แสงอาทิตย์ทะลุเมฆสีขาวออกมาราวกับดาบอันแหลมคมนับไม่ถ้วนพุ่งลงไปในมหาสมุทร คลื่นทะเลปั่นป่วน ท่ามกลางเสียงลมที่ร้องโหยหวน มหาสมุทรลึกก็ดูไร้ซึ่งความปรานียิ่งกว่าเดิม
ในสถานการณ์แบบนี้ อานไม้ที่เปล่งประกายแวววาวสีทองปรากฏขึ้นบนท้องทะเล และแสงแดดสีทองก็สาดส่องไปที่อานไม้สีทอง แสงนั้นส่องประกายเฉิดฉาย แสงสีทองสะท้อนตัดกัน แสงสว่างจ้าที่แสบตาเข้ามาอย่างรวดเร็วผ่านสายลมและเกลียวคลื่น ทำให้ผู้คนตกใจอย่างมาก
ฉินสือโอวที่เปลือยท่อนบนขี่อยู่บนอานไม้ที่ทาด้วยสีทอง เขาถือตรีศูลเหล็กสีดำยาวไว้ในมือซ้าย และอุ้มเถียนกวาเงือกน้อยไว้ในมือขวา เถียนกวาอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างไม่มีความสุข สองขาเล็กและสั้นยังคงขยับไปมา เพื่อให้หางปลาขยับขึ้นลงตบไปที่อานไม้ ดูเหมือนว่าเธอจะยังไม่ยอมแพ้ ยังพยายามดิ้นรนจะเอาหางปลาที่น่าเกลียดนี้ออกให้ได้
เขาแต่งตัวไม่เยอะ นอกจากตรีศูลแล้ว เขาสวมเพียงผมปลอมยาวสีขาวบนศีรษะ และมีเคราสีขาวหนาอยู่ใต้คาง มีอารมณ์โกรธา หนวดเคราปลิวไปมา บวกกับผงสีทองที่ทาอยู่บนตัวเขา เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อเขายืนอยู่บนหลังวาฬและแสดงสีหน้าจริงจังและเย็นชา มันทำให้เขาดูเหมือนเทพเจ้าแห่งสงครามที่พุ่งออกมาจากส่วนลึกของมหาสมุทร แข็งแกร่งเกินใคร!
ลูกพี่วาฬหัวทุยว่ายด้วยพละกำลังทั้งหมดของมัน ตัวของมันเลียบไปกับผิวน้ำทะเล เพื่อให้อานของวาฬค่อยๆ ลอยขึ้นราวกับเนินเขาที่ลอยอยู่บนผิวน้ำทะเลขยับไปมาได้ และฉินสือโอวก็คือเทพเจ้าคิงคองที่คอยปกป้องภูเขาลูกนี้ ห้ามรุกราน!
ฉินสือโอวขี่เจ้าวาฬหัวทุยเข้าใกล้เรือข้ามฟากอย่างรวดเร็ว เขาจงใจทำสีหน้าเคร่งขรึม คิ้วสีขาววาดยาวกระดกขึ้น ดวงตาของเขาเหมือนค่ำคืนที่หนาวเหน็บ มือซ้ายถือตรีศูลวางลงบนหลังวาฬ กล้ามเนื้อแขนเป็นมัดๆ ท่าทางเหมือนผู้มีอำนาจกลับสู่บ้านแล้ว
เขาขี่วาฬหัวทุยวนรอบเรือข้ามฟากในจุดที่ไม่ไกลออกไป ฉินสือโอวยื่นมือหยิบหมวกไวกิ้งของเขามาไว้บนตรีศูล ยังคงใช้ตรีศูลค้ำยันยืนตรงต่อไป หลังจากทำท่าสะบัดผมอย่างหยิ่งผยองเกินใครแล้ว ก็บังคับวาฬหัวทุยให้ว่ายไปทางท่าเรือ
ผู้เข้าร่วมงานที่อยู่บนเรือต่างคลั่งไคล้ ตอนที่ฉินสือโอวปรากฏตัว พวกเขาต่างกรีดร้องเสียงดัง คนพวกนี้พกกล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวมาด้วย คนที่ชอบเล่นคอสเพลย์มักจะเป็นช่างภาพกึ่งมืออาชีพด้วย ดังนั้นบนเรือจึงมีทั้งกล้องสั้น กล้องยาวโผล่ขึ้นมาเล็งไปที่ฉินสือโอวกดถ่ายอย่างบ้าคลั่ง ถ่ายไปกรีดร้องไป
“เชี่ย โคตรหล่อ! เขาขี่อะไรมาน่ะ? เขาเป็นโพไซดอนจริงๆ เหรอเนี่ย?”
“บ้าเอ๊ย อย่ามาบังสิ พระเจ้า ฉันไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองเลย หรือว่าฉันเกิดจิตมโนแล้ว?”
“โพไซดอนของฉัน มาหาฉันนี่ ฉันจะมีลูกกับคุณ! พวกเราพี่น้องจะมีลูกให้กับคุณ! โอ้ว โอ้ว โอ้ว พระเจ้า ฉันจะถึงจุดสุดยอดแล้ว!”
แม้กระทั่งตำรวจที่มีสีหน้าบึ้งตึงมาก่อนหน้านี้ยังรู้สึกตื่นเต้น พวกเขาไม่ได้พกกล้องถ่ายรูป จึงเอามือถือมาถ่ายรูปแทน
น่าเสียดายที่วาฬหัวทุยเร็วไม่ทันเรือข้ามฟาก เพียงชั่วครู่เดียวก็ถูกทิ้งไว้ด้านหลัง เมื่อเป็นแบบนี้ร่างของคนที่อยู่บนเรือจึงเล็กลงเรื่อยๆ หลังจากคาดว่าฝ่ายตรงข้ามจะถ่ายรูปไม่เห็นตัวเอง ฉินสือโอวจึงวางตรีศูลแล้วนั่งลง อุ้มเถียนกวาพยายามจัดระเบียบกับหางปลาให้เธออยู่ “เด็กดีนะ เถียนกวา ให้ความร่วมมือกับปาป๊าหน่อยนะ ได้ไหมคะ? กลับไปปาป๊าเอานมให้เราดื่ม นมหวานๆ ด้วย”
ตอนที่อยู่ประเทศจีน เด็กๆ ส่วนมากจะหย่านมอย่างน้อยเมื่ออายุ 5 เดือนหรืออย่างมาก 10 เดือน แต่ที่แคนาดาจะแตกต่างออกไป ที่นี่จะใช้คำแนะนำจากองค์กรอนามัยแห่งชาติ ซึ่งโดยทั่วไปจะหย่านมตอนอายุ 2 ขวบ บางครอบครัวให้ลูกดื่มนมแม่จนถึงอายุ 2 ขวบด้วยซ้ำ
วินนี่ใช้นมแม่ให้เถียนกวาจนถึง 10 เดือนก็เปลี่ยนเป็นใช้นมผง ช่วยไม่ได้ เจ้าเด็กน้อยกินเก่งมาก วินนี่ป้อนให้เธออย่างไรก็ไม่อิ่ม อีกอย่างเธออะไรก็กินหมด แล้วการดื่มนมผงก็เป็นการพัฒนาที่ดีสำหรับสุขภาพ ดังนั้นจึงเปลี่ยนเป็นนมผง
เมื่อเธออายุเกิน 1 ขวบกว่า เด็กหญิงตัวน้อย พอมีฟันงอกออกมาก็เริ่มกินอาหารที่มีลักษณะนิ่มได้ ตอนนี้เธอสามารถกินเค้กชิ้นเล็กๆ ปลานึ่งและอาหารจำพวกเนื้อกุ้งได้ แต่เธอยังต้องจับคู่นมผงให้กับเธอ
วินนี่เตรียมที่จะหย่านมให้เธอในช่วงฤดูใบไม้ร่วง พอเริ่มปรับตัวได้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง พอถึงฤดูหนาวก็จะไม่มีผลกระทบที่ไม่ดีอะไรแล้ว
เถียนกวาก็ค้นพบว่าตอนนี้ตัวเธอดื่มนมได้น้อยลงเรื่อยๆ การรับรู้รสของเด็กแตกต่างจากของผู้ใหญ่อย่างเห็นได้ชัด ฉินสือโอวใช้นมวัวมาแทนที่ แต่เธอสามารถบอกได้ในคำเดียวหลังจากดื่มว่าต้องการดื่มนมผงมากกว่า
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินสือโอว เด็กหญิงตัวน้อยก็เริ่มไหวหวั่น แต่เท้าสองเท้าถูกรัดแบบนี้ก็รู้สึกไม่สบายจริงๆ ดังนั้นเธอก็ยังพยายามดิ้นรนในบางครั้ง
พอเป็นแบบนี้ เมื่อผ่านชายฝั่ง ฉินสือโอวจึงลากแมวน้ำทั้งสองขึ้นมา เมื่อเห็นเจ้าแมวน้ำตัวน้อยของเธอ เถียนกวาก็จะสงบลงในที่สุด เธอกอดแมวน้ำตัวน้อยไว้ในมือข้างหนึ่ง และพวกตัวเล็กทั้งสามก็แนบอยู่ในอ้อมอกของฉินสือโอวนายใหญ่ ฉันจูบคุณ คุณหอมฉัน ช่างเป็นภาพที่ดูมีความสุข
ฉินสือโอวแสยะยิ้ม ความสง่าผ่าเผยของโพไซดอน!
เขาตั้งใจจะขึ้นฝั่งที่ท่าเรือในเมืองเล็ก กลุ่มของม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์และกวางอูฐรออยู่บนริมชายหาดแล้ว พวกเขากำลังว่ายอยู่ในทะเล ด้านหลังพวกมันลากรถม้าขนาดเล็กที่เปลี่ยนมาจากรถลากเลื่อนหิมะอยู่ บนรถมีห่วงชูชีพหลายอัน จึงสามารถลอยบนทะเลได้
วาฬหัวทุยขึ้นฝั่งไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงเปลี่ยนพาหนะในน้ำทะเล นี่เป็นสาเหตุที่เขาเช็กดูว่าม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ว่ายน้ำเป็นไหมในตอนนั้น เพราะถ้าว่ายไม่เป็นคงเจ็บปวดน่าดู เขาคงต้องวิ่งขึ้นไปบนฝั่งเพื่อนั่งรถเทียมม้าน้ำ
วาฬหัวทุยว่ายเข้าหา ฉินสือโอววางเถียนกวาไว้บนรถม้า แล้วทิ้งพวกแมวน้ำไว้
แต่เถียนกวาไม่ยอม สะบัดมือน้อยๆ แล้วร้องตะโกนว่า “จะเอาเพื่อนรัก จะเอาเพื่อนรักด้วย!”
ฉินสือโอวไม่มีตัวเลือกอื่น จึงได้แต่เอาเจ้าแมวน้ำสองตัวไปด้วย พอเป็นแบบนี้ก็แย่หน่อย เพราะเจ้านี่สองตัวน้ำหนักรวมกันก็ประมาณเขาหนึ่งคน ถ้าอยู่บนฝั่งม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์และปอหลัวร่วมมือกันสามารถลากไปได้แน่ๆ แต่ถ้าอยู่บนชายหาดคงทุลักทุเลไม่น้อย
ยังโชคดีที่เขามีพลังงานโพไซดอนเต็มเปี่ยม ป้อนพลังงานให้กับวาฬหัวทุยผู้นำก่อนส่วนหนึ่ง ฉินสือโอวให้มันออกไปจากชายฝั่งเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าโง่นี่ชนเข้ากับชายหาด แล้วเขาก็เปลี่ยนไปขึ้นรถเทียมม้าน้ำ
เดิมทีลักษณะภายนอกของปอหลัวก็เป็นสีทองอยู่แล้ว ฉินสือโอวจึงแค่เปลี่ยนรูปลักษณ์ของม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์ เปากงและตี้หลูก็เปลี่ยนเป็นขนสีทอง โดยพ่นผงสีทองไว้หนึ่งชั้นเหมือนกับฉินสือโอว แต่พอผ่านไปหนึ่งวันสีพวกนี้จะหลุดไปเอง ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลใจ
พอขึ้นไปบนรถม้า ฉินสือโอวก็ป้อนพลังโพไซดอนให้กับ ‘ม้าดี’ สามตัว พวกมันลากรถม้าว่ายไปด้านหน้า
มีนักท่องเที่ยวและผู้เข้าแข่งขันจำนวนมากยืนอยู่รอบๆ ท่าเรือ หลังจากที่นักท่องเที่ยวเห็นรถม้าจอดนิ่งอยู่ในทะเล ก็ต่างหยุดมองอย่างอยากรู้อยากเห็น ในขณะที่ผู้เข้าแข่งขันเป็นคนที่อยู่บนเรือลำก่อนหน้านั้น พวกเขาเห็นฉินสือโอวมุ่งหน้าไปยังท่าเรือในเมืองเล็ก จึงตั้งใจรอเขาเป็นพิเศษ
เมื่อเป็นแบบนี้ เมื่อรถม้าทองคำวิ่งมาที่ชายหาดจากทะเล ทันใดนั้นผู้คนบนฝั่งก็บ้าคลั่งขึ้นมา มีคนกรีดร้อง “แม่ง นี่มันคอสเพลย์ขนานแท้!”
ชายหาดมีความนุ่ม ล้อรถม้าจึงสามารถจมลงไปในทรายได้โดยง่าย ฉินสือโอวจงใจปูทางเดินชั่วคราวด้วยแผ่นไม้ไว้ล่วงหน้า ม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์และปอหลัวลากรถม้าวิ่งไปบนแผ่นไม้ตึกๆ และในที่สุดก็ลากเข้าฝั่งได้ด้วยอาการหอบเหนื่อย
ฉินสือโอวนายใหญ่ยืนอยู่บนรถม้า เขาแขวนหมวกไวกิ้งไว้ที่มุมหนึ่งของรถ ส่วนเขายังคงจ้องมองไปที่ด้านหน้าอย่างสง่างามพร้อมยันตรีศูลไว้ น่าเกรงขามอย่างที่ไม่มีใครเทียบได้!
…………………………….