สำหรับกองเรือของจักรวรรดิอังกฤษแล้ว การจมเรือลำเลียงสมบัติ “ซานโฮเซ” นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย เพราะพวกเขาไม่รู้ว่านี่เป็นเรือลำเลียงสมบัติ พวกเขานึกเพียงว่านี่เป็นเรือลำเลียงพลธรรมดาทั่วไปลำหนึ่งเท่านั้น
สงครามการแย่งอำนาจบนน่านน้ำมหาสมุทรของจักรวรรดิอังกฤษและจักรวรรดิสเปน เป็นสงครามมหาสมุทรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและโหดร้ายที่สุดของประวัติศาสตร์ของมนุษย์เลย แม้ว่าสงครามแปซิฟิกจะเป็นที่รู้จักกันมากกว่า แต่ว่าจำนวนผู้คนที่เกี่ยวข้อง เรือรบที่ถูกทำลายและผู้ได้รับบาดเจ็บ กลับเทียบกับสงครามแย่งอำนาจมหาสมุทรระหว่างสองจักรวรรดินี้ไม่ได้เลยแม้แต่น้อย
ณ ตอนนั้นทั้งสองฝ่ายกำลังเลือดขึ้นหน้ากันทั้งคู่ ขอแค่ได้เจอเข้ากับเรือของฝั่งตรงข้ามหรือเรือพันธมิตรของฝั่งตรงข้าม ก็จะจัดการทำลายทั้งหมด ไม่สนใจว่าจะเป็นเรือลำเลียงพลหรือว่าเรือลำเลียงทาส เมื่อมีการทำลายเกิดขึ้นมากมาย ทำให้กัปตันที่รับผิดชอบการจมเรือซานโฮเซในตอนนั้นจึงไม่ได้มีการบันทึกถึงตำแหน่งที่แน่ชัดไว้ อีกอย่างในตอนนั้น พวกเขาก็ไม่ได้มาเพื่อจมเรือซานโฮเซ พวกเขามีภารกิจสำคัญชิ้นอื่นอยู่ สามารถพูดได้ว่าการจมเรือซานโฮเซเป็นเพียงการจะตัดหญ้าแต่ดันไปโดนเข้ากับกระต่าย เป็นการกระทำไปตามสถานการณ์เท่านั้น
เรือซานโฮเซโชคร้ายเอง พระเจ้าเฟลิเปที่ห้ายิ่งโชคร้ายกว่า เงินจำนวนนี้เป็นเงินที่จะนำมาใช้ในการทหาร เห็นว่าบนเรือได้บรรทุกของที่ปล้นมาได้จากล่าอาณานิคมในทวีปอเมริกาที่เต็มไปด้วยทรัพย์สมบัติมากมาย ทั้งทองคำ ทองคำขาว เพชรพลอยหลากหลายประเภท มากมายเสียจนนับไม่ได้เลยทีเดียว!
เหตุผลที่ต้องเตรียมทุนการทหารไว้มากมายเพียงนี้ เขาไม่ได้จะนำมาใช้ในการแย่งอำนาจบนมหาสมุทรกับจักรวรรดิอังกฤษเท่านั้น แต่ยังใช้เพื่อสั่งสมกองกำลังทหารใหม่ เพื่อไปยึดพื้นที่เขตการปกครองของประเทศอิตาลีอีกด้วย
สงครามมหาสมุทรระหว่างอังกฤษและสเปนยืดยาวมากว่าหลายร้อยปี การแย่งสิทธิความเป็นเจ้าของบนมหาสมุทรของทั้งสองฝ่ายได้เกิดขึ้นต่อเนื่องไม่เคยหยุด แถมภายหลังยังมีเนเธอร์แลนด์มาเข้าร่วมสงครามด้วยอีก ทำให้สถานการณ์ยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีก สิทธิการครอบครองน่านน้ำของสเปนถูกรุกรานอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ค่อยๆ เสื่อมอำนาจลง
สงครามมหาสมุทรของอังกฤษและสเปนในศตวรรษที่สิบหกเป็นจุดเปลี่ยน จักรวรรดิอังกฤษได้ขึ้นเป็นเจ้าแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกแทนที่จักรวรรดิสเปน ในสมัยนั้น มหาสมุทรแอตแลนติกเป็นถึงหัวใจสำคัญในการขนทาสและขนส่งทางเรือ พระเจ้าเฟลิเปที่ห้าไม่ยอมที่เรื่องเป็นแบบนี้ จึงคิดหาโอกาสที่จะได้แก้แค้น เอาชนะจักรวรรดิอังกฤษเพื่อยึดคืนตำแหน่งเจ้าแห่งมหาสมุทรแอตแลนติกอีกครั้ง
แต่คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต ตัวเขามีก็เพียงแต่อุดมการณ์ที่ยิ่งใหญ่เท่านั้น สุดท้ายไม่เพียงแต่ไม่สามารถเอาชนะกองเรือของประเทศอังกฤษ แต่เพราะขาดแคลนเงินทุนทางการทหาร สุดท้ายตอนที่ทำการเข้ายึดอิตาลีก็ได้ถูกสี่ประเทศร่วมมือกันโจมตี จนล่มสลายไปในที่สุด
หากวิเคราะห์จากตอนนั้นแล้ว เรือซานโฮเซเป็นเรือที่สามารถส่งผลต่อทิศทางของการสู้รบได้ลำหนึ่งเลย หากว่าในตอนนั้นมันสามารถกลับไปถึงสเปนได้อย่างปลอดภัย บางทีประวัติศาสตร์ของทั่วโลกอาจมีการเขียนขึ้นใหม่ก็ได้ อย่างน้อยพระเจ้าเฟลิเปที่ห้าก็สามารถระดมกองทหารและยึดดินแดนคืนมาจากอิตาลีได้สำเร็จ ตามด้วยการเข้ายึดทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทำการสั่งสมกำลังไม่แน่ว่าอาจจะสามารถเอาชนะจักรวรรดิอังกฤษ และทำการหยุดยั้งการเรืองอำนาจของประเทศญี่ปุ่นก็เป็นได้
พระเจ้าเฟลิเปที่ห้ารู้ถึงความสำคัญของเรือสมบัติลำนี้ดี ดังนั้นเพื่อเป็นการอำพราง เขาจึงไม่ได้ใช้เรือลำเลียงสมบัติทั่วไปในการขนย้าย และก็ไม่ได้จัดสรรกลุ่มเรือกลุ่มใหญ่เพื่ออารักขาอีกด้วย เนื่องด้วยในตอนนั้นอำนาจในการเดินเรือมหาสมุทรแอตแลนติกอยู่ในมือของกองเรืออังกฤษ ไม่ว่าเขาจะจัดกองเรืออารักขาไว้ใหญ่แค่ไหน ก็เป็นได้แค่เป้าที่เตรียมไว้ให้กองเรืออังกฤษมายิงเท่านั้น
น่าเสียดาย คนคำนวณมิสู้ฟ้าลิขิต หลังจากเรือซานโฮเซเข้าไปสู่น่านทะเลแคริบเบียนแล้ว ก็เจอเข้ากับกองเรือของจักรวรรดิอังกฤษ และถูกคนอื่นเขาตัดหญ้าแต่โดนกระต่ายไป โดยถูกรุมยิงด้วยระเบิดเป็นพรวนจนต้องอับปางไปอย่างโชคร้าย
บนเรือมีทหารเรือชาวสเปนฝีมือเยี่ยมอยู่ทั้งหมดหกร้อยกว่าคน สุดท้ายคนที่เหลือรอดกลับเป็นศูนย์ คนพวกนี้ไม่ได้กลับไปที่สเปน เพราะว่าโทษของการสูญเสียสมบัติไปคือประหารชีวิต จะต้องถูกฆ่าล้างทั้งตระกูล ดังนั้น คนเหล่านี้จึงพากันหนีเอาชีวิตรอด เบาะแสของเรืออับปางซานโฮเซจึงถูกบดบังลงไปแบบนี้
ต่อมา แม้ว่าข่าวเรื่องการอับปางของเรือซานโฮเซจะแพร่ออกไป แต่เพราะกองเรืออังกฤษในตอนนั้นไม่ได้ทำการจดบันทึกตำแหน่งที่ทำลายเรือซานโฮเซไว้ เหล่าผู้รอดชีวิตของเรือลำนี้ก็เป็นเพียงทหารทั่วไป แถมบนทะเลยังไม่เหมือนบนผืนดิน บนมหาสมุทรที่กว้างใหญ่นั้นไม่สามารถทำสัญลักษณ์อะไรไว้ได้ ทำให้ท้ายที่สุดก็ไม่มีคนสามารถหาเรือสมบัติที่ลือว่ามูลค่ามหาศาลนี้เจอเลย
ฉินสือโอวคิดทบทวนถึงข่าวของเรือซานโฮเซสักพัก ถามเบลคว่า “นายหาตำแหน่งของเรือลำนี้ได้แล้วจริงเหรอ? หลายศตวรรษมานี้ มีคนไม่รู้ตั้งเท่าไรที่หากันไม่เจอ นายไปหาเจอได้อย่างไร?”
เบลคยิ้มเบาๆ พูดว่า “ฉันค่อนข้างโชคดีน่ะ ช่วงต้นปีฉันได้สมุดบันทึกการเดินเรือมาเล่มหนึ่ง เป็นของเรือที่ชื่อว่า ‘เรือแข็งดังโขดหิน’ ฉันได้ทำการวิเคราะห์โดยอ้างอิงจากข้อมูลข้างใน จากนั้นนายเดาสิว่าฉันเจออะไรเข้า?”
“เรือลำนี้ก็คือเรือรบที่จมเรือซานโฮเซลำนั้นเหรอ?” ฉินสือโอวถามด้วยความประหลาดใจ นี่มันไม่บังเอิญไปหน่อยเหรอ ตอนนั้นก็เพราะไม่สามารถยืนยันตัวตนของเรือรบที่จมเรือซานโฮเซได้แน่ชัดนั่นแหละ ทำให้ส่งผลไม่สามารถสืบหาตำแหน่งที่ตั้งของเรืออับปางลำนั้นได้
การสู้รบกันของเรือรบในสมัยนั้นโกลาหลมาก เรือรบของประเทศอังกฤษ สเปน เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกสมักเกิดการปะทะกันเป็นประจำ นายยิงฉัน ฉันยิงนาย ไม่เพียงแต่สู้รบกันระหว่างทหารเรือและทหารเรือเท่านั้น ทหารเรือเองก็ชอบที่จะโจมตีเรือพลเรือนและเรือการค้าอีกด้วย แถมเรือพลเรือนและเรือการค้าเองก็ชอบปลอมตัวเป็นเรือทหารหรือเรือโจรสลัด เพื่อทำการสู้รบกันเองอีกด้วย
หลังจากสู้รบกันมาหลายสิบปี เหล่าผู้ยึดครองมหาสมุทรทั้งหลายพบว่าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ดี หากยังสู้กันแบบไม่เลือกหน้าแบบนี้ต่อไปจะเป็นการทำให้ทรัพยากรของตัวเองได้รับความเสียหาย ดังนั้นพวกเขาจึงทำการหารือกัน ตกลงกันว่าต่อไปห้ามโจมตีเรือพลเรือนและเรือการค้าเป็นอันขาด ซึ่งนี่ก็คืออนุสัญญาว่าด้วยกฎหมายทางทะเลสี่ประเทศ
แต่ทุกคนต่างก็รู้ การสร้างสัญญาระหว่างประเทศนั้น มีไว้เพื่อทำลายทั้งนั้น ทหารเรือของทั้งสี่ประเทศไม่เคยปฏิบัติตามกฎเลย พวกที่โจมตีเรือพลเรือนก็ยังโจมตีต่อไป พวกที่ปล้นเรือการค้าก็ยังคงปล้นต่อไป เพื่อไม่ให้มีหลักฐานมาเอาผิดตัวเองได้ พวกเขาจึงเริ่มทำบัญชีปลอมขึ้นมา หลังจากโจมตีเรือเหล่านี้แล้วก็จะปฏิเสธไม่ยอมรับ และไม่บันทึกลงในบันทึกการเดินเรือของกัปตันและบันทึกการสู้รบด้วย
เบลคพยักหน้าพูดว่า “ใช่แล้ว ตามที่ฉันคิดไว้ก็เป็นแบบนี้ แต่ต่อมาสิ่งที่ฉันได้เจอในสมุดบันทึกเล่มนี้ก็คือ ปีที่เรือซานโฮเซถูกจมนั้น คือปี 1708 ซึ่งก็เป็นปีเดียวกันกับที่เรือลำนี้ออกทะเลอยู่ สุดท้ายสรุปได้ว่า จุดที่พวกเขาจมเรือซานโฮเซลงเป็นจุดที่อยู่ไม่ไกลจากหมู่เกาะเคย์แมน เพราะในตอนนั้นเรือแข็งราวโขดหินลำนี้กำลังไปจะเติมเสบียง แล้วบังเอิญเจอเข้ากับเรือซานโฮเซพอดี พวกเขานึกว่านี่เป็นเรือลำเลียงพลลำหนึ่งของสเปน จึงทำการจมเรือลง”
“โจมตีเรือซานโฮเซแล้ว พวกเขากังวลว่าด้านหลังอาจจะมีกองเรือรบของสเปนอยู่ แถมพวกเขาเองก็เหลือเสบียงไม่มากแล้ว จึงรีบหนีออกไป นี่แหละเป็นเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้ทำการบันทึกตำแหน่งการสู้รบบนทะเลไว้!”
ฉินสือโอวลูบหลังหัวเบาๆ รู้สึกว่าเจ้าเบลคนี่ถือว่าเป็นคนมีพรสวรรค์คนหนึ่งเลย ถึงขั้นสามารถปะติดปะต่อเรื่องจนได้เบาะแสมาเยอะขนาดนี้ เขาอดที่จะชมออกไปไม่ได้ว่า “การที่นายไม่ไปทำงานในหน่วยข่าวกรองห้าพยัคฆ์ของซีไอเอนี่ถือว่าเป็นการสูญเสียของพวกเขาจริงๆ แล้วก็เป็นการสิ้นเปลืองพรสวรรค์ของนายเองด้วย”
หน่วยข่าวกรองห้าพยัคฆ์เป็นชื่อเรียกชื่อหนึ่ง เอาไว้ใช้เรียกหน่วยข่าวกรองของแคนาดาที่ต้องรวบรวมข้อมูลของหน่วยงานหลักทั้งห้าไว้ ซึ่งแบ่งออกเป็นหน่วยการค้าและการพัฒนาระหว่างประเทศ กระทรวงกลาโหมและยุทโธปกรณ์ หน่วยข่าวกรองความปลอดภัยระดับประเทศ และหน่วยตำรวจม้าหลวงและการสื่อสาร หน่วยงานทั้งห้านี้รับผิดชอบการรวบรวมข่าวกรองทางสัญญาณและข่าวกรองทางบุคคล เพื่อใช้เสนอมาตรการ และการป้องกันความปลอดภัยของประเทศรวมไปถึงการทหาร เหล่าคนมีความสามารถในนั้นล้วนเป็นคนที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการวิเคราะห์ข่าวกรอง ดังนั้นฉินสือโอวจึงพูดออกมาแบบนี้
เบลคหยิบแผนที่ทางทะเลของทะเลแคริบเบียนที่เขาพกติดตัวไว้ตลอดออกมาแผ่นหนึ่ง บนนั้นตรงจุดที่ค่อนไปทางฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ได้วาดดาวห้าแฉกสีแดงไว้ เขาพูดอย่างมั่นใจว่า “นี่ก็คือตำแหน่งคร่าวๆ ที่เรือซานโฮเซอยู่ นายหาวิธีไปตรวจเช็กกับบิลลี่อีกที ฉันคิดว่า พวกเราสามารถรวยเทียบเท่าประเทศได้จริงๆ นะ!”
…………………………………