หลังจากฉินสือโอวพาเหล่าชาวประมงตรวจสอบจำนวนและความแข็งแรงของปลิงทะเลแล้ว รู้สึกว่าไม่มีปัญหาจึงโบกมือเป็นความหมายว่าให้ปล่อยลงไปในฟาร์มปลาได้
บัตเลอร์ก็วิ่งตามมาด้วย หลังจากที่ลูกพันธุ์ปลิงทะเลได้ถูกเทลงไปในทะเลกล่องแล้วกล่องเล่าแล้ว เขาก็ทรุดลงไปคุกเข่ากับกราบเรือทันที แล้ววาดรูปไม้กางเขนบนอก เผยสีหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความศรัทธาออกมา ไม่รู้ว่ากำลังขอบคุณหรือกำลังขอพรอะไรกับพระเจ้าอยู่
ฉินสือโอวรีบประคองเขาขึ้นมาแล้วพูดว่า “นี่เป็นอะไรไปน่ะ? เพื่อน มา รีบลุกขึ้นมาเร็ว”
ลุงหนวดดำปัดมือเป็นความหมายว่าอย่ามายุ่งกับเขา แล้วก็คุกเข่าบ่นพึมพำอยู่ตรงนั้นอีกสักครู่แล้วค่อยลุกขึ้นมา หลังจากลุกขึ้นมาแล้วเขาก็พูดว่า “ฉิน หลายวันมานี้ฉันได้คิดเรื่องเรื่องหนึ่งมาตลอด นั่นก็คือพระเจ้าดีกับเราถึงเพียงนี้ พวกเราควรจะตอบแทนท่านอย่างไรดี?”
ฉินสือโอวถามออกไปอย่างหยั่งเชิงว่า “หรือไม่ สร้างร่างทองให้ท่านสักอันไหม?”
บัตเลอร์ถามอย่างกลับงงงวยว่า “ร่างทอง? ร่างทองคืออะไร?”
ฉินสือโอวจึงเล่าเรื่องร่างทองพระกับข้อปฏิบัติที่เกี่ยวข้องให้ฟังรอบหนึ่ง ที่จริงเขาก็แค่พูดเล่นเท่านั้น
แต่บัตเลอร์กลับคิดว่าเป็นเรื่องจริง เขาส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ สร้างร่างทองให้ท่านไม่ได้”
ฉินสือโอวหัวเราะฮ่าๆ แล้วพูดว่า “ใช่ๆ ฉันเข้าใจ ถ้าเกิดสร้างร่างทองให้กับพระเจ้าแล้ว ก็เท่ากับเป็นการดูหมิ่นความเชื่อของพวกนาย”
บัตเลอร์พูดว่า “ไม่ใช่เรื่องการดูหมิ่นความเชื่อหรอก แต่ว่าจะทำให้คนน้ำลายไหลได้ต่างหาก ร่างทองที่นายพูดถึงก็คือทำการปิดทองไว้ทั่วรูปปั้น ฉันกล้าพนันเลย พวกเราปิดไปได้แค่อาทิตย์เดียว ต้องมีโจรระดับนานาชาติมาขโมยรูปปั้นรูปนี้ไปแน่!”
“แล้วนายคิดว่าจะขอบคุณพระเจ้าอย่างไร?” ฉินสือโอวถาม
บัตเลอร์เงียบไปสักพัก พูดว่า “ฉันมีสองความคิด หนึ่งคือบริจาคเงินก้อนหนึ่งให้กับโรงเรียนที่ฉันเรียนจบมา ตั้งทุนการศึกษามาก้อนหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ที่ครอบครัวยากจน อีกอันก็คือฉันได้คิดเรื่องจะรับเลี้ยงเด็กกำพร้าไว้ด้วย เหมือนกับนายไงล่ะ”
ฉินสือโอวอยากอธิบายว่าเชอร์ลี่ย์ พาวลิสกับเด็กๆ เหล่านั้นเป็นเออร์บักที่เป็นคนรับเลี้ยง ตอนนั้นเขายังตระหนักไม่ได้ขนาดนี้ แต่พอกำลังจะพูดออกไปแล้ว เขาก็เปลี่ยนคำจะพูดเป็น “นายจบจากโรงเรียนอะไร?”
เขารู้สึกว่าลุงหนวดดำที่เติบโตมาบนท้องถนนอย่างเขายังสามารถตระหนักได้ถึงเพียงนี้ งั้นในฐานะคนหนุ่มที่เคยมีค่านิยมหลักคือสังคมนิยมแล้ว ควรจะตระหนักได้มากกว่านิดหน่อย บัตเลอร์เข้าใจว่าเขาเป็นคนรับเลี้ยงเด็กสี่คนไว้ก็ดี ขอแค่เขาเองก็จะทำเรื่องดีๆ แบบนี้ด้วยก็พอ
บัตเลอร์หัวเราะแล้วพูดว่า “ฉันจบจากมหาวิทยาลัยฟลอริดา”
ฉินสือโอวถูกคำพูดนี้ทำให้ตกตะลึงไปเลย จึงถามกลับไปว่า “อะไรนะ? นายเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยฟลอริดาเหรอ? ไม่ใช่อนุปริญญาหรือการศึกษานอกโรงเรียนใช่ไหม? เป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัยฟลอริดาตัวจริงเหรอ?”
มหาวิทยาลัยฟลอริดาเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากแห่งหนึ่ง โรงเรียนถูกก่อตั้งในปี 1853 เรียกสั้นๆ ว่าUF เป็นหนึ่งในโรงเรียนวิจัยอันดับต้นของโลกที่อยู่ในเครือมหาวิทยาลัยสหรัฐถึง 62 แห่งเลย เป็นมหาวิทยาลัยอันดับต้นของประเทศ ทุกคนต่างรู้ว่าสหรัฐมีมหาวิทยาลัยในเครือไอวีลีกที่เทพมากๆ จำนวนหนึ่ง มหาวิทยาลัยแห่งนี้ก็คือหนึ่งในนั้น
บัตเลอร์ยักไหล่แล้วพูดว่า “ฉันเป็นนักเรียนของมหาวิทยาลัย UF แล้วมันแปลกตรงไหนเหรอ? นายรู้สึกว่าตรงไหนของฉันที่ไม่เหมือนล่ะ?”
ระหว่างพูดอยู่ ตาของเขาก็หยีลงมา
พูดตามจริง ฉินสือโอวรู้สึกว่าลุงหนวดดำคนนี้ไม่ว่าจะตรงไหนก็ไม่เหมือนเรียนจบจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาเลย หากบอกว่าเขาเป็นหนุ่มที่สู้ชีวิตมาจากท้องถนนยังจะฟังขึ้นกว่าบอกว่าเขาจบจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาเสียอีก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่ดูจากทรงผมเดทร็อค ใส่ตุ้มหูเพชร กับการห้อยโซ่คล้องหมาสีทองเส้นใหญ่ นี่มันไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเด็กที่จบจากมหาวิทยาลัยที่ดังติดอันดับโลกจริงๆ นี่นา
แน่นอนว่าเขาไม่สามารถพูดอย่างนี้ได้ เขารีบชมบัตเลอร์ทันที จากนั้นก็พูดอ้อมๆ โดยบอกว่านิสัยเขาค่อนข้างแข็งกร้าว มีส่วนคล้ายกับลูกพี่บนท้องถนนมากกว่า
บัตเลอร์รู้สึกภูมิใจกับจุดนี้ เขาบอกว่าตั้งแต่เขาจบจากมหาวิทยาลัยฟลอริดาแล้วก็รับช่วงอุตสาหกรรมอาหารทะเลต่อจากที่บ้านเลย ตอนนั้นธุรกิจประจำตระกูลของเขาถูกตระกูลมอร์รี่โจมตีจนอยู่ในสภาพที่แย่มาก จะต้องไปแย่งพื้นที่การตลาดในตลาดอาหารทะเลบ่อยๆ นั่นน่ะไม่ต่างกับการแย่งถิ่นของพวกมาเฟียเลย นิสัยของเขาก็ถูกสร้างมาเพราะอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้มานานนั่นเอง
ในเมื่อทุกคนล้วนจบมหาวิทยาลัยมาทั้งนั้น จึงทำให้มีหัวข้อสนทนาร่วมกัน จากนั้นฉินสือโอวกับบัตเลอร์ก็คุยกันเรื่องความทรงจำในช่วงมหาวิทยาลัยกันสักพัก และแล้วก็รีบปิดปากแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยกันทันที หัวข้อสนทนาร่วมอะไรกัน เรื่องที่บัตเลอร์พูดมามีแต่จะเปิดปาร์ตี้ระบบสุริยะอย่างไร ควรจะเที่ยวผับอย่างไร กับวิธีการเข้าร่วมงานสุนทรพจน์ของคนดัง ส่วนเขาน่ะเหรอ? ในมหาวิทยาลัยมีแค่สองเรื่องคือเรียนกับเล่นบาสเกตบอลเท่านั้น ส่วนเรื่องสาวๆ น่ะเหรอ? ไม่มีเลยสักคน!
สุดท้ายเขาพูดกับบัตเลอร์ว่า รอเขาผลิตปลิงทะเลแห้งเสร็จแล้ว จะส่งไปให้คนฝั่งเขาหลายสิบกิโลกรัม ปลิงทะเลของฟาร์มปลาตัวเอง มีคุณค่าทางอาหารอย่างไรตัวเขารู้ดีที่สุด เขาจะส่งไปให้ที่บ้าน เพราะมีประโยชน์ต่อการบำรุงร่างกายของพ่อกับแม่
หลังจากปล่อยปลิงทะเลลงไปในฟาร์มปลาแล้ว เรือขนส่งหินที่เรคติดต่อไว้ก็ได้มาถึงในที่สุด หินพวกนี้มีขนาดไม่เท่ากัน รูปทรงก็แปลกประหลาด ฉินสือโอวใช้น้ำปูนขาวสาดไปทีหนึ่งเพื่อป้องกันแบคทีเรียและปรสิตเข้ามาในฟาร์มปลา จากนั้นก็ใช้เครื่องเครนยกลงไปไว้ในน่านน้ำตื้น
การวางหินพวกนี้จำต้องใช้ทักษะเหมือนกัน ใช่ว่าจะสามารถวางไปเรื่อยได้ จะต้องวางลงไปตามลำดับขั้น คือวางโขดหินที่เป็นทรงเซกเตอร์ไว้ก่อน การทำแบบนี้สามารถขยายกระแสน้ำลับใต้ทะเลได้ หลังจากที่กระแสน้ำไหลผ่านเหล่าหินพวกนี้แล้วจะสามารถไหลได้แรงยิ่งขึ้น
ต้องรู้ก่อนว่าปริมาณสารอาหาร ความเร็วในการเติบโตของปลิงทะเลจะแปรผันตรงกับการออกกำลังของพวกมัน และเนื่องจากปลิงทะเลขี้เกียจมาก หลังจากที่หาสถานที่พักพิงที่เหมาะสมได้แล้ว ก็จะไม่ขยับไปไหนอีก แล้วจะทำอย่างไรให้พวกมันเคลื่อนไหวร่างกายล่ะ? งั้นกระแสน้ำก็ต้องไหลให้เร็วที่สุด เพื่อป้องกันการถูกกระแสน้ำพัดไป พวกมันจึงต้องใช้แรงให้มากขึ้นเพื่อจะได้เกาะหินเอาไว้ได้ นี่ก็คือวิธีการกระตุ้นให้พวกมันออกกำลังนั่นเอง
หลังจากฉินสือโอวรู้ถึงจุดนี้แล้ว ก็รู้สึกว่าต่อไปนี้จะด่าคนว่าขี้เกียจเหมือนหมูไม่ได้แล้ว จะต้องเรียกว่าปลิงทะเลถึงจะถูก อีกอย่างหน้าตาของปลิงทะเลก็น่าเกลียดกว่าหมูเสียอีก…
หลังจากจัดการกับปัญหาการเพาะเลี้ยงปลิงทะเลที่ฟาร์มปลาต้าฉินเบอร์สองเสร็จแล้ว ถือว่าฉินสือโอวสามารถโล่งใจและพักผ่อนไปได้อีกหลายวันแล้ว เขาอยู่ต่อที่ฟาร์มปลาเบอร์สองอีกสองวัน เพื่อตรวจเช็กการติดตั้งเครื่องจักรไลน์ผลิตอาหารปลาที่ส่งมา
เมื่อเทียบกับฟาร์มปลาเบอร์สองตอนนี้กับเมื่อหนึ่งปีที่แล้วได้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก การที่น้ำทะเลถูกพืชน้ำและสาหร่ายทะเลกำจัดสิ่งปนเปื้อนแล้ว ทำให้น้ำใสสะอาดขึ้นมาก ลำเรือที่แล่นอยู่บนนั้น ก็ไม่ได้กลิ่นคาวที่เหม็นเหมือนมีของตายแบบนั้นอีกแล้ว หากว่ามองลงมาจากด้านบน จะสามารถมองเห็นใบสาหร่ายสีเขียวขจีอยู่เต็มทะเล นี่ก็คือผลลัพธ์ของการที่สาหร่ายทะเลขยายพันธุ์อย่างบ้าคลั่งนั่นเอง
บนผืนดิน เริ่มจากการที่มีตึกเล็กสามชั้นตั้งขึ้นมา นอกจากนี้ก็คือโกดังที่ดูเกะกะพวกนั้นได้ถูกพังไปหมดแล้ว และกลายมาเป็นห้องเครื่องสี่ห้องแทน พนักงานหลายคนกำลังวุ่นอยู่กับการติดตั้งเครื่องจักรที่ต้องใช้ในการผลิต ไม่ถึงสองเดือน ที่นี่ก็จะสามารถส่งออกอาหารปลาที่ดีที่สุดของโลกออกไปได้แล้ว
นอกเหนือจากนี้ จุดที่เชื่อมกันระหว่างผืนดินและมหาสมุทร ได้มีท่าเรือที่แข็งแรงยื่นออกไปในมหาสมุทร ทั้งยาวกว่า กว้างกว่า มั่นคงกว่า ท่าเรือท่านี้เป็นสิ่งที่ฉินสือโอวตั้งใจอย่างมากในการสร้างมันขึ้นมา สามารถจอดเรือยักษ์ขนาดห้าพันตันขึ้นไปได้ เป็นจุดที่เปลี่ยนแปลงมากที่สุดของฟาร์มปลา
การติดตั้งไลน์ผลิตไม่มีปัญหา เรื่องนี้เขาไม่จำเป็นต้องกำกับเอง เพราะมีผู้ผลิตรับผิดชอบอยู่ สุดท้ายสิ่งที่เขาได้มาก็คือห้องเครื่องสี่ห้องที่ใช้ผลิตอาหารปลา ดังนั้นที่ฟาร์มปลาเบอร์สองนี้จึงไม่มีเรื่องอะไรที่เขาต้องทำอีก เขาจึงกลับไปที่ฟาร์มปลาต้าฉินเพื่อเตรียมพักผ่อน
…………………………