ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1719 งานการขนส่งใหญ่

บทที่ 1719 งานการขนส่งใหญ่

ฉินสือโอวนำปลาไหลมาทำแค่สองตัว อีกสองตัวเขาจะเอากลับบ้านไปให้ลูกและภรรยากิน วินนี่ท้องแล้ว พอดีเลยจะได้กินปลาไหลเพื่อบำรุงร่างกายด้วย

เหล่าชาวประมงกินแล้วก็พากันติดใจ ตอนเย็นพวกเขาจึงเอาของมามัดรวมกันรั่วๆ อันหนึ่งโยนลงไปในน้ำ เจ้าสิ่งนี้หน้าตาคล้ายกับซูเปอร์อาวุธรหัสสังหารสามพันในภาพยนตร์เรื่อง ‘พยัคฆ์ร้ายไม่มีวันตาย’ ของจีน เพียงแต่ว่าของที่มัดไว้บนนั้นเป็นพวกท่อพลาสติกและท่อนไม้ไผ่เล็กใหญ่ ไม่ใช่ของจำพวกมีดอีโต้อาบยาพิษอะไรพวกนั้น

ของสิ่งนี้เอาไว้ใช้จับปลาไหลโดยเฉพาะ ปลาไหลอเมริกันชอบมุดเข้าไปในสิ่งของที่เป็นท่อนแบบนี้ แล้วพวกมันยังค่อนข้างอ่อนไหวต่อกลิ่นคาวเลือดด้วย ดังนั้นขอแค่ใส่น้ำแข็งเลือดปลาเข้าไป นำไปใส่ไว้ในน้ำหนึ่งชั่วโมงแล้วดึงขึ้นมา ก็จะมีปลาไหลอเมริกันอยู่ข้างในแล้ว

การจับกุ้งมังกรและปูดันเจเนสส์ในฟาร์มปลาจะง่ายกว่ามาก ทุกวันเหล่าชาวประมงจะออกทะเลไปสำรวจสถานที่ที่จับปลา ที่ไหนมีปลาอะไรกุ้งอะไรอาศัยอยู่ล้วนถูกบันทึกไว้ทั้งหมด เท่านี้พอจะเก็บเกี่ยวปลาก็แค่ไปปล่อยแหตามที่ที่มีปลาที่อยากจะจับก็ได้แล้ว

แต่ว่าเพราะกุ้งมังกรกับปูดันเจเนสส์จะนำไปวางขายในราคาสูง ดังนั้นจึงจำเป็นต้องจับเป็น ฉินสือโอวได้ติดต่อไปหาบัตเลอร์ล่วงหน้าแล้ว เครื่องบินขนส่งลำใหญ่ลำหนึ่งได้จอดรออยู่ที่ฟาร์มปลาแล้ว เพื่อรอที่จะขนกุ้งปูกลับไป จากนั้นบินตรงไปที่จุดเปลี่ยนเครื่องในอเมริกา แล้วค่อยส่งไปยังร้านขายอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉินสาขาต่างๆ

การเก็บเกี่ยวปลาตามธรรมชาติ จะต้องรอเป็นเวลากว่าครึ่งวันถึงหนึ่งวัน แต่กับฟาร์มปลาไม่จำเป็นต้องใช้เวลาขนาดนั้น ช่วงเช้าเรือปริ้นเซสเมล่อนได้โยนตะกร้าจับปลาแต่ละอันลงไปในนั้น หลังจากที่โยนตะกร้าใบสุดท้ายลงน้ำแล้ว ก็สามารถกลับลำไปเก็บตะกร้าใบแรกได้แล้ว วนแบบนี้แค่รอบหนึ่งก็เสร็จแล้ว

ออกทะเลวันนี้ก็กลับวันนี้เลย ตอนหัวค่ำพระอาทิตย์ยังคงสว่างจ้าอยู่ เรือปริ้นเซสเมล่อนกลับไปถึงท่าเรือ ก็มีรถกระบะมารออยู่ก่อนแล้ว นำปลาที่ได้ย้ายไปบนนั้น แล้วส่งต่อไปยังเครื่องบินขนส่งอย่างรวดเร็ว

ฉินสือโอวไปเช็กดู เครื่องบินลำใหญ่ที่น่าเกรงขามลำหนึ่งจอดอยู่ที่นั่น ไม่ว่าจะรถหรือเครื่องบินลำเล็กของฟาร์มปลาล้วนถูกย้ายออกไปหมด เหลือไว้เพียงแต่เครื่องบินลำใหญ่ที่จอดแช่อยู่ตรงสุดทางลู่วิ่งเครื่องบินอย่างสง่างาม

“ชิท ฉันว่านะเพื่อน นายไปหาคนสหภาพโซเวียตที่ซื่อตรงนี่มาจากไหนเนี่ย? เจ้านี่น่ะดูมีพลังอำนาจจริงๆ เลย!” ฉินสือโอวมองดูเครื่องบินลำนี้แล้วก็อดที่จะใจหายไม่ได้

เครื่องบินขนส่งลำนี้จะมีชื่อเสียงมาก ชื่อรุ่นของสหภาพโซเวียตคือเครื่องบินขนส่งอิลยูชิน 76MD คนประเทศสหภาพโซเวียตที่ซื่อตรงเป็นชื่อของมันในเนโท เป็นเครื่องบินที่ขึ้นบินลำแรกในเครื่องบินลำใหญ่สี่ลำที่ใช้ได้ทั้งกองทัพและพลเรือนในการขนส่งของในปีเจ็ดศูนย์ของศตวรรษที่แล้ว

น้ำหนักที่อิลยูชิน 76MD รับได้นั้นน่าประทับใจมาก คือขนาดน้ำหนัก 210 ตัน สามารถใช้บรรทุกของน้ำหนักมากกว่า 150 ตัน มีชื่อเสียงโด่งดังมากในประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศของโลก สามารถพูดได้ว่ามันเป็นเครื่องบินบรรทุกขนส่งสำหรับของหนักที่ประสบความสำเร็จที่สุดของโลกก็ว่าได้ ในปัจจุบันได้มีมากกว่า 38 ประเทศแล้วที่เคยใช้หรือไม่ก็กำลังจะใช้มัน และมีผู้จัดจำหน่ายรวมมากกว่า 850 กว่าบริษัท

แต่ฉินสือโอวมองออก เครื่องบินรุ่นนี้ไม่ใช่ของสำหรับพลเรือนที่ผ่านการดัดแปลงแก้ไขตามท้องตลาด แต่เป็นของที่ไว้ใช้สำหรับกองทัพตัวจริง!

เมื่อเห็นสีหน้าที่ตกใจของเขา บัตเลอร์ก็หัวเราะออกมาอย่างได้ใจ พูดว่า “เป็นอย่างไรบ้าง รถบรรทุกของฉันครั้งนี้ไม่เลวใช่ไหม? ไปกัน ไปดูรถบรรทุกคันใหม่ของฉันใกล้ๆ กัน เพื่อที่จะให้ได้มันมา ฉันต้องลงแรงอย่างมากเลยนะ ถ้าหากไม่ใช่เพราะฉันมีเพื่อนสนิทอยู่ที่รัสเซียแล้วก็ยูเครนแล้วล่ะก็ งั้นตอนนี้เจ้านี่ก็คงยังนอนอยู่ที่ศูนย์กองทัพอากาศของยูเครนอยู่เลย!”

ประเทศที่ใช้อิลยูชิน 76MD ในกองทัพมากที่สุดก็คือสหภาพโซเวียต ตอนโซเวียตล่มสลาย มีอาวุธมากมายถูกทิ้งไว้ที่ยูเครน เห็นได้ชัดว่าเครื่องบินลำนี้ก็คือของที่หลงเหลือมาจากสมัยนั้น

พอมองดูใกล้ๆ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่และความกดดันของเครื่องบินลำใหญ่ลำนี้ ฉินสือโอวยื่นมือออกไปจับรอยสนิมบนแผ่นเหล็กด้านนอก ความเย็นยะเยือกและความรู้สึกสุขุมที่ได้จากการสัมผัสนี้ทำให้ใจเขาอยู่ไม่เป็นสุข ราวกับได้รู้สึกถึงกลิ่นอายของการถูกกองเหล็กล้อมรอบของโลกก่อนหน้านี้เลย

บัตเลอร์ปล่อยให้เขานึกภาพต่อไป ตัวเองยืนจ้อสไตล์คนดำต่อไม่หยุดอยู่ข้างๆ ว่า “ความจริงฉันคิดจะหาคอสแซคสักลำ ให้ตายเถอะ ตอนได้เห็นเจ้านั่นฉันก็สุขอารมณ์เลยนะครับ ตอนนั้นตรงเป้ากางเกงฉันนี่เปียกเลย คอสแซค คอสแซคสีแดงนายรู้จักใช่ไหม? ตอนนายเห็นแล้วได้เปียกไปด้วยหรือเปล่า?”

ฉินสือโอวเป็นแฟนกองทัพหุ่น แน่นอนว่าเขาต้องรู้ว่าคอสแซคคืออะไร คอสแซคในที่นี้ไม่ได้หมายถึงกองทหารม้ายุโรปตะวันออก แต่เป็นสุดยอดเครื่องบินขนส่งของรัฐบาลที่ชื่อรุ่นแอน 225!

น้ำหนักขึ้นบินสูงสุดที่อิลยูชิน 76MDสามารถรับได้คือ 210 ตันก็น่าขนลุกพอแล้ว แต่ว่าน้ำหนักขึ้นบินสูงสุดที่แอน 225 รับได้นั้นน่ากลัวกว่า คือ 600 ตัน!

ความสนใจทั้งหมดของฉินสือโอวอยู่ที่เครื่องบินลำนี้ จึงไม่ได้สนใจคำพูดของบัตเลอร์ จึงพูดออกไปอย่างไม่ใส่ใจว่า “ไม่หรอกมั้ง ตั้งแต่สี่ขวบฉันก็ไม่ฉี่ราดกางเกงแล้ว”

บัตเลอร์จับไหล่เขาไว้แล้วพูดว่า “ชิท ชิท ชิท! ใครฉี่รดกางเกงอะไรกัน? ฉันเสร็จต่างหาก เสร็จแล้วเข้าใจไหม?”

ฉินสือโอวไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องตื่นเต้นขนาดนี้ เขากลัวว่าเจ้าหมอนี่จะมาเสร็จใส่เขา เขาจึงรีบพยักหน้าแล้วพูดว่า “เข้าใจ ฉันเข้าใจเพื่อน สมัยอยู่มัธยมปลายมีอยู่ช่วงหนึ่งที่ฉันมีปัญหานี้เหมือนกัน นั่นน่ะเรียกว่าหลั่งเร็ว ไม่เป็นไร การแพทย์จีนของเราชำนาญในการรักษาโรคนี้มาก เดี๋ยวฉันติดต่อให้นายคนหนึ่งเอาไหม?”

บัตเลอร์มองที่เขาด้วยสายตาแน่นิ่ง จากนั้นก็พูดอย่างหมดแรงว่า “ช่างเถอะ นายน่ะมันสารเลว!”

ในที่สุดข้างหูก็สงบลงเสียที ฉินสือโอวจึงหัวเราะเหอๆ ออกมา เขารู้สึกชื่นชมบัตเลอร์มาก การที่สามารถซื้อเครื่องบินขนส่งมาจากยูเครนได้ก็ทำให้คนตกใจมากพอแล้ว แต่ที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือเจ้าหมอนี่ยังถึงขั้นสามารถหาวิธีทำใบอนุญาตการขนส่งเพื่อนำมาใช้ด้วยได้อีก

ปูดันเจเนสส์และกุ้งมังกรมีมูลค่ามาก ไม่สามารถเก็บไว้ข้ามคืน ไม่อย่างนั้นจะก่อให้เกิดการเสียชีวิตได้ ดังนั้นหลังจากขนย้ายไปบนเครื่องบินเรียบร้อยแล้ว แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดมิด อิลยูชินก็ยังคงออกบินต่อไป

ก่อนจะไป บัตเลอร์พูดกับเขาว่า “ฉิน นายรีบขยายสนามบินให้ใหญ่กว่านี้เลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะสนามบินนายเล็กเกินไปจนจอดคอสแซคไม่ได้แล้วล่ะก็ ฉันคงต้องซื้อมันแน่ ไม่ซื้ออิลยูชิน 76 นี้หรอก”

สนามบินของฟาร์มปลาต้าฉินนี้แค่จอดอิลยูชิน 76MD ก็เกินแรงมากแล้ว นักบินที่บัตเลอร์เชิญมาเป็นทหารอากาศมือดีของรัสเซียที่เพิ่งเกษียณ นี่น่ะเป็นคนที่เขาใช้เงินมากมายจึงจะขุดมาได้เลย นักบินทั่วไปไม่สามารถขับเครื่องบินแบบนี้ได้หรอก

มองดูอิลยูชินที่บินออกไปราวกับนกร็อกตัวใหญ่ พวกของฉินสือโอวยืนอยู่ไกลมาก เพราะเสียงขึ้นบินของเครื่องบินลำใหญ่ลำนี้ถึงขั้นสามารถทำให้คนสลายไปได้เลย

ร้านเปิดจนใหญ่ ก็เท่ากับยุ่งมากขึ้น เพิ่งจะขนกุ้งปูออกไปได้เต็มลำเครื่องบินแท้ๆ เหล่าชาวประมงก็ต้องเตรียมล็อตต่อไปแล้ว น้ำหนักของแต่ละล็อตล้วนหนักกว่าห้าสิบตันทั้งนั้น ปริมาณกุ้งปูขนาดนี้สามารถวางขายที่ตลาดได้มากสุดแค่หนึ่งอาทิตย์เท่านั้น

ช่วงกลางเดือนกรกฎาคม ฉินสือโอวได้รับคำเตือนเกี่ยวกับลมมรสุมที่กรมอุตุนิยมวิทยาส่งมา บอกว่ามีพายุไซโคลนความร้อนมาจากมหาสมุทรแอตแลนติก ให้เหล่าเจ้าของฟาร์มปลาเตรียมรับมือกับพายุนี้ด้วย

สิ่งที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำ ก็คือคลื่นของสองวันมานี้ใหญ่ขึ้นมาก มีครั้งหนึ่งกอร์ดอน เสี่ยวชาร์คและพวกวัยรุ่นได้ไปเล่นเครื่องฟลายบอร์ดกัน มีคลื่นใหญ่ลูกหนึ่งตีมาทำเอาเครื่องเจ็ทสกีพลิกคว่ำไป กอร์ดอนที่อยู่บนฟ้าจึงดิ่งลงมาหัวทิ่มเลย

ตอนนั้นทำเอาฮิลตันคนน้องตกใจเป็นอย่างมาก ดีที่เป็นฟลายบอร์ดไม่ใช่เจ็ทแพค มันไม่ได้บินสูงมากแค่ห้าหกเมตรเท่านั้น แต่แค่นี้ก็เพียงพอให้กอร์ดอนสำลักไปอึกใหญ่แล้ว

……………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท