ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1610 ประโยชน์ของกองทัพกั้ง

บทที่ 1610 ประโยชน์ของกองทัพกั้ง

ฉินสือโอวนึกว่าบูลเป็นลมชัก จึงรีบเข้าไปช่วย แต่พอสุดท้ายได้เข้าไปใกล้แล้วจึงพบว่า ที่เขาโบกปัดมือคือเป็นความหมายว่าไม่ให้เขาไปจับปลิงทะเลสีขาวตัวนั้น

ทั้งสองเข้ามาใกล้กัน บูลทำไม้ทำมือทุกรูปแบบ แต่ฉินสือโอวก็ยังไม่เข้าใจว่าเขาอยากพูดอะไร รู้แค่ว่าเขาไม่ให้ตัวเองไปจับปลิงทะเลตัวนั้น ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นเขาก็ยังจะไม่ไปจับแล้วกัน อย่างไรเสียก็ไม่กลัวมันหนีไปอยู่แล้ว ความเร็วอันน้อยนิดของปลิงทะเลก็ไม่ได้ดีไปกว่าหอยทากสักเท่าไรหรอก

บีน สโนว์เฟลกกับไอซ์สเกตสามตัวน้อยพอได้กลิ่นอายของฉินสือโอวแล้วก็รีบว่ายเข้ามาหา พวกมันโตกันหมดแล้ว อย่างน้อยก็โตเป็นวัยรุ่นกันแล้ว สโนว์เฟลกโตได้สวยงามสง่างามกว่าเดิมมาก ผิวสีขาวทั้งตัว ราวกับคริสตัลชุบเงิน ไม่ได้เป็นสีขาวบริสุทธิ์เท่านั้น แต่เป็นสีขาวที่เปล่งประกายแวววาว

การได้เห็นเจ้าสามตัวน้อยมีท่าทีสนิทสนมกับฉินสือโอวแบบนี้ บูลกลับไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เขาดึงอวนแหออก เริ่มทำการเก็บปลิงทะเลบนโขดหิน ตัวแล้วตัวเล่า ไม่นานก็ทำการกวาดปลิงทะเลรอบตัวไปจนเกลี้ยง

ฉินสือโอวจำต้องทำงานต่อ แต่ว่าเจ้าสามตัวเล็กที่นานๆ ได้เจอกับเขาทั้งที จึงอยากลากเขามาเล่นด้วยกัน

บีนได้ใช้หัวถูไปที่หลังของเขาไม่หยุด พอฉินสือโอวหันหลังมาเขาก็รีบเปลี่ยนตำแหน่ง หลบอยู่หลังฉินสือโอวได้ทุกครั้งไป ส่วนไอซ์สเกตก็ว่ายไปมาตรงบริเวณรอบๆ อย่างสงบ ระหว่างนั้นเองที่ฉลามแมวเจ็ดพี่น้องได้ว่ายเข้ามาอย่างไม่ให้ซุ่มไม่ให้เสียง จึงถูกไอซ์สเกตเข้าใจผิดว่าพวกมันอยากจะโจมตีฉินสือโอว จึงรีบอ้าปากเผยฟันที่แหลมคมราวใบมีดออกมา แล้วทำการไล่ตามพวกฉลามแมวเจ็ดพี่น้องอยากดุดัน

บอลหิมะทิ้งตัวลงไปที่ใต้ทะเล ส่ายหางอย่างมีความสุขเพื่อเป็นสัญญาณให้ฉินสือโอวขึ้นไปนั่งบนหลังมัน เห็นได้ชัดว่าอยากจะให้เขาขึ้นไปเล่นด้วย

ทางฉินสือโอวยังมีงานต้องทำอีกนะ เขายื่นมือออกไปตบหัวของบอลหิมะเบาๆ ให้มันรอก่อน บอลหิมะมีไอคิวที่สูงมาก เข้าใจความหมายของท่าทีนี้ของเขา จึงหยุดรออยู่ข้างๆ ภายหลังบีนยังอยากแกล้งฉินสือโอวเล่นต่อ มันก็เข้าไปห้ามบีนไว้ แล้วพามันถอยห่างออกไป

อย่างนี้ฉินสือโอวถือว่ามีเวลาแล้ว เขารีบเก็บปลิงบนโขดหิน จำนวนปลิงทะเลที่อยู่ล้อมรอบปลิงสีขาวมีมากกว่าปกติ มีจำนวนมากกว่าจุดอื่นๆ มาก ราวกับว่าปลิงกลายพันธุ์สีขาวตัวนี้มีพลังพิเศษที่สามารถดึงดูดสัตว์พวกเดียวกันได้อย่างนั้น

น่านน้ำแถบนี้น่าจะมีปลิงทะเลสองร้อยกว่าตัวได้ แถมล้วนเป็นปลิงตัวโตเต็มวัยที่อวบอ้วนทั้งหมดด้วย รวมๆ แล้วไม่ได้หนึ่งร้อยปอนด์ก็น่าจะมีแปดสิบปอนด์

ปลิงทะเลที่ขนาดตัวเท่านี้ ราคาสูงมาก ปลิงขาวตามธรรมชาติที่ตัวใหญ่ขนาดนี้พบเห็นได้น้อยมาก ประเทศที่ผลิตปลิงขาวมากที่สุดอย่างประเทศจีน ฟิลิปปินส์ และสิงคโปร์ ปลิงขาวตัวใหญ่ล้วนเป็นแบบปลิงเลี้ยงทั้งหมด ปกติผู้เลี้ยงจะทำการหว่านจำพวกยาปฏิชีวะและอาหาร ทำให้แม้ปลิงจะตัวโตแต่คุณค่าทางสารอาหารต่ำมาก

ส่วนทางฉินสือโอวแม้จะถือว่าเป็นปลิงเลี้ยงเหมือนกัน แต่ว่าตั้งแต่ปล่อยลูกพันธุ์มา เขาไม่เคยใช้ยาสารเคมีหรือให้อาหารมาก่อนเลย จึงไม่แตกต่างกับปลิงตามธรรมชาติ ความจริงการที่ได้พลังโพไซดอนช่วย ตั้งแต่ปีที่แล้วปลิงขาวก็สามารถออกจำหน่ายได้แล้ว แต่เขายังคงรอต่ออีกหนึ่งปี ก็เพื่อให้พวกมันตัวโตตัวอ้วนขึ้นอีกนิด

ทำการเก็บรวบรวมปลิงทะเลรอบๆ ไว้ เขายกอวนแหขึ้นมา แล้วก็ไปตามหาปลิงทะเลที่จุดต่อไปต่อ

คราวนี้บอลหิมะไม่พอใจแล้ว เมื่อกี้เขารอให้ฉินสือโอวมาเล่นด้วย ดังนั้นจึงไม่ได้มาวุ่นวาย แต่กลายเป็นว่างานนี้ไม่จบไม่สิ้นสักที ฉินสือโอวไม่กะจะมาเล่นกับพวกมันนี่นา ดังนั้นภายใต้อารมณ์โมโห มันจึงพาบีนพุ่งเข้ามา หน้าตัวหลังตัวขวางทางฉินสือโอวไว้ แล้วใช้หัวโตๆ ชนเขาเพื่อให้ไปเล่นด้วยกัน

ฉินสือโอวเกาหัว เจ้าสามตัวน้อยนี้ยังคงเห็นแก่เล่นอยู่มาก ดูท่าแล้วหากว่าตัวเองลงทะเลแล้วคงไม่ได้ทำงานแล้วล่ะ คงต้องไปเล่นเป็นเพื่อนพวกมัน

แต่ว่า น่านน้ำอันกว้างขวางขนาดนี้ จะพึ่งบูลคนเดียวก็คงจะไม่ทัน การเก็บปลิงทะเลใช้เวลานานมาก แถมยังต้องนำไปอบแห้งอีก บัตเลอร์ก็มาเพื่อที่จะนำปลิงทะเลกลับไปด้วย อย่างนี้เวลาจึงค่อนข้างกระชั้นชิด

พอคิดอยู่สักพัก ฉินสือโอวก็มองเห็นกั้งที่แอบออกมา กั้งตัวนี้ตัวใหญ่กว่าฝ่ามือของเขาอีก เป็นกั้งตัวใหญ่ตัวหนึ่ง พลังในการต่อสู้น่ากลัวมาก วางตัวเป็นนักเลงในท้องทะเล ไม่มีใครกล้าไปขวางทางมันเลย

เป้าหมายของมันเหมือนกับฉินสือโอว ก็คือมาหาปลิงทะเลเหมือนกัน พอเจอปลิงทะเลแล้วก็ใช้ก้ามสับจนปลิงทะเลกลายเป็นหลายส่วนอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ยัดเข้าไปในปากกินขึ้นมาอย่างเอร็ดอร่อย

ฉากนี้ทำให้ตาเขาเป็นประกายขึ้นมาทันที เฮ้ย ก้ามของกั้งพวกนี้ว่องไวมากเลยนี่ อย่างนี้เขาเองก็มีกองทัพกั้งอยู่แล้วนี่ ทำไมยังต้องมาทำงานเองอีกล่ะ?

ตอนนี้ระยะห่างของเขากับบูลได้ห่างกันออกไปแล้ว เขาทำอะไรอยู่ทางนี้ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะถูกบูลเห็นเข้า เมื่อเห็นแบบนี้เขาจึงรีบตามหากองทัพกั้ง แล้วเรียกพวกมันมารวมตัวกันที่นี่ จากนั้นก็ใช้จิตสำนึกแห่งโพไซดอนออกคำสั่งกับพวกมัน ให้เหล่ากั้งทั้งหลายตามหาแล้วก็จับปลิงทะเลมารวมกันไว้ เขาค่อยมาเก็บทีหลังก็ได้แล้ว

ความคิดนี้สามารถทำได้แน่ จากที่ถูกจิตสำนึกแห่งโพไซดอนหล่อเลี้ยงมาหลายปี เหล่ากั้งไม่ได้เป็นเจ้าพวกที่โง่จนทำให้คนน้ำตาไหลอีกต่อไปแล้ว พวกมันสามารถเข้าใจคำสั่งที่จิตสำนึกแห่งโพไซดอนสั่งได้ รวมตัวกันเข้ามาเป็นฝูง มารวมกันไม่ว่าจะตัวเล็กหรือตัวใหญ่ เปลือกมีลายได้สะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาจากผิวน้ำ ทำให้เปล่งประกายออกมาวิบวับ ดูมีสง่าราศีอย่างมากมาย

ปลิงทะเลเป็นหนึ่งในอาหารของพวกมัน การจับปลิงทะเลสำหรับพวกมันแล้วถือเป็นงานถนัด หลังจากเจอปลิงทะเลแล้วแค่ใช้ก้ามจับก็ได้ตัวมาแล้ว ฉินสือโอวไม่สนใจว่าปลิงทะเลจะเป็นหรือตาย ขอแค่อย่าทำให้ปลิงทะเลแหลกเป็นชิ้นก็พอ ส่วนเรื่องอื่นก็ตามใจเหล่ากั้งเลย

เมื่อมีกั้งช่วยทำงาน ฉินสือโอวจึงสบายตัว เขาว่ายลอยไปมาในน้ำทะเล บอลหิมะรีบมุดเข้าไปใต้ขาเขา แบกเขาไว้แล้วว่ายไปมาในน้ำอย่างรวดเร็ว

นี่ทำให้เกิงจุนเจี๋ยที่อยู่บนเรือตกใจสุดขีดเลย ทำไมสายออกซิเจนของเขาถึงได้ขยับไกลออกไปไม่หยุดเลย? ฉินสือโอวที่อยู่ในน้ำเกิดเรื่องอะไรขึ้น?

การติดต่อกันระหว่างบนบกและในน้ำล้วนพึ่งแต่ท่อออกซิเจนท่อนี้ เกิงจุนเจี๋ยปล่อยวงแหวนเหล็กสีแดงลงไปห่วงหนึ่ง เพราะแรงโน้มถ่วง พอห่วงเหล็กลงไปในน้ำแล้วก็จมลงไปอย่างรวดเร็ว และไหลลงไปตามท่อออกซิเจนเรื่อยๆ ไปที่ด้านนอกหมวกกันน็อกของผู้ดำน้ำ เพื่อทำการติดต่อกับคนข้างใน

ตอนนี้เองที่ฉินสือโอวเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าในปากของตัวเองยังอมท่อออกซิเจนไว้อยู่ เขาตบบอลหิมะเบาๆ ให้มันหยุด จากนั้นก็เห็นว่าปลิงทะเลที่พวกกั้งเก็บได้มีจำนวนหนึ่งแล้ว จึงเข้าไปเปิดอวนแหออกนำปลิงทะเลใส่เข้าไป หลังจากใส่จนเต็มแล้วก็ขึ้นไปขี่บอลหิมะอีกที ให้มันพาตัวเองขึ้นไปบนผิวน้ำ

จุดที่พวกเขาดำน้ำค่อนข้างตื้น แถมร่างกายของฉินสือโอวยังพิเศษอีก จึงไม่ต้องกังวล หลังจากเพิ่มพลังให้หัวใจโพไซดอนไปหลายครั้ง ความดันของน้ำทะเลส่งผลกับเขาน้อยมากๆ ในน้ำเขาถึงขั้นสามารถหายใจได้เลยด้วยซ้ำ

ฉินสือโอวเชื่อว่า หากว่าต่อไปทำการเพิ่มพลังให้หัวใจโพไซดอนไปอีก เขาต้องสามารถอาศัยอยู่ในน้ำได้อย่างแน่นอน กินข้าวหรือหายใจในน้ำได้อย่างไม่มีปัญหาแน่

หลังจากเขาโผล่ขึ้นไปบนผิวน้ำแล้ว เกิงจุนเจี๋ยจึงวางใจลง ช่วยเขาถอดหมวกกันน็อกไปพลางพูดไปพลางว่า “เมื่อกี้ทำเอาผมตกใจแทบแย่ครับบอส ผมนึกว่าคุณถูกฉลามคาบไปแล้วเสียอีก”

ฟังคำพูดนี้ของเขาแล้วฉินสือโอวหัวเราะร่าออกมา พูดว่า “ไม่ใช่ฉลาม เป็นวาฬเบลูก้า เมื่อกี้ฉันขี่วาฬเบลูก้าเพื่อหาปลิงทะเลน่ะ”

เขาใช้มือตบไปที่น้ำเบาๆ บอลหิมะก็โผล่ออกมาทันที ผิวของบอลหิมะติดน้ำทะเลมาด้วย แสงอาทิตย์ที่ส่องไปบนตัวมันได้ส่องประกายออกมา ร่างกายที่เรียวยาวได้พุ่งทะยานขึ้นมาจากน้ำทะเล งดงามอย่างที่สุด!

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท
Close Ads ufanance
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตออนไลน์
Click to Hide Advanced Floating Content สมัคร ufabet
Click to Hide Advanced Floating Content สล็อตฟรีสปิน