ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1585 ทูน่าทะเลน้ำลึก

บทที่ 1585 ทูน่าทะเลน้ำลึก

เหล่าเด็กๆ ยังคงสงสัยว่าทำไมต้องรอพวกเขาชอบฤดูร้อนถึงจะนับว่าพวกเขาโตแล้ว พาวลิสและเชอร์ลี่ย์ยิ้มออกมาแต่ไม่พูดอะไร สองคนนี้หนึ่งคนเป็นเด็กชายที่โตแล้วส่วนอีกคนเป็นเด็กหญิงที่แก่แดด จึงเข้าใจความหมายของเคอร์

กอร์ดอน มิเชลและไวส์ยังอายุน้อย แต่กอร์ดอนเป็นคนขี้เล่น สำหรับเด็กผู้ชายที่อายุเท่านี้ ปกติแล้วมักจะเริ่มพูดคุยเรื่องกำกวมแล้ว แต่เขายังคงสนใจแต่จะเล่นอย่างเดียว

มิเชลเป็นเด็กใสซื่อ เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องชายหญิงเลย ส่วนไวส์นั้นเป็นกังฟู เขาคิดเพียงแต่จะไล่ตามเชอร์ลี่ย์ แต่ไม่ใช่เพราะรักหลงเชอร์ลี่ย์หรอกนะ แต่เพราะเขาต้องการเพื่อนร่วมเดินทางในอนาคต…

ฉินสือโอวนำอาร์ติโชคที่ดองได้ที่แล้วออกมาทานคู่กับโจ๊ก จนตอนนี้เขาก็ยังไม่ชินกับการทานเบอร์เกอร์และแซนด์วิชพวกนั้น อาหารเช้าต้องทานขนมปังไร้น้ำตาลเป็นอาหาร แน่นอนว่ามันคือหมั่นโถว แต่ว่าที่นี่ก็ไม่มีหมั่นโถวที่มีรสชาติหนุบหนับแบบนั้น

เมื่อทานอาหารเช้าเสร็จ หู่จือและป้าจือก็วิ่งออกไปเล่นกับลูกสะใภ้ทั้งสี่อย่างเขินอาย ฉินสือโอวตะโกนเรียกพวกมัน หู่จือและเป้าจือหยุดวิ่งแล้วหันมามองพลางส่ายหางไปมา แต่จากนั้นพวกมันก็วิ่งหายไป

ฉินสือโอวรู้สึกโมโหขึ้นมา เหมือนที่เขาพูดกันเลยว่า ‘มีเมียแล้วลืมพ่อแม่’

เดิมทีตามแผนแล้ว วันนี้เขาจะเริ่มปลูกสาหร่ายทะเลเป็นครั้งที่สอง แต่เพราะเคอร์มา เขาก็ต้องอยู่ดูแลเสียหน่อย เขาเลยพาเคอร์ออกไปตกปลา แต่ไม่ได้ไปที่ฟาร์มปลาแห่งที่สอง

บนท้องฟ้ามีรถแทรกเตอร์ทางอากาศลอยตัวอยู่ เมล็ดพืชและสปอร์ของสาหร่ายทะเลถูกขนไปยังฟาร์มปลาแห่งที่สอง เอาไปรอไว้ที่ฟาร์มปลาเสียก่อน พอเขามีเวลาเขาก็จะไปปลูกพวกมันได้ทันที

เมล็ดพันธุ์สำหรับปลูกสาหร่ายในครั้งนี้คือสาหร่ายน้ำแข็งและสาหร่ายคอลโรฟิลล์ขนาดเล็ก พวกมีคุณค่าทางโภชนาการสูง และสามารถใช้ประโยชน์จากแสงอาทิตย์ได้สูงด้วย ต่อไปพวกมันจะเป็นปัจจัยหลักในการผลิตอาการปลา

ฉินสือโอวและโคลนั่งเรือนกนางนวลออกไป ที่ดาดฟ้าเรือมีเก้าอี้นวมยาวตั้งอยู่ พวกเขานั่งเก้าอี้คนละตัว จากนั้นก็นำตะขอเบ็ดตกปลาจุ่มลงไปในทะเล และที่เหลือก็คือการอาบแดด

แสงอาทิตย์ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคมค่อนข้างอบอุ่น ในตอนเช้า อากาศไม่ร้อนไม่หนาว มีแสงแดดส่องลงมาแต่ก็ไม่แรงจนเกินไป ความอบอุ่นที่ส่องลงมานี้ ทำให้ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการอาบแดด

เคอร์ที่สวมแว่นกันแดด พูดขึ้นมาว่า “ฉิน ตอนนี้นายซื้อเรือยอชต์ขนาดใหญ่มาแล้วใช่ไหม?”

ฉินสือโอวตอบกลับอย่างเสียใจว่า “ก่อนหน้านี้ฉันคิดจะซื้อจริงๆ แต่ว่าตอนนี้ไม่มีเงินแล้ว”

เคอร์หัวเราะออกมา “อย่ามาพูดเล่น เพื่อน นายเป็นถึงหุ้นส่วนบอมบาร์เดียร์ นายจะไม่มีเงินได้ยังไง?”

เบิร์ดส่งน้ำผลไม้และไอซ์ไวน์ให้พวกเขา ฉินสือโอวเลือกน้ำผลไม้ เขากัดหลอดแล้วพูดออกมาอย่างครุมเครือว่า “ก็เพราะว่าฉันเป็นหุ้นส่วนของบอมบาร์เดียร์น่ะสิ ฉันเลยไม่มีเงิน แม่งเอ๊ย เงินของฉันไปจมอยู่ในนั้นหมดแล้ว!”

ในขณะที่พูด เขาก็คิดถึงเงินกู้สี่ร้อยล้านจากธนาคาร ฉินสือโอวปวดใจเป็นอย่างมาก เขาพูดต่อว่า “ตอนนี้การขาดดุลเงินในบัญชีเดินสะพัดของฉันแย่กว่าค่ารักษาพยาบาลในนิวฟันแลนด์เสียอีก นายรู้ถึงวิกฤตกาลค่ารักษาพยาบาลในเมืองของเราหรือเปล่า? ช่วงนี้อย่าพึ่งสร้างปัญหาอะไรจะดีกว่า”

วิกฤตการณ์ค่ารักษาพยาบาลที่เขาพูดถึง คือการปฏิรูปด้านสุขภาพครั้งล่าสุดของนิวฟันแลนด์ ในแคนาดาการใช้บริการการแพทย์ไม่ต้องเสียเงิน ตราบใดที่มีที่อยู่ตามกฎหมาย และตราบใดที่มีประกันสังคม การไปพบแพทย์ในแคนาดาจึงไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย

บนโลกใบนี้ไม่มีอาหารกลางวันที่ได้มาฟรีๆ อาจจะมีอาหารฟรีสักมื้อ แต่ไม่สามารถได้รับอาหารฟรีได้ทุกวัน แล้วเงินค่ารักษาพยาบาลเหล่านี้มาจากที่ไหนกันล่ะ? นี่ไม่ได้เป็นเงินภาษี แต่ช่วงหลายปีมานี้เศรษฐกิจของแคนาดาอยู่ในสถานการณ์ไม่ค่อยดีนัก มีคนว่างงานจำนวนมาก รวมถึงผู้อพยพอีกหลายคน ดังนั้นการลงทุนด้านการรักษาจึงมีไม่เพียงพอ

ในเมืองอื่นๆ ยังถือว่าสถานการณ์ยังดี เมื่อเทียบกับรัฐออนแทรีโอที่มีระบบอุตสาหกรรมและการเกษตรที่แข็งแกร่ง อุตสาหกรรมพลังงานใหม่ก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน ทำให้เศรษฐกิจของรัฐค่อนข้างดี แต่สำหรับนิวฟันแลนด์แล้วถือว่าแย่มาก ที่นี่มีเพียงอุตสาหกรรมการประมงเป็นหลักเท่านั้น แต่ฟาร์มปลานิวฟันแลนด์ล้มลงไปมากกว่ายี่สิบปีแล้ว อุตสาหกรรมการประมงไม่สามารถสร้างรายได้อีกต่อไป

นิวฟันแลนด์มีปัญหาทางด้านการเงิน การลงทุนในเรื่องอุปโภคพื้นฐานน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้เกิดวิกฤตทางการเงินบางอย่าง อย่างที่ตอนนี้เกิดกับอุตสาหกรรมการแพทย์ วิกฤตครั้งนี้เรียกว่าวิกฤตการณ์ขาดดุลทางการแพทย์

หลังจากที่มีการจัดการเลือกตั้งใหม่ของนิวฟันแลนด์ในปีที่แล้ว พรรคเสรีนิยมก็ได้รับชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่ไป หนึ่งในบรรดาตัวแทนของพวกเขาได้สัญญาว่า เขาจะปรับปรุงสมดุลงบประมาณโดยการขายทรัพยากรที่มีอยู่ในจังหวัด

ในตอนนั้นประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งมีความสุขมาก ที่รัฐบาลมีวิธีในการแก้ไขวิกฤตการณ์ทางการเงิน เช่นนั้นการใช้ชีวิตของพวกเขาก็จะง่ายขึ้น

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้ใช้วิธีการอะไรมานักประชาชนต่างพากันดีใจไปล่วงหน้าแล้ว แต่ทรัพยากรของจังหวัดไม่ได้มีมากนัก รัฐบาลกำลังพยายามสร้างความสมดุลให้กับงบประมาณทางการแพทย์ โดยการไม่เพียงแต่ขายของในจังหวัดเท่านั้น แต่ยังมีการตัดการบริการทางการแพทย์บางอย่างออก

เมื่อฉินสือโอวอธิบายให้เคอร์ฟังจบ เคอร์ก็หัวเราะออกมา “นี่ไม่ได้เป็นเรื่องแปลกเลย รัฐบาลเป็นองค์กรให้บริการองค์กรหนึ่ง ไม่ใช่องค์กรการกุศล วิธีการบริการให้กับจังหวัดของนายไม่มีอะไรที่ตำหนิได้เลยไม่ใช่เหรอ?”

เบ็ดตกปลาของฉินสือโอวสั่น รอกตกปลาค่อยๆ หมุนออกไปเรื่อยๆ เขาเข้าไปจับรอกตกปลาและลองคำนวณแรงของปลาที่ติดเบ็ด หลังจากนั้นเขาก็หมุนรอกกลับมาแบบเร็วๆ พลางพูดออกมาว่า “ทำไมนายถึงพูดแบบนั้นล่ะ? รัฐบาลประจำจังหวัดตัดการบริการทางการแพทย์ แบบนั้นมันมีผลกระทบต่อประชาชนนะ เดิมทีการเข้ารับการรักษาอย่างทันท่วงทีของนิวฟันแลนด์ก็ต่ำอยู่แล้ว ตอนนี้ยังตัดการบริการทางการแพทย์เพิ่มอีก แบบนั้นการรักษาก็ยิ่งต่ำลงไปอีก”

เมื่อต้นปี หน่วยงานวิจัยการตลาดที่ใหญ่ที่สุดของแคนาดาอย่างเอซี นีลเซ็นได้ทำการสำรวจ โดยมีผู้เข้าร่วมทั้งหมดสี่แสนคน ร้อยละเก้าสี่ของผู้เข้าร่วมการสำรวจแจ้งว่าพวกเขาได้รับการรักษาพยาบาลขั้นพื้นฐาน แต่มีคนอีกร้อยละสี่สิบสี่ที่แสดงออกให้เห็นว่า พวกเขาจะพบแพทย์ได้ก็เมื่อเจ็บป่วยในวันนั้นหรือวันถัดไป

นอกจากนี้ ยังมีการสำรวจเมืองอีกว่า พื้นที่ชนบทของแคนาดา โอกาสที่ประชาชนจะสามารถไปพบแพทย์ได้มีเพียงร้อยละสามสิบห้าเท่านั้น นิวฟันแลนด์ถือเป็นช่องโหว่ทางเศรษฐกิจของแคนาดา ที่นี่การรักษาพยาบาลแย่มาก จำนวนประชาชนที่เข้าไปพบแพทย์ได้ทันเวลานั้นต่ำมาก

หากมองในมุมของทางการแพทย์ ฉินสือโอวรู้ว่าการรักษาของแคนาดาไม่ได้ดีไปกว่าที่จีนเลย ที่จีนนั้นการจะไปพบแพทย์เป็นเรื่องที่ยากมาก และความยากลำบากอีกอย่างก็คือค่ายาที่แพงมาก ที่แคนาดาเป็นเรื่องยากที่จะไปพบแพทย์ เพราะผู้ป่วยไม่สามารถเข้าพบแพท์ได้โดยตรง

เคอร์ปลีกตัวไปรับโทรศัพท์ ตอนนั้นเองฉินสือโอวก็ดึงสายเบ็ดขึ้นอย่างแรง ทันใดนั้นปลาตัวใหญ่ก็กระโดดขึ้นมาเหนือผิวน้ำ มันมีขนาดยาวประมาณสามสี่เมตร ลายบนตัวมีความสวยงามอย่างแปลกประหลาด ราวกับตอร์ปิโดก็ไม่ปาน

แม้ว่าร่างของมันจะลอยขึ้นมาอยู่เหนือน้ำแล้วแต่เมื่อโดนแสงแดดส่องลงมา ร่างของมันก็เหมือนจะหายไปทันที แต่ภาพแห่งความสวยงามนี้ก็ยังคงสร้างความตกใจให้แก่เคอร์ได้ดี

“ฟัค! ปลาทูน่าครีบน้ำเงิน!” เจ้าของห้างสรรพสินค้า เมย์ซีร้องออกมาด้วยความตื่นเต้น

ฉินสือโอวสามารถบอกสายพันธุ์ของมันได้ทันทีหลังจากที่เขาเห็นมัน เมื่อครู่ที่เขาตกปลาเขาไม่ได้ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนลงไปดู เพราะเขารู้สึกว่ามันไม่จำเป็น อีกอย่างเขามาที่นี่เพื่อพักผ่อน ทำไมเขาจะต้องทำอะไรที่เปลืองแรงด้วย

ปลาทูน่าครีบน้ำเงินใช้พลังทั้งหมดกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำ หลังจากที่มันตกลงไปในน้ำอีกครั้งมันก็เพิ่มความเร็วของตัวเอง ทำให้รอกตกปลาหมุนไปข้างหน้าไม่หยุด จนสายเบ็ดนั้นตึงแน่น ในที่สุดก็เกิดเสียง ‘ผัวะ!’ เพราะเบ็ดขาดในที่สุด

นี่เป็นสิ่งที่เขาคิดไว้อยู่แล้ว สายเบ็ดที่พวกเขาทั้งสองคนใช้เป็นสายเบ็ดธรรมดา สายเบ็ดสำรองก็ไม่ได้เอามา พวกเขาเลยตกปลาทูน่าครีบน้ำเงินไม่ได้ และก็ไม่ได้คิดจะจับปลาตัวใหญ่ที่มีค่าขนาดนี้

ปรากฏว่าที่พวกเขาบังเอิญเจอเข้ากับปลาทูน่าครีบน้ำเงิน โดยไม่ต้องเอ่ยอะไร ฉินสือโอวรีบโทรหาเบิร์ดเพื่อให้เขามาช่วยเก็บเบ็ดทันที เคอร์ถามออกมาอย่างกังวลว่า “ตอนนี้คงไม่ทันแล้วใช่ไหม? ปลาตัวนั้นว่ายหนีไปแล้วแน่ๆ”

………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน