๆอย่างเฉิงเม่ยเฟิง ฉินตงเฉี่วย และตี้เสี่ยวอู๋นั้น เมื่อคืนทั้งสามคนยืนอยู่เคียงบ่าเคียงไหล่กันอยู่กลางลานประมูลเพื่อทำการสาธิตคุณสมบัติของโอสถเยาว์วัย และโอสถโฉมสะคราญ ทุกคนที่อยู่ในงานประมูลเมื่อคืนนี้จึงสามารถจดจำได้เป็นอย่างดี

  ด้วยเหตุนี้ทันทีที่ทั้งสามคนปรากฏตัวขึ้นทุกคนจึงพากันวิพากษ์วิจารณ์ไม่หยุด เพราะเวลานี้ทุกคนเพิ่งจะรู้ว่าทั้งหมดล้วนแล้วแต่เป็นคนของหลิงหยุนทั้งสิ้น!

  เหตุการณ์เมื่อคืนนี้ล้วนแล้วแต่เป็นแผนของหลิงหยุนที่จะช่วยให้รื้อฟื้นความทรงจำของเฉิงเม่ยเฟิงกลับมาแม้หลิงหยุนจะไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน แต่เมื่อคืนเขากับเย่ซิงเฉินก็ได้ปลอมตัวเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

  แม้บางคนอย่างนักพรตชงซวีหลวงจีนเจี๋ยวหยวน คนของสำนักดาบสวรรค์ และแม่ชีของอารามจิ้งซิน ต่างก็รู้จักหนึ่งในสามคนนี้ ก็ยังคิดไม่ถึงว่าทั้งหมดจะเป็นการวางแผนไว้ล่วงหน้าของหลิงหยุน!

  ชาวยุทธหลายคนที่ได้พบเห็นตี้เสี่ยวอู๋ในลานประมูลเมื่อคืนนี้ยังถึงกับตกใจอย่างมากเมื่อพบว่าในคืนนี้ตี้เสี่ยวอู๋กลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า ทั้งที่เพิ่งผ่านไปเพียงแค่คืนเดียวเท่านั้น!

  และสามคนที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นในคืนนี้ก็ได้ทำให้สำนักต่างๆสามสำนักในที่นี้ถึงกับหวาดกลัวจนขนหัวลุก ซึ่งอก็คือเฉิงเม่ยเฟิง ฉินตงเฉี่วย และไป๋เซียนเอ๋อ!

  นั่นเพราะทั้งสามคนล้วนแล้วแต่มีความแค้นกับสามสำนักใหญ่เฉิงเม่ยเฟิงกับอารามจิ้งซิน ฉินตงเฉี่วยกับสำนักดาบสวรรค์ และไป๋เซียนเอ๋อกับสำนักเขาหลงหู่!

   ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8! 

  ศิษย์อารามจิ้งซินต่างก็พากันร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจเพราะเมื่อคืนขั้นพลังของเฉิงเม่ยเฟิงได้ตกไปอยู่ที่ระดับเริ่มต้นขั้นเซียงเทียน-6 แต่ผ่านไปเพียงแค่คืนเดียว นางกลับเข้าสู่ระดับสูงสุดขั้นเซียงเทียน-8 ได้แล้ว!

  สำหรับแม่ชีมี่หลินและแม่ชีมี่เจียวนั้นนี่เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์ใจมากจนเกินไป เกินกว่าที่พวกนางสองคนจะเชื่อได้!

  เพราะด้วยฤทธิ์ของโอสถไร้ใจนั้นหากหญิงใดได้กลืนกินเข้าไปแล้ว ยังฝืนที่จะนึกถึงชายคนรัก หญิงนั้นก็จะมีแต่สูญเสียขั้นพลัง และตกต่ำลงไปเรื่อยๆ  ฤทธิ์ของโอสถไร้ใจนั้นเหล่าแม่ชีแห่งอารามจิ้งซินต่างก็รู้ดีว่าเป็นเช่นนี้มานับร้อยๆปีแล้วและในรอบสามร้อยปีที่ผ่านมานี้ ก็เพิ่งจะมีเฉิงเม่ยเฟิงเพียงผู้เดียวที่กลืนโอสถไร้ใจแล้ว กลับยังสามารถกลับมาจดจำชายคนรักได้ดังเดิม

  แต่ต่อให้สามารถจดจำความรักได้ขั้นพลังก็ย่อมตกต่ำลงไป แต่เวลานี้.. สิ่งที่พวกนางได้พบเห็นนั้นกลับตรงกันข้าม!

  หลังจากสังเกตดูอยู่ครู่หนึ่งทั้งแม่ชีมี่เจียวและแม่ชีมี่หลินต่างก็พบว่า ไม่เพียงโอสถไร้ใจภายในร่างของเฉิงเม่ยเฟิงจะถูกกำจัดออกจนหมดแล้ว แม้แต่พลังปราณที่เกิดจากการฝึกวิชาไร้ใจ ยังไม่หลงเหลือร่องรอยให้เห็นเลยแม้แต่น้อย นี่ย่อมเท่ากับว่าเฉิงเม่ยเฟิงกับอารามจิ้งซินไม่หลงเหลือความสัมพันธ์ใดๆที่ข้องเกี่ยวกันอีกแล้วจริงๆ!

  สองแม่ชีแห่งอารามจิ้งซินได้แต่หวาดผวาในความก้าวหน้าที่เหลือเชื่อของเฉิงเม่ยเฟิง!   เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไรกัน

  ทันทีที่ได้เห็นขั้นพลังของเฉิงเม่ยเฟิงที่ก้าวหน้าขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ทั้งแม่ชีมี่หลินและแม่ชีมี่เจียวต่างก็รู้สึกสูญเสียความมั่นใจไปอย่างมาก

   เด็กนั่นช่างน่าหวาดกลัวมากจริงๆ! 

  แม่ชีมี่หลินพึมพำออกมาเบาๆพร้อมกับถอนหายใจออกมาในขณะที่มองหน้าเฉิงเม่ยเฟิงที และมองหน้าหลิงหยุนที!

  เพียงแค่ข้ามคืนกลับสามารถทำให้เฉิงเม่ยเฟิงก้าวหน้าได้รวดเร็วถึงเพียงนี้คงจะมีหลิงหยุนเพียงผู้เดียวเท่านั้น มิน่าเขาถึงได้จองหองแล้วก็ผยองถึงเพียงนี้!

   เด็กนั่นพูดถูก..ถึงคราวที่อารามจิ้งซินต้องสิ้นชื่อจริงๆแล้ว! 

  หลังจากนึกถึงชะตากรรมของอารามจิ้งซินแม่ชีมี่หลินก็ถึงกับหน้าซีด ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวา และเป็นลมหมดสติไปในทันที!    น้องมี่หลิน..เจ้า.. 

  แม่ชีมี่เจียวถูกหลิงหยุนตบหน้าสั่งสอนแต่ก็ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากนักและบนใบหน้ายังคงมีรอยนิ้วมือห้านิ้วของเขาประทับอยู่ เมื่อเห็นแม่ชีมี่หลินหมดสติไปก็ถึงกับร้องอุทานออกมาด้วยความตกใจ!

  จากนั้นจึงรีบพุ่งเข้าไปรับร่างของแม่ชี่มี่หลินไว้พร้อมกับถ่ายเทพลังปราณลงไปในร่างของนางและพยายามช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจที่สั่นคลอนให้กลับมามั่นคงดังเดิม แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล..

  ด้วยสภาพจิตใจที่สั่นคลอนอย่างรุนแรงทำให้ขั้นพลังของแม่ชีมี่หลินตกต่ำลงเรื่อยๆ และเวลานี้ดูเหมือนจะต่ำกว่าขั้นเซียงเทียน-8 แล้วด้วยซ้ำไป!

   … 

  แม่ชีมี่เจียวจำต้องถอนฝ่ามืออออกจากแผ่นหลังของแม่ชีมี่หลินเพราะไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกแล้ว ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด และเริ่มสัมผัสได้ถึงชะตากรรมที่กำลังจะมาถึงเช่นกัน

  ……

  ทางด้านของสำนักเขาหลงหู่นั้น..

  ทันทีที่ไป๋เซียนเอ๋อปรากฏตัวเหล่านักบวชจากเขาหลงหู่ก็สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายปีศาจรุนแรง และเวลานี้สีหน้าของนักบวชแต่ละคนก็ล้วนแล้วนแต่เต็มไปด้วยความหวาดผวาสุดขีด!

   จิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง!นั่นมันจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง! 

   คิดไม่ถึงจริงๆว่ามันจะกลายร่างได้สำเร็จ! 

  บรรดานักบวชจากเขาหลงหู่นั้นต่างก็ไม่สามารถปกปิดความตกอกตกใจไว้ได้อีก แววตาของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก พร้อมกับส่ายหน้าไปมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ!

  พวกเขายังจำได้ว่าหนึ่งในนักบวชของสำนักเขาหลงหู่ได้นำกลองสะบัดมารและนำนักบวชอีกสี่คนลงเขามาเพื่อจับตัวสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางตนนี้กลับไป ครั้งนั้นนักบวชคนอื่นๆในสำนักต่างก็ไม่สนับสนุนแต่ก็ไม่คัดค้าน เรียกได้ว่าเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสียมากกว่า..

  นั่นเพราะสำนักเขาหลงหู่นั้นเป็นเสมือนซาตานของเหล่าปีศาจมานานถึงสองพันปีเลยก็ว่าได้ไม่ว่าที่ใดในโลกจะมีปีศาจปรากฏตัวขึ้น นักบวชเหล่านี้ก็มักจะลงเขาไปจับปีศาจตนนั้นกลับมา และครั้งนี้นับบวชเลี่ยยื่อก็ได้อาสาลงไปจับปีศาจจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางด้วยตัวเอง นักบวชคนอื่นๆจึงมิได้ห้ามปราม

  แต่ครั้งนั้นหลายคนก็ดูเหมือนจะไม่เห็นด้วยกับนักบวชเลี่ยยื่อนักเพราะไป๋เซียนเอ๋อนั้นมีสายเลือดของปีศาจโบราณ อีกทั้งยังไม่เคยทำร้ายมนุษย์ พวกเขาจึงไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่แท้จริงของนักบวชเลี่ยยื่อในการลงเขาครั้งนั้นมากนัก

  ครั้งนั้นนักบวชเลี่ยยื่อได้เลี้ยงปีศาจภัยแล้งไว้เพื่อต้องการใช้พลังหยางบริสุทธิ์จากร่างของมันในการฝึกฝนวิชาอีกทั้งยังนำมาหลอมเป็นโอสถหยางได้อีกด้วย แต่หากให้ปีศาจภัยแล้งได้กินสุนัขจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางที่งอกหางที่สามแล้วเข้าไป ก็จะยิ่งมีพลังหยางที่บริสุทธิ์มากยิ่งขึ้น

  โอสถหยางบริสุทธิ์นี้มีช่วยให้การฝึกฝนวิชาได้ก้าวหน้ารวดเร็วยิ่งกว่าโอสถหลงหู่หลายเท่านักอีกทั้งยังสามารถนำมาประมูลเพื่อแลกเป็นเงิน หรือทรัพยากรในการฝึกฝนต่างๆได้อีกด้วย

  และนี่คือเหตุผลที่แท้จริงในการลงเขามาของนักบวชเลี่ยยื่อซึ่งนักบวชของสำนักเขาหลงหู่หลายคนได้ล่วงรู้ บางคนก็ไม่เห็นด้วย..

  นักบวชบนเขาหลงหู่นั้นแบ่งเป็นสองฝ่ายคือฝ่ายชางชิงกง และฝ่ายเทียนฉีฝู่ แม้เบื้องหน้าจะดูสมัครสมานกลมเกลียวกัน ความจริงแล้วทั้งสองฝ่ายต่างก็ไม่ถูกกันมานานนับพันปีเช่นกัน และเคยแอบต่อสู้กันเองอยู่บ่อยๆ

  และในงานชุมนุมชาวยุทธคืนนี้นักบวชจากเขาหลงหู่ทั้งฝ่ายชางชิงกง และฝ่ายเทียนฉีฝู่ต่างก็มาร่วมชุมนุมด้วยกัน โดยมีฝ่ายชางชิงกงเป็นผู้ออกหน้า ด้วยเหตุนี้เมื่อครั้งที่นักบวชจางจวิ้นเจิงถูกหลิงหยุนสังหารตายเป็นคนแรก จึงไม่มีคนจากเขาหลงหู่ยื่นมือเข้ามาช่วยเลยแม้แต่คนเดียว

  หลิงหยุนไม่รู้ว่านักบวชฝ่ายชางชิงกงหรือฝ่ายเทียนฉีฝู่ที่เป็นผู้ทำร้ายไป๋เซียนเอ๋อเพราะนางเองก็ไม่บอกรายละเอียดกับตน แต่ที่จางจวิ้นเจิงต้องตายนั้นเพราะเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อสิบแปดปีก่อน แต่ไม่ว่าอย่างไร ขอเพียงแค่เป็นนักบวชจากเขาหลงหู่ หลิงหยุนก็ไม่คิดที่จะปราณี..

  แม้ว่าในขณะที่จางจวิ้นเจิงถูกหลิงหยุนสังหารตายไปนั้นนักบวชคนอื่นๆที่อยู่ในขั้นพลังเหนือธรรมชาติระดับห้า จะสามารถทำเป็นนิ่งเฉยไม่ออกมาช่วยได้ แต่ตอนนี้ไป๋เซียนเอ๋อได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว ทุกคนจึงไม่อาจนิ่งเฉยได้อีกต่อไป..

  เวลานี้นักบวชฝ่ายชางชิงกงล้วนมีความแค้นกับหลิงหยุนเพราะนักบวชหลายคนของฝ่ายนี้ได้ถูกหลิงหยุนสังหารตายไปมากมาย อีกทั้งกลองสะบัดมารที่เลี่ยยื่อนำลงเขาไปนั้น ก็ยังไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดกันแน่

  ด้วยเหตุนี้เมื่อไป๋เซียนเอ๋อปรากฏตัวนักบวชฝ่ายชางชิงกงจึงไม่อาจทนนิ่งเฉยอยู่ได้อีกต่อไป..

  แต่ถึงกระนั้นเมื่อทุกคนปรากฏตัวขึ้นกลางหุบเขาหลงเฟิง หลิงหยุนกลับไม่สนใจสำนักใดๆ นอกจากสำนักดาบสวรรค์!

  นั่นเพราะหลิงหยุนเคยมีปัญหากับสำนักดาบสวรรค์มาก่อนกัวเสี่ยวเทียนซึ่งเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของฉินตงเฉี่วย เคยใช้นางเป็นนกต่อหลอกล่อหลิงหยุนให้ออกมาเพื่อถูกสังหาร แต่ท้ายที่สุดกลับกลายเป็นว่ากัวเสี่ยวเทียนเป็นฝ่ายถูกหลิงหยุนสังหารตายแทน และก่อนตายยังได้สั่งขับฉินตงเฉี่วยออกจากสำนักดาบสวรรค์ และสั่งให้ศิษย์สำนักหากพบเจอฉินตงเฉี่วยเมื่อใด ให้ลงมือสังหารนางได้ทันที!

  และเป็นไปไม่ได้เลยที่หลิงหยุนจะไม่ชำระบัญชีแค้นนี้กับสำนักดาบสวรรค์เขาเฝ้ารอที่จะคิดบัญชีกับสำนักดาบสวรรค์มานานแล้ว!

   โอ้..ครั้งนี้หลิงหยุนมาอย่างยิ่งใหญ่ทีเดียว! ไม่เพียงมีธิดาพรรคมาร แต่ยังมีจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง แวมไพร์ แม้กระทั่งคุณหนูฉินตงเฉี่วยแห่งตระกูลฉินก็มาด้วย.. 

  ภายใต้สถานการณ์ที่ตึงเครียดจู่ๆ นักพรตชงซวีแห่งบู๊ตึ๊งก็พูดขึ้นมาพร้อมกับหันไปมองหลิงหยุน จนแม้แต่หลิงหยุนเองยังอดนึกขันไม่ได้

  เพราะนี่เท่ากับเป็นการตบหน้าผู้ที่จัดงานชุมนุมชาวยุทธเพื่อปราบมารในครั้งนี้ขึ้นมาเลยทีเดียวเพราะเวลานี้มีทั้งคนของพรรคมาร ปีศาจจิ้งจอก และแวมไพร์ ปรากฏตัวขึ้นกลางงานอย่างไม่มีผู้ใดเกรงกลัว..

   ครั้งนี้หลิงหยุนไม่ได้มาเพื่อแก้แค้นให้กับพ่อแม่ของเขาและตระกูลหลิงเพียงอย่างเดียวแต่ยังมาเพื่อสะสางบัญชีแค้นของตัวเองด้วย เขาจึงได้เตรียมตัวมาอย่างดีที่สุด..    หลวงจีนเจี๋ยวหยวนกระซิบตอบนักพรตชงซวีไปเวลานี้หลวงจีนจากวัดเส้าหลินต่างก็ถูกสังหารตายไปหมดแล้ว เขาจึงเข้าไปยืนอยู่ข้างนักพรตชงซวีแทน

   นั่นสิ!นับว่าโชคดีที่ความแค้นระหว่างหลิงหยุนกับเส้าหลินได้สะสางจบไปแล้ว และที่เขาไม่แตะต้องท่านก็เพราะยังนึกถึงความสัมพันธ์อันดีเมื่อครั้งก่อน.. 

  ชงซีเอ่ยยิ้มๆ

   อามิตาพุทธ..ข้าเองก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น! 

  พูดจบหลวงจีนเจี๋ยวหยวนก็ได้แต่ถอนหายใจ…

 

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท