ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1760 พ่อตาเมืองนอก

บทที่ 1760 พ่อตาเมืองนอก

ตอนที่เถียนกวาวิ่งไปกระหืดกระหอบ ฝูงนากทะเลก็แบ่งเป็นสองกลุ่มหนีไปสองทางซ้ายขวา ถือว่าพวกมันฉลาดที่ไม่ได้หนีกลับทะเล แมวน้ำที่โดนไล่กลับทะเลเมื่อกี้หมอบอยู่ที่เขตน้ำตื้นชายฝั่งและจ้องพวกนากอย่างดุดัน ฉินสือโอวกล้าพนันว่าถ้าพวกนากกล้าลงทะเลครั้งนี้ จะต้องโดนฝูงแมวน้ำฉีกเป็นเนื้อวัวแห้งแล้วค่อยโยนขึ้นมาตากบนฝั่งแน่

หู่จือกับเป้าจือวิ่งเร็วเกินไป พวกนากแยกย้ายกันหนี ครู่เดียวก็พุ่งมาด้านหน้าของแมวน้ำ

แมวน้ำพวกนี้โดนฝูงนากทะเลเล่นงานเสียจนร้องโอดโอย มีแต่นากเต็มไปหมดเลย ความซวยที่ฝูงแมวน้ำเจอบนหาดในวันนี้เหมือนกับทหารยุคก่อนฉินปะทะกับทหารเป่ยฝู่ไม่มีผิดเพี้ยน

หลังจากที่แลบราดอร์มุดมาข้างหน้าพวกมัน เหล่าแมวน้ำก็คิดไปว่าพวกมันคงมาโจมตีตัวเองแทนเลยร้องเสียงหลงความโมโหพุ่งขึ้น มันใช้ร่างเจ้าเนื้อกระแทกเข้ากับหู่จือเป้าจือ อ้าปากเผยอทำท่าจะกัดเจ้าสองตัวพี่น้อง

พี่น้องแลบราดอร์เป็นถึงนักรบบนบกของฟาร์มปลา พวกมันขึ้นชื่อเรื่องจิตวิญญาณในการต่อสู้และความกล้าไม่กลัวใคร สองพี่น้องมองการกระทำของพวกแมวน้ำเป็นการท้าทาย สองตัวเลยตัดสินใจโดยไม่ลังเล จัดการพวกมันเลย!

ดังนั้นหลังจากเจอภัยจากนากทะเล แมวน้ำน่าสงสารพวกนี้ก็ต้องเจอกับภัยแลบราดอร์อีก…

ภาพตรงหน้าทำเอาเถียนกวางง เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เธอไม่ได้เอาหู่จือกับเป้าจือมาช่วยเพื่อนเหรอ? ไหงตอนนี้เพื่อนตัวน้อยถึงโดนหู่จือกับเป้าจือกดไว้ใต้ตัวแล้วอัดแบบนั้นล่ะ? แล้วยังมีสัตว์ประหลาดกินเด็กน่ากลัวที่แม่บอกอีก อยู่ห่างขนาดนั้นยังจะตัวสั่นทำไมกัน?

หู่จือเป้าจือทั้งกระโจนและตะปบ ทุ่มพวกแมวน้ำลงกับพื้น จากนั้นก็ทำท่าเหมือนแมวน้ำเลี้ยงลูกบอล พวกแมวน้ำที่พวกมันสองตัวใช้หัวดันกลิ้งไปมาบนหาดทราย!

พวกแมวน้ำต้องขอบคุณการสั่งสอนจากฉินสือโอว ตอนที่พวกแลบราดอร์ยังเล็ก ท่านชายฉินก็พบว่าฟันของสองตัวนี้คมมาก ดังนั้นเพื่อที่จะป้องกันพวกมันทำอันตรายต่อคนหรือสัตว์อื่น เขากับวินนี่ก็สอนทั้งสองตัวไม่ให้กัดของ ไม่อย่างนั้นถ้าแลบราดอร์อ้าปากงับพวกแมวน้ำตอนนี้คงจะเลือดกระจายเต็มหาดวิญญาณลอยไปหาพระเยซูแล้ว

เถียนกวากะพริบตาด้วยความไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอได้แต่กรีดร้องเสียงดังสองสามครั้งแล้วเรียกหู่จือกับเป้าจือกลับมา แต่จนตอนพวกแลบราดอร์เดินออกมา พวกแมวน้ำก็รีบลุกขึ้นทันทีแล้วพยายามรวมตัวเกาะกลุ่มกัน จากนั้นก็พากันตัวสั่นงกๆ

ตอนแรกราชาแมวน้ำอยู่ที่ริมชายหาด มันกำลังรอคอยการแก้แค้นด้วยความฮึกเหิม แต่พอเห็นท่าทีของหู่จือกับเป้าจือ ก็ตัดสินใจว่าแค้นนี้อย่าเพิ่งชำระดีกว่า บนหาดอันตรายเกินไป ข้ากลับรังใต้น้ำดีกว่า!

เถียนกวาเข้าไปกอดปลอบแมวน้ำอ้วน พอแมวน้ำอ้วนนั้นจำเธอได้ ก็ใช้ครีบหางค้ำตัวยืดตรงเหมือนกับคน จากนั้นก็ใช้ครีบกอดไหล่เถียนกวา หัวกลมมน วางอยู่บนไหล่แล้วร้องไห้ออกมาอย่างเศร้าโศก…

ฉินสือโอวรีบถ่ายรูปไว้ แมวน้ำนี้น้ำตาไหลจริงๆ เหรอเนี่ย พอถ่ายรูปได้เขาก็โพสลงอินเทอร์เน็ตอีกก่อนจะอุทานขึ้น มิตรภาพก้าวข้ามเผ่าพันธุ์ เด็กหญิงช่วยแมวน้ำที่บาดเจ็บและโอบกอด แมวน้ำน้ำตาไหลด้วยความซึ้ง

หลังจากโพสลงไปเขาก็จ้องมองเวยป๋อของตัวเอง เขาไม่เชื่อว่าคราวนี้เขาจะพลาดอีก หรือว่าแมวน้ำจะไม่ได้น้ำตาไหลเพราะซาบซึ้งหรือไง?

ปรากฏว่าเรื่องหลังจากนั้นอยู่นอกการควบคุมของเขา คอมเมนต์ในเวยป๋อแสดงให้เห็นว่าไม่มีใครสนใจแมวน้ำแสนน่าสงสารตัวนั้นและมิตรภาพเลย

คอมเมนต์หนึ่ง เถียนกวาน่ารักมากเลย มุ้งมิ้งมาก โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย

คอมเมนต์สอง ใจละลายเลย เป็นสาวน้อยที่น่ารักมาก ต่อไปไม่รู้ใครจะเป็นผู้โชคดีได้แต่งงานกับกวากวา

คอมเมนต์สาม คุณพ่อตา วันนี้อากาศปลอดโปร่ง เออใช่ ชอบอะไรบอกลูกเขยได้เลย ไปเยี่ยมครั้งแรกลูกเขยจะไปมือเปล่าไม่ได้

คอมเมนต์สี่ เจ้าแมวน้ำปล่อยกวากวาของผมนะ คุณพ่อตาคุณยอมให้อย่างอื่นนอกจากลูกเขยอย่างผมกอดกวากวาเหรอ?

คอมเมนต์x พ่อตา พ่อตา ลูกสะใภ้ ลูกสะใภ้…

ฉินสือโอวเกาหัว ตอนแรกก็ลังเลว่าจะปิดเวยป๋อดีไหม ในเน็ตทำไมมีคนเฒ่าหัวงูเยอะขนาดนี้? น่ากลัวเกินไปแล้ว เขาต้องปกป้องลูกสาวไว้ให้ดี ก่อนอายุสิบแปดจะให้ผู้ชายอื่นมาแตะต้องลูกสาวไม่ได้ แน่นอนว่าลูกชายของบูลเป็นข้อยกเว้น เถียนกวาต่อไปยังต้องอัดเขาอีก

เถียนกวากอดแมวน้ำอ้วนแล้วส่งพวกมันลงน้ำ ฝูงแมวน้ำยอมรับสาวน้อยอย่างเต็มตัว พากันล้อมเข้ามาใช้หัวไถเธอเบาๆ แบบนั้นกระโปรงของสาวน้อยก็เปียกปอน เพียงแต่เธอไม่สนใจ หัวเราะคิกคักเล่นกับพวกแมวน้ำ

หู่จือกับเป้าจือก็พากันล้อมเข้ามา พวกแมวน้ำจำได้ว่าเมื่อกี้พวกมันสองตัวรังแกพวกตัวเองบนหาดจึงเอาท่าทีอันธพาลแห่งท้องทะเลออกมาล้อมโจมตีเจ้าสองตัวพี่น้อง

แลบราดอร์ไม่กลัวหรอก ทั้งสองหลบและเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วกรงเล็บที่แข็งแรงกางออก ไม่นานพวกมันก็จับพวกแมวน้ำคว่ำในน้ำอย่างรวดเร็ว ฉินสือโอวผิวปาก สองพี่น้องถึงขึ้นบกมาแบบเสียดาย ทิ้งไว้เพียงสองเงาหลังอันยิ่งใหญ่และแข็งแกร่งกับสายตาเหยียดหยามให้พวกแมวน้ำ ตำนานเทพเจ้าแห่งสงครามแลบราดอร์จะยังคงถูกเล่าขานในหมู่แมวน้ำ

ตอนบ่ายวินนี่ก็กลับมา ฉินสือโอวก็เอารูปถ่ายให้เธอดู ยิ้มไปพลางอธิบายให้เธอฟังถึงความกล้าหาญของเถียนกวาในวันนี้ วินนี่เอื้อมมือไปสัมผัสลูกสาวด้วยความรัก จากนั้นก็พูดว่า “แล้วไงต่อคะ? พวกนากทะเลตอนหลังจัดการอย่างไร?”

ฉินสือโอวพูดว่า “เปล่า ข้าพระพุทธเจ้าทำตามพระราชเสวนีย์ขององค์ไทเฮาอย่างรอบคอบ ไม่ได้แตะต้องพวกมันเลย”

วินนี่รีบวางเถียนกวาลงแล้วเดินออกไปกล่าวว่า “พระเจ้า พวกมันจะอยู่แต่บนบกแบบนี้ไม่ได้ เร็วๆๆ พวกเราต้องคิดหาวิธีเอาพวกมันส่งไปเขตทะเลอื่นเถอะค่ะ”

พวกนากทะเลยังคงอยู่บนหาดทรายด้วยสีหน้าอมทุกข์ พวกแมวน้ำใจแคบจริงๆ ความอาฆาตสูงมาก พอพวกมันเสียเปรียบก็จะคิดแก้แค้นจึงนั่งซุ่มอยู่ที่ริมชายหาดทรายด้วยสายตามาดร้าย พอพวกนากทะเลย้ายที่ พวกมันก็ปิดทางลงน้ำของพวกนากทะเล

ตอนที่วินนี่ปรากฏตัว พวกนากทะเลก็ตกใจวงแตก แบบนี้วินนี่เองก็ตกใจ เธอไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้อีก เธอมองฉินสือโอวด้วยสายตาน่าสงสาร “คุณสามี ทำไงดีๆ?”

ฉินสือโอวยักไหล่ “รับมือกับเจ้าพวกนี้ คุณถนัดที่สุดไม่ใช่เหรอ?”

วินนี่พูดว่า “แน่นอน พลังงานตอนนี้ของฉันส่วนใหญ่ใช้จัดการกับลูกชายของคุณนั่นแหละ เจ้าตัวน้อยอยู่ในท้องฉันก็ไม่ได้อยู่นิ่งๆ เพราะฉะนั้นฉันหาวิธีจัดการกับนากทะเลไม่ได้ คุณรีบคิดเร็วเข้า”

ได้ยินแบบนั้น ท่านชายฉินก็รีบใช้สมองคิดหาวิธี วินนี่กับลูกน้อยเบอร์สองในท้องใหญ่สุด

คิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เห็นพวกนากทะเลตกใจตื่นและพยายามหาอาหารไปด้วย เลยไปหาถังกุ้งกุลาดำถังหนึ่งที่เพิ่งงมขึ้นมาที่เรือประมง ส่งให้วินนี่ไปให้อาหารเจ้าตัวเล็กพวกนั้น ดูว่าพอจะคลายความตึงเครียดได้บ้างไหม

วิธีนี้ได้ผลมาก พอวินนี่ถือกุ้งกุลาเข้าไป พวกนากทะเลก็ยังจำได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเคยให้อาหารพวกมันไว้ พากันล้อมเข้ามากินกุ้งกุลา หลังจากนั้นฉินสือโอวก็กอดเถียนกวาแล้วพาเดินเข้าไป เถียนกวายื่นมือเล็กหยิบกุ้งกุลาให้นากทะเล พวกมันก็ไม่กลัว หยิบกุ้งกุลากินอย่างเอร็ดอร่อย

………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท