ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1749 ค่อยๆ ปรากฏออกมา

บทที่ 1749 ค่อยๆ ปรากฏออกมา

ฉินสือโอวขับรถม้าทองคำไปตามท้องถนน จากนั้นรถม้าก็ขับออกไปท่ามกลางเสียงโครมคราม ตึกๆๆ

มีผู้คลั่งไคล้คอสเพลย์ที่มาเข้าร่วมสงครามผู้กล้าทุกหนทุกแห่งบนท้องถนน และยังมี บริษัทโปรโมตเกมมือถืออีกมากมาย เขายังเห็นภาพของเกมในประเทศจีนหลายๆ เกม เช่น CF อะไรสักอย่าง เช่นดาบนางฟ้า เช่นใต้หล้า เป็นต้น สำหรับตอนนี้ในส่วนภาพของฮีโร่ใน WOW DOTA และ LOL ที่ได้รับความนิยมทั่วโลกพบเห็นได้มากขึ้น

รถม้าทองคำยังคงวิ่งไปบนท้องถนน ในเวลานี้เองอยู่ๆ ก็มีไฟแดงโผล่ออกมา ฉินสือโอวตกใจไม่น้อย รีบดึงเชือกให้ม้าพันธุ์อเมริกัน เพนต์และปอหลัวหยุดก่อน

ไฟแดงที่โผล่ออกมาตอนนี้ตะโกนขึ้นว่า “กฎจราจร ฉันคือกฎจราจร ไฟแดงอยู่ที่นี่ หยุดให้หมดทุกคน!”

ฉินสือโอวตะลึง เชี่ย มีแต่งตัวเป็นไฟแดงด้วยเหรอเนี่ย? นี่หยอกล้อเขาเล่นใช่ไหมเนี่ย?

“เชี่ย!” มีคนข้างๆ สบถขึ้นมา แต่ก็จำเป็นต้องหยุดรถ

ฉินสือโอวรอสักพัก ไฟแดงยังอยู่ตรงนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นว่า “ไฟเขียวของพวกคุณล่ะ? เมื่อไรจะเปลี่ยนเป็นไฟเขียว?”

“ไฟเขียวไปเข้าห้องน้ำแล้ว รอเขาออกมาก่อนละกัน” ไฟแดงตอบอย่างเฉื่อยชา

ชาวแคนาดาปฏิบัติตามกฎจราจรเป็นอย่างมาก คุณภาพนี้จะสะท้อนให้เห็นในกิจกรรมนั่นคือทุกคนที่ถูกสกัดไว้จะรออย่างซื่อตรงและรอจนกว่าไฟเขียวจะมา

ฉินสือโอวนั่งรถม้าไปจนถึงบริเวณทะเลสาบเฉินเป่า ถึงจะค่อยเจอคนในเมืองที่แต่งตัวเป็นพวกโจรสลัด พวกนี้แบ่งออกเป็นหลายแก๊ง พวกเขาตะโกนร้องโหวกเหวกอยู่ตรงนั้น คาดว่าเกิดจากความเห็นไม่ตรงกันและเตรียมพร้อมลงมือ

รถม้าทองคำขับพุ่งตรงไปที่นั่น พวกโจรสลัดต่างตกใจ รีบวิ่งถอยไปด้านหลัง มีคนตะโกนขึ้นว่า “แม่งเอ๊ย ฉิน นายแกล้งกันเกินไปแล้ว นายลงจากม้ามาสิ!”

ฉินสือโอวพอได้ยินประโยคนี้ก็รู้สึกโกรธ เขาหยิบตรีศูลขึ้นมา พูดด้วยเสียงเกรี้ยวกราดว่า “แกคือใคร? ถึงได้กล้าดูถูกราชาแห่งท้องทะเลผู้ยิ่งใหญ่! พวกโจรสลัด พวกแกต้องชดใช้ให้ความกับความหยิ่งยโสของพวกแก!”

พวกโจรสลัดแสดงสีหน้าไม่กลัวเกรง ชูนิ้วกลางให้ฉินสือโอวแล้วตะโกนว่า “พวกเราไม่เชื่อในราชาแห่งท้องทะเล! เอาความโกรธเกรี้ยวของแกลงเหวไปซะเถอะ พวกเราไม่กลัวแก พวกเราเป็นโจรสลัดที่ไม่เคยกลัวเกรงต่อใคร!”

ฉินสือโอวยิ้มอย่างเย็นชา บ้าเอ๊ย หัวหน้ามันคือไอ้เลวบูลนั่น เขากระแทกตรีศูลเหล็กลงบนพื้นอย่างแรง ส่งเสียง ‘แก๊ง’ แล้วตะโกนว่า “อันเทอัส ลูกของข้า จงออกมา สอนโจรสลัดเลวๆ พวกนี้หน่อยสิ! คร่าชีวิตของพวกเขาด้วยความโกรธของทะเลทิ้งเสีย!”

บูลและคนอื่นๆ กะพริบตาอย่างงุนงง ถามด้วยความประหลาดใจว่า “ยังมีอันเทอัสด้วยเหรอ? ใครกัน?”

อันเทอัสเป็นบุตรชายของเทพีแห่งแผ่นดินโลกโลกไกอาและเทพโพไซดอน เขาอาศัยอยู่ในลิเบีย เขามีพลังมหาศาล ตราบใดที่เขายังคงสัมผัสกับพื้นโลก เขาสามารถได้รับพลังอย่างไม่จำกัดจากแม่ของเขา ไม่สามารถเอาชนะได้ และอยู่ยงคงกระพัน

ผู้ชายคนนี้ชอบการต่อสู้มาก เขาบังคับให้ทุกคนที่ผ่านไปมาในดินแดนของเขาตกลงไปพร้อมกับเขาและฆ่าพวกเขาตาย จุดประสงค์คือเก็บกะโหลกของบุคคลที่ตายเพื่อสร้างวิหารให้กับโพไซดอนผู้เป็นบิดาของเขา

น่าเสียดายเมื่อคุณทำเรื่องเลวร้ายบ่อยๆ เข้า สักวันก็ต้องได้รับผลตอบแทน เฮอร์คิวลิสฮีโร่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเทพนิยายกรีกก็ถูกอันเทอัสพบเห็นเมื่อเขาเดินทางผ่านลิเบีย ผลปรากฏว่าเฮอร์คิวลิสวีรบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ค้นพบความลับของเขาเข้า จึงถูกเขายกขึ้นมาลอยจากพื้นแล้วโดนนบีบจนตาย…

ฉินสือโอวตะโกนเรียก ไม่มีคนตอบรับ เขาหยิบอินเตอร์คอมออกมาอย่างช่วยไม่ได้และตะโกนว่า “อีวิลสัน นายอยู่ไหน? เห็นฉันไหม? ฉันอยู่บนรถม้า! รีบมาเลย มาอัดพวกโจรสลัดพวกนี้!”

อีวิลสันเปลือยร่างท่อนบน ร่างกายท่อนล่างสวมชุดกระโปรงสงครามสไตล์กรีกโบราณ ใส่วิกผมที่พันยุ่งไปหมด กำลังลากฉงต้าไปเดินเล่นอย่างเบื่อหน่ายอยู่ พอได้ยินเสียงอินเตอร์คอมที่เอวเขาก็ผงะ จากนั้นก็สวมถุงมือชกมวยแล้วรีบวิ่งมา

เพียงชั่วพริบตาเดียวพวกโจรสลัดก็ตกใจกลัว คาร์สันตะโกนอย่างผิดหวังว่า “ไม่นะ ฉิน คุณใช้อีวิลสันไม่ได้ เขาคือจุดบกพร่อง!”

ฉินสือโอวหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “เจ้าพวกโจรสลัด เตรียมตัวรับมือกับความโกรธของราชาแห่งทะเลได้เลย! แต่อย่ากังวลไปเลย วันนี้อีวิลสันพกเอานวมมา ฆ่าพวกนายไม่ตายหรอก!”

บูลเป็นคนแรกที่ยอมจำนนโดยดี “ราชาแห่งท้องทะเล คุณมีจิตใจดีมีเมตตา ไว้ชีวิตน้อยๆ ของผมด้วยเถอะ เมื่อกี้ผมแค่ดื่มเยอะไปหน่อยถึงล่วงเกินคุณไป!”

ฉินสือโอวยิ้มอย่างพึงพอใจ “ไว้ชีวิตแกน่ะได้ ถ้าอย่างนั้นแกก็ให้ความร่วมมือกับลูกฉันแล้วจัดการโจรสลัดที่เหลือซะ!”

ในเวลานี้มีเสียงอุทานขึ้นอีกครั้ง เสียงหวีดหวิวหลายครั้งดังลอยมา ฉินสือโอวไม่จำเป็นต้องมองขึ้นไปก็รู้ว่า เจ็ทแพ็คส่วนบุคคลของวินนี่ออกโรงแล้ว

วินนี่แต่งตัวเป็นนางฟ้า มีปีกศักดิ์สิทธิ์กางอยู่ที่ด้านหลังเจ็ทแพ็คส่วนบุคคล เธอสวมผ้าโปร่งสีขาวที่ด้านนอกของชุดบินและมีผ้าโปร่งสีขาวจำนวนมากแขวนอยู่ทั่วตัวเธอ ดังนั้นเมื่อเธอบินลงมา ผ้าโปร่งสีขาวถูกลมพัดปลิวว่อน ให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยความเมตตาจริงๆ

เจ้าสามตัวบนท้องฟ้าก็ถูกพามาด้วยเช่นกัน ฉินสือโอวพอเห็นก็ตกตะลึงในทันที แม่งเอ๊ย เจ้าสามตัวต่างถูกพ่นด้วยสีขาว มองไม่ออกรูปลักษณ์ดั้งเดิมของพวกมันแล้ว ซึ่งก็คือนกสีขาวสามตัวบินอยู่ข้างๆ วินนี่นั่นเอง

เชอร์ลี่ย์ยังเคยบอกว่าจะแต่งตัวเป็นนางฟ้า แต่ตอนนี้หลังจากปรากฏตัวไม่รู้ว่าเปลี่ยนเป็นแจ็คเก็ตหนังสีดำทั้งชุดได้อย่างไร เธอเปลี่ยนผมสีบลอนด์เป็นผมยาวสลวยสีขาว สีหน้าของเธอเย็นชา สวมเสื้อคลุมสีดำตัวใหญ่ และบินอยู่บนท้องฟ้าอย่างช้าๆ

นอกจากนี้ยังมีเจ็ทแพ็คส่วนบุคคลอีกสามใบที่ให้พาวลิส ไวส์ และกอร์ดอนได้ใช้พอดี ด้านหลังพาวลิสก็มีปีกอยู่คู่หนึ่ง เป็นสีเงินสว่าง เต็มไปด้วยความมันวาวของโลหะ สะท้อนแสงพราวระยิบระยับ

กอร์ดอนแต่งกายเป็นแบทแมนโดยมีเสื้อคลุมตัวใหญ่ และมีฮู้ดค้างคาว ตรงกลางของเข็มขัดอันใหญ่คือหัวสัญลักษณ์ของแบทแมน เมื่อมีเขาเป็นเบาะแส ภาพของสวีเหลยและพาวลิสก็ชัดเจน พาวลิสคือเป็นฟอลคอนฮีโร่ของมาร์เวล ส่วนเชอร์ลี่ย์เป็นสาวสตอร์มใน X-Men

การแต่งกายของไวส์ค่อนข้างแปลกประหลาด เขาสวมเสื้อคลุมสีฟ้า เหยียบดาบบินไว้ที่เท้าของเขา และสวมวิกผมบนศีรษะ ชุดนี้เป็นชุดของเทพดาบในเทพนิยายจีน อย่างไรก็ตามมันดูกึ่งๆ กลางๆ และดูเหมือนว่าเขาจะกังวลว่าคนอื่นจะไม่รู้ เขาจึงปักตัวอักษรที่หน้าอกของเสื้อคลุมสีฟ้าว่า นักดาบชูซาน!

เจ็ทแพ็คส่วนบุคคลไม่สามารถบินได้เป็นเวลานาน เพื่อความปลอดภัย วินนี่จึงบินวนรอบทะเลสาบเฉินเป่าด้วยความสูงระดับต่ำ จากนั้นก็บินร่อนลงไปที่พื้นดินและถอดเจ็ทแพ็คส่วนบุคคลออก

ฮีโร่หนุ่มทั้งสี่บินร่อนไปมาอยู่ตรงนั้นอย่างเท่ กอร์ดอนดูน่ารำคาญสุด เพราะเขาไม่กลัวตายดันไปยั่วยุโจรสลัด เขาโยนบูมเมอแรงแบทแมนลงไปด้านล่างสุ่มสี่สุ่มห้า ไปถูกบูลและพรรคพวกของเขาจนพวกเขาโกรธและก่นด่า พยายามให้เขาบินลงมาเคลียร์กัน

ฉินสือโอวนายใหญ่มีน้ำโห บ้าเอ๊ยใครเป็นตัวเอกกันแน่ ตัวเขาเองราชาแห่งทะเลเป็นตัวเอกต่างหากโอเคไหม?

จู่ๆ ก็มีร่างสองร่างโผล่พ้นจากทะเลสาบเฉินเป่าและลอยขึ้นไปในอากาศ ผู้คนที่อยู่ริมทะเลสาบต่างร้องอุทาน เห็นชาร์คและซีมอนสเตอร์แต่งตัวเป็นโจรสลัด ถือปืนและเหยียบอยู่บนฟลายบอร์ดแล่นวนไปมาอยู่รอบทะเลสาบ เดี๋ยวดำลงไปในน้ำ จากนั้นก็บินขึ้นมาทำซ้ำๆ แบบนี้อย่างต่อเนื่อง

ความสนใจของผู้คนถูกดึงดูดโดยทั้งสองอีกครั้ง ฉินสือโอวอุ้มลูกสาวของเขาอย่างอ่อนแรงและพูดว่า “พวกคุณไม่อยากเห็นนางเงือกเหรอ?”

ขาสั้นๆ ของเถียนกวาสะบัดไปมาอย่างแรง กระดูกของเด็กมีความอ่อน เธอพับขาทันทีและหางปลาก็ฟาดถูกใบหน้าของฉินสือโอวนายใหญ่…

………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท