ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1727 ปีศาจสาวทำลายล้าง

บทที่ 1727 ปีศาจสาวทำลายล้าง

การแข่งขันยึดกฎกติกาตามการแข่งขันบาสเกตบอลนานาชาติ ซึ่งแบ่งเป็นทั้งหมดสี่ช่วง แต่ละช่วงมีสิบนาที ในช่วงที่สองและสามจะมีเวลาพักครึ่งคือสิบห้านาที เวลาคั่นในแต่ละช่วงคือสองนาที เวลาการจู่โจมคือยี่สิบสี่นาที และต้องผ่านไปถึงครึ่งสนามภายในเวลาแปดวินาที หากคนหนึ่งทำผิดกติกาครบห้าครั้งจะต้องถูกปลดออกจากสนาม

เริ่มจากการกระโดดตบบอลกลางสนามก่อน มิเชลยืนอยู่ด้านหลังสุด เขาเป็นคนที่เตี้ยและผอมที่สุดในสนาม เสื้อกีฬาพออยู่บนตัวเขาแล้วทั้งใหญ่ทั้งหลวม มองไปแล้วดูอนาถจริงๆ

ในตอนนี้แฟนบอลที่มาชมการแข่งขันได้ส่งเสียงโห่และเสียงหัวเราะออกมา มีคนถามไม่หยุดว่าเด็กที่เหมือนกับลิงผอมนั่นเป็นใคร มิเชลสามารถได้ยินเสียงพวกนี้ แต่ว่าใบหน้าเขามีเพียงรอยยิ้มจางๆ เท่านั้น ไม่ได้สนใจคำพูดของแฟนบอลเลยแม้แต่นิด อาการเดียวกับตอนที่เขาเข้าร่วมการแข่งขันในนิวฟันด์แลนด์นั่นแหละ

ผู้เล่นวงในของทีมนานาชาติได้เปรียบก่อน ตอนที่กระโดดตบบอลเซนเตอร์คนดำคนหนึ่งจากประเทศเฮติแย่งบอลมาได้ ความจริงเขาจะต้องส่งบอลให้กับพอยต์การ์ดเพื่อจัดการต่อ แต่หลังจากชู้ตติ้งการ์ดจากทีมนานาชาติได้บอลแล้วไม่แม้แต่จะมองมิเชล เลี้ยงลูกพุ่งเข้าไปข้างหน้าเองซะงั้น

พอเห็นฉากนี้แล้วกอร์ดอนก็โกรธขึ้นมา ยืนขึ้นสะบัดกำปั้นแล้วพูดว่า “เฮ้ เบอร์ห้า นายไอ้คนโง่ ส่งบอลสิ เล่นบาสเป็นหรือเปล่าเนี่ย?”

ในยิมเสียงเอะอะโวยวายมาก แม้ว่ากอร์ดอนจะอยู่ใกล้สนามแข่งมาก แต่คำที่พูดออกไปยังคงถูกเสียงเชียร์ของแฟนคลับคนอื่นๆ กลบไปหมด แน่นอนว่าแม้จะไม่ถูกกลบก็คงไม่มีใครสนใจคำพูดเขาหรอก พาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดเบอร์ห้าคนนั้นพอไปถึงสนามฝั่งคู่แข่งแล้วก็หยุดเท้าลงทันที แล้วชู้ตลูกลงไปในห่วงอย่างสวยงาม

ถึงคราวทีมอเมริกันได้บอลแล้ว ฉินสือโอวมองไปที่มิเชลอย่างเป็นกังวล พวกเขาจะต้องมารุมจัดการมิเชลอย่างแน่นอน เพราะว่าดูแล้วเขานี่แหละที่เป็นตัวที่อ่อนแอที่สุด

ดีที่พอยต์การ์ดของทีมอเมริกันก็ไม่สูง สูงแค่หนึ่งเมตรแปดสิบห้านิดๆ เท่านั้น เป็นวัยรุ่นคนผิวดำคนหนึ่ง ตอนที่เขาเลี้ยงลูกไปข้างหน้านั้น พาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดของทีมอเมริกันพูดว่า “เฮ้ เจย์ ดูท่าว่าวันนี้นายจะดังแล้วล่ะ นายกะจะทำลายสถิติการทำลูกหรือเปล่า?”

พอยต์การ์ดคนผิวดำหัวเราะอย่างได้ใจแล้วพูดว่า “คอยดูแล้วกันว่าฉันจะจัดการเจ้าเด็กน่ารักนี่อย่างไร”

หลายวันมานี้พอว่างฉินสือโอวก็จะทำการวิเคราะห์รายชื่อและฐานะของนักกีฬาเหล่านี้ พอยต์การ์ดคนผิวดำคนนี้ชื่อเจย์ บรูเซน ปัจจุบันได้ถูกมหาวิทยาลัยวิลลาโนวาคัดตัวไปแล้ว เป็นพอยต์การ์ดที่ฝีมือดีมาก ความเห็นที่ ESPN พูดเกี่ยวกับเขาก็คือ นี่คือพอยต์การ์ดที่แท้จริงคนหนึ่ง เขามีความรู้สึกที่พิเศษกับการแข่งขันในขณะเดียวกันเขาได้มีพรสวรรค์ทางบาสเกตบอลที่น่าขนลุกมากอีกด้วย เขาสามารถสร้างโอกาสการชู้ตลูกได้มากมายแถมยังสามารถหาทางพาเพื่อนร่วมทีมเข้ามาร่วมเล่นกับโอกาสนั้นได้อีก

พูดง่ายๆ ก็คือ เด็กคนนี้เชี่ยวชาญในการฝ่าวงล้อมและส่งลูก เขานี่แหละคือคู่แข่งอย่างเป็นทางการคนแรกในการเดินไปสู่บาสเกตบอลอาชีพของมิเชล

พอยต์การ์ดผิวดำเข้าไปในพื้นที่ยิงประตูสามคะแนนแล้วก็ส่งสัญญาณบอกให้เพื่อนร่วมทีมแยกตัวออกมา เขาก้มตัวลงแยกขาทั้งสองออกแล้วก็ทำการส่งลูกผ่านหว่างขาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะผ่านมิเชลไปในชั่วพริบตา

ในชั่วพริบตาที่ทั้งสองคนประมือกันนั้น มิเชลที่จ้องมองเขาตาไม่กะพริบได้ยื่นมือออกไปฉับพลัน ตัดการส่งบอลได้ในทันที จากนั้นพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดของทีมนานาชาติที่อยู่ข้างๆ ก็เข้ามาเก็บบอลไป พูดกับมิเชลด้วยน้ำเสียงปนแปลกใจว่า “ทำได้สวย เด็กชายผิวขาว!”

ในการฝึกซ้อมห้าวันที่ผ่านมา มิเชลแสดงฝีมือตามแบบฉบับทั่วไป ไม่เคยมีการแย่งลูกแบบรวดเร็วอย่างเมื่อกี้มาก่อนเลย

ความจริงแล้วสิ่งที่เขาไม่ได้แสดงออกมานั้นมีมากมายนัก มิเชลที่เข้าสู่สนามแล้วจึงจะเป็นปีศาจสาว เวลาอื่นๆ เขาเป็นเพียงแค่วัยรุ่นที่เรียบร้อยคนหนึ่งเท่านั้นเอง

หลังจากปัดลูกสำเร็จแล้ว ทีมนานาชาติก็รีบเข้าจู่โจมทันที แต่ก็ยังคงไม่มีคนสนใจมิเชลอยู่ดี เพาเวอร์ฟอร์เวิร์ดทำการบุกเข้าไปในเขตชู้ตลูกอย่างรวดเร็ว สุดท้ายมีพอยต์การ์ดจากทีมอเมริกันสองคนรีบไล่ตามมากั้นไว้ ลูกบอลที่รีบชู้ตออกไปจึงกระเด็นไปโดนห่วงเท่านั้นแล้วก็ร่วงลงมา

ชายหนุ่มสูงสองเมตรทั้งฝูงอยากจะเข้าไปรีบาวด์ลูกกัน ในตอนนี้นี่เอง เงาผอมกะหร่องเงาหนึ่งได้พุ่งออกมาจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว มิเชลชูแขนขวาขึ้นข้างหนึ่งจับลูกบอลไว้ จากนั้นก็ตามด้วยใช้มือซ้ายรับ เสียง ‘หมับ’ ดังขึ้นมา ภายใต้กลุ่มคนที่บ้าคลั่งนั้นเขาทำดีเฟนซิฟรีบาวด์สำเร็จแล้ว!

ในการประมือครั้งเดียว แฟนคลับที่มาชมการแข่งขันเริ่มมีการเคลื่อนไหวแล้ว ความเร็วมือ ความเร็วในการวิ่ง การกระโดดและการอ่านเกมส์รีบาวด์ที่มิเชลได้แสดงออกมานั้นถือว่าเป็นพรสวรรค์ที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก

หลังจากทำรีบาวด์สำเร็จ มิเชลไม่ได้ชู้ตลูกในทันที แต่ส่งไปให้กับพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดที่ยิงลูกไม่เข้าคนก่อนหน้าที่ตอนนี้ได้วิ่งไปยังตำแหน่งว่างแล้ว น่าเสียดายที่วัยรุ่นคนนั้นเกิดความลังเลขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถรับบอลมาแล้วชู้ตได้ทัน พอเป็นแบบนี้เมื่อทางทีมอเมริกันตั้งการป้องกันไว้ เขาจึงไม่มีโอกาสลงมืออีก จึงต้องส่งลูกต่อไปแทน

ทีมนานาชาติเล่นไม่เข้าขากัน เมื่อทีมอเมริกันใช้การป้องกันแล้ว พวกเขาจึงบุกเข้าไปไม่ได้ คนในวงในก็หาช่องว่างไม่ได้ ทำให้ไม่สามารถชู้ตบอลออกไปได้สักที

วิธีการทำลายการป้องกันได้ดีที่สุดก็คือการชู้ต มิเชลโบกมือขอลูก เพราะการแย่งลูกและรีบาวด์ของเขาเมื่อกี้ เพื่อนร่วมทีมจึงเห็นเขามีดีขึ้นมานิดหนึ่ง พอเห็นเขายกมือขอลูกอยู่หลังเส้นสามคะแนนแล้วจึงส่งลูกให้ไป

พอได้รับบอลมา พอยต์การ์ดที่ชื่อเจย์คนนั้นก็กัดฟันแน่นอยากจะเข้าไปกันเขาไว้ สำหรับฉากเปิดตัวที่ถูกตัดหน้าไปนั้น เขารู้สึกเสียหน้ามาก จึงโบกมือแล้วพูดว่า “ฉันออกไปเอง พวกนายสี่คนกั้นต่อ…”

แผนการของเขายังไม่ทันได้พูดจบ มิเชลที่ได้ลูกแล้วก็ชูแขนขึ้นกระโดดทำแต้ม ‘สวบ’ แขนเหวี่ยงขึ้นลง สามแต้มเข้าบัญชีเรียบร้อย!

“ชิท เจ้าเด็กนี่ลงมือได้ไวจริงๆ!” แฟนบอลเริ่มพากันแปลกใจกันขึ้นมาแล้ว

ทีมอเมริกันบุกเข้ามาอีกครั้ง ครั้งนี้เจย์ที่เป็นพาวเวอร์ฟอร์เวิร์ดระมัดระวังขึ้นมาก พอมาถึงหน้าสนามแล้วเขาก็หันหลังดวลกับมิเชล เมื่อเห็นแบบนี้ เหล่าแฟนบอลก็พากันพยักหน้า เจย์ตัวใหญ่กว่ามิเชลเท่าหนึ่ง คนดำเป็นคนที่เติบโตได้ง่ายมาแต่ไหนแต่ไร หากบอกว่ามิเชลคือเสือดาวตัวหนึ่งล่ะก็ งั้นเจย์ก็คือสิงโตที่แข็งแรงตัวหนึ่ง

แต่การที่เจย์ทำการบุกเข้าไปโดยหันหลังให้นั้นกลับบุกเข้าไปไม่ได้เลย เขาแปลกใจที่ได้ค้นพบว่า เด็กที่ดูผอมกะหร่องคนนี้มีพลังที่น่ากลัวมาก แม้จะทำการชนเขาหลายครั้งก็ยังชนเขาออกไปไม่ได้ แถมตัวเขายังเป็นฝ่ายถูกเบียดออกไปอีก!

เพื่อนร่วมทีมเห็นถึงปัญหานี้ จึงรีบวิ่งมาช่วยเขา เจย์จึงจำต้องส่งลูกต่ออย่างทำอะไรไม่ได้ แล้วก็ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องของเหล่าแฟนบอล พวกเขาไม่รู้ว่าสภาพร่างกายของมิเชลดีแค่ไหน แค่รู้สึกว่าเจย์เป็นพวกไม่เอาไหน จึงพากันโห่ใส่เขากัน

เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้เจย์โกรธขึ้นมา เขาโบกมือเพื่ออยากขอลูกคืน แต่พอได้ลูกคืนแล้วเท่านั้น มิเชลก็ได้แสดงพลังที่เหมือนกับบุคลิกของเขาออกมา นั่นก็คือความรุนแรงราวกับเสือดาวที่ทำให้เขาพุ่งเข้าไป ยื่นมือออกไปแย่งบอลมา แล้วก็ทำการบุกเข้าไปสนามฝ่ายตรงข้ามอย่างรวดเร็ว

“บุกเร็ว!” เหล่าวัยรุ่นของทีมนานาชาติพากันร้องตะโกนวิ่งตามอยู่ข้างหลัง ส่วนวัยรุ่นของทางทีมอเมริกันก็พากันยกขาวิ่งไปข้างหน้าเพื่อจะทำการตั้งแผนป้องกันด้วย

มิเชลพุ่งไปถึงครึ่งสนามแล้วก็เริ่มลดความเร็วลง ทุกคนล้วนคิดว่าเขาจะทำการบุกเข้าไป แต่ว่าพอเขาเข้าใกล้เส้นสามคะแนนแล้ว ก็กระโดดขึ้นมาเต็มแรง แขนสะบัดออกไปทีหนึ่งสามแต้มอีกแล้ว!

“สวบ!” เสียงลูกบาสกระแทกกับตาข่ายของห่วงดังออกมาเสียงดังฟังชัด แฟนบอลที่เมื่อกี้ยังหัวเราะมิเชลอยู่เลยได้พากันตาค้างไปแล้ว ว้าว นี่มันเป็นความสามารถในการชู้ตสามคะแนนแบบไหนกันเนี่ย?

เสียงดีเจในสนามดังขึ้นมา “นี่คือสามคะแนนถึงแก่ชีวิตที่มาจากปีศาจสาว! มิเชล เออร์บักกกกกกก…หนุ่มน้อยปริศนาที่เหมือนใส่เครื่องชี้เป้าไว้ในมือ ให้ผมทำการแนะนำให้ทุกท่านอย่างเป็นทางการ นี่คือมือชู้ตระดับเทพที่มาจากแคนาดา ได้ข่าวว่าบรรพบุรุษของเขาทั้งสามรุ่นล้วนเป็นพลซุ่มยิง ได้ข่าวว่าในระหว่างการฝึกซ้อมเขาเคยชู้ตลูกสามคะแนนแบบติดกันมาแล้วถึงสองร้อยลูก ให้พวกเราใช้เสียงปรบมือ ต้อนรับการมาถึงสหรัฐอเมริกาของเขากัน!”

…………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท