หลังจากบัตเลอร์จากไป ฉินสือโอวก็ตกอยู่ในโลกเขาที่พึงพอใจ ไม่ต้องการอะไรอีกครั้ง เป็นช่วงเวลาที่เข้าสู่ต้นฤดูใบไม้ร่วง ในทุกๆ วันเขาจะอยู่เป็นเพื่อนวินนี่ มองดูเด็กๆ จากนั้นก็พาเด็กๆ ปีนภูเขาเพื่อชมทิวทัศน์ของฤดูใบไม้ร่วงเป็นครั้งคราว ชีวิตผ่านไปอย่างมีรสชาติ
ผิดกับเถียนกวาที่ไม่มีเวลา เพราะนากทะเลถูกชาวพื้นเมืองโจมตี แมวน้ำไม่พอใจมากที่มีสัตว์ต่างสายพันธุ์บุกเข้ามาในดินแดนของตน หลังจากสังเกตและทดสอบมาระยะเวลาหนึ่ง ในที่สุดพวกมันก็ตัดสินใจขับไล่นากทะเลออกไป
เดิมทีฉินสือโอวไม่รู้เรื่องนี้ นากทะเลขี้ตกใจง่าย วินนี่ไม่อนุญาตให้ชาวประมงและคนในฟาร์มปลาไปรบกวนพวกมัน ดังนั้นพื้นที่ทะเลเล็กๆ ที่พวกมันอาศัยอยู่จึงกลายเป็นอาณาจักรเล็กๆ ที่เป็นอิสระ
แต่ต่อให้เป็นเช่นนี้ พวกนากทะเลก็อยู่อย่างสบายใจได้ไม่กี่วัน พวกแมวน้ำเห็นแววพวกมันไวมาก แต่ก็เห็นว่าพวกมันมีขนนุ่มๆ เนื้อแน่นๆ จึงไม่กล้าที่จะขัดแย้งกับพวกมันในตอนแรก เช่นเดียวกับนิทานเรื่องเจ้าลาเฉียนที่เสือต้องเผชิญหน้ากับเจ้าลาน้อย เจ้านี่ดูขนาดร่างกายแล้วพอๆ กับตัวเอง พวกแมวน้ำเมื่อคิดถึงความปลอดภัย จึงยังคงอยู่อาศัยอย่างสงบสุขกับพวกนากทะเลไปก่อน
หลังจากผ่านไปเกือบเดือน ในที่สุดพวกแมวน้ำได้เรียนรู้เกี่ยวกับพลังการต่อสู้ของนากทะเลหลังจากสังเกตมาเป็นเวลานาน เจ้าพวกที่มีฟันหน้าใหญ่เหล่านี้ไม่มีพลังในการต่อสู้เลย และยังขี้ขลาดมากด้วย พอมีลมพัดหรือใบหญ้าไหวหน่อยก็รีบมุดลงไปในน้ำทะเล
หลังจากเข้าใจจุดนี้ พวกแมวน้ำก็กลายเป็นเย่อหยิ่งขึ้นมา เจ้าพวกนี้พอมีเวลาว่างก็วนไปดูที่ถิ่นของพวกนากทะเล เดินชนมันหน่อย สัมผัสถูกหน่อย แย่งอาหารพวกมัน และยังขับถ่ายในถิ่นพวกมันด้วย
พวกนากทะเลขี้ขลาด แต่พวกมันมีความรู้สึกเป็นเจ้าของอาณาเขตเช่นเดียวกับสัตว์อื่นๆ และจิตใจที่คิดปกป้องอาณาเขตของพวกมันก็หนักแน่นเหมือนกับสัตว์อื่นๆ ด้วยเหตุนี้พวกมันจึงเริ่มที่จะต่อสู้หลังจากถูกแมวน้ำท้าทาย
ในตอนแรกมีแมวน้ำอ้วนหนึ่งหรือสองตัวเข้ามาและเดินวนไปรอบๆ พอเป็นแบบนี้เมื่อนากทะเลรวมตัวกันขึ้นมา โจมตีเจ้าแมวน้ำสองตัวอย่างรวดเร็ว พวกมันจึงรีบหนีไป
แต่แบบนี้พวกเขาเท่ากับก่อเรื่องแล้ว เพราะหลังจากที่ทุบตีเจ้าแมวน้ำอวบอ้วนสองตัวนั้น ราชาแห่งแมวน้ำที่ตัวอวบอ้วนมากที่สุดก็โกรธขึ้นมาทันที ยกโขยงพาทั้งพี่น้อง ญาติ ครอบครัวไปฆ่าพวกมัน!
พวกนากทะเลหมดหนทางแล้ว แมวน้ำเมื่ออยู่ในทะเลมันจะแข็งแกร่งมาก แม้แต่ฉลามก็ยังไม่กล้ามาหาเรื่องพวกฝูงแมวน้ำง่ายๆ นับประสาอะไรกับนากทะเลตัวเล็กๆ ที่อ้วนกลมเหล่านี้เล่า?
เมื่อเผชิญหน้ากัน กลุ่มนากทะเลถูกโจมตีจนกระจัดกระจายกันไป นากทะเลน้อยใหญ่ถูกทุบตีจนจมูกฟกช้ำบวมและกรีดร้องด้วยความกลัว พวกมันจึงต้องหนีเข้าฝั่งเพื่อหลบภัย
เพราะเป็นแบบนี้ ฉินสือโอวกับเถียนกวาถึงสังเกตเห็นความขัดแย้งระหว่างแมวน้ำและนากทะเล มิฉะนั้นปกติเขาไม่ค่อยสนใจพวกเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้ จึงไม่ง่ายที่จะพบว่าพวกมันกำลังเผชิญกับวิกฤตอยู่
เกาะแฟร์เวลในเดือนกันยายน ท้องฟ้าเป็นสีฟ้าสดใส แสงแดดส่องลงมากระทบถูกผิวน้ำทะเลจนให้ความรู้สึกอบอุ่น แต่จิตใตของพวกนากทะเลที่อยู่บนฝั่งตอนนี้ กลับหวาดกลัวอย่างเหลือล้น…
กลับบ้านไม่ได้แล้ว ทำอย่างไรดี? พวกนากทะเลมองไปที่น้ำทะเลอย่างกังวล ใบหน้าอ้วนกลมมีรอยย่น ตากลมโตสีดำของพวกมันไร้ซึ่งความแวววาว
ตอนที่ฉินสือโอวเจอพวกนากทะเล ก็เป็นช่วงที่พวกมันถูกขับไล่จนขึ้นฝั่งมาหนึ่งวันแล้ว แต่เจ้าพวกนี้ไม่ได้หิว ฟาร์มปลาต้าฉินอุดมไปด้วยทรัพยากรมากมาย มีสาหร่ายทะเลเป็นหย่อมๆ บนชายหาด และมีปูก้ามดาบและปูเสฉวนอยู่ใต้พื้นทราย เป็นอาหารที่นากทะเลชอบ พวกมันจึงไม่รู้สึกหิว
แต่อาหารในสถานที่หนึ่งก็สามารถมีช่วงเวลาที่หมดไป ชายหาดไม่เหมือนในน้ำทะเลที่จะมีปลาตัวเล็กและกุ้งตัวน้อยๆ ว่ายน้ำเข้ามาหาเอง อาหารบนชายหาดไม่สามารถถูกเติมเต็มได้ในเวลาอันสั้นหลังจากกินจนหมดแล้ว พวกมันจึงทำได้เพียงอพยพไปตามแนวชายฝั่ง
ฝูงนากทะเลมีทั้งเจ้าตัวน้อยและเจ้าตัวใหญ่ พวกมันเดินไปตามชายฝั่งด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย เช่นเดียวกับชนพื้นเมืองอเมริกันที่ถูกขับออกจากดินแดนโดยผู้รุกรานผิวขาว ถนนโยกย้ายสายนี้คือถนนแห่งเลือดและน้ำตา!
พอเห็นเจ้าพวกนากทะเล หู่จือและเป้าจือก็ตื่นเต้นขึ้นมา ร้องเรียกโฮ่งๆ อยากจะเข้าไปแหย่พวกมันเล่น เถียนกวาตกใจ ขาสั้นๆ ของเธอรีบวิ่งตามเจ้าแลบราดอร์ไปอย่างว่องไว ตะโกนอยู่ด้านหลังว่า “กลับมา กลับมานะ หม่าม๊าบอกว่า กินเด็ก!”
ปากของเด็กหญิงน้อยเริ่มไวมากขึ้นเรื่อยๆ และเริ่มจำเรื่องต่างๆ ได้ ในที่สุดก็เริ่มมีแววของเด็กแบ๊วตัวน้อยแล้ว
หู่จือและเป้าจือพอได้ยินเสียงเรียกของเจ้านายตัวน้อย มันก็หยุดวิ่งด้วยความแสนรู้ พวกมันรู้คำว่า ‘กลับมา’ คำนี้ ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาจีนก็ฟังรู้เรื่องทั้งหมด และพอได้ยินคำนี้ก็จะวิ่งกลับมาหาอย่างว่านอนสอนง่าย
เมื่อเห็นลูกสาวของเขาอธิบายให้แลบราดอร์เข้าใจถึงแง่มุมที่น่ากลัวของนากทะเลอย่างจริงจัง ฉินสือโอวก็หัวเราะ เขามองไปรอบๆ พลันรู้สึกว่านากทะเลมีจำนวนมากขึ้น หลังจากนับแล้วตอนนี้มีแปดสิบสี่ตัว เพิ่มขึ้นมากกว่าตอนแรกน้อยกว่านี้ครึ่งหนึ่ง
เห็นได้ชัดว่าตอนนั้นมีนากทะเลหลายร้อยตัวในเรือขนส่ง พอเรือถูกชนจนพลิกคว่ำพวกมันก็หลบหนีออกมา ซึ่งส่วนหนึ่งวิ่งหนีมาที่ฟาร์มปลา ไม่รู้ว่าภายหลังพวกมันทำอะไรกันอย่างไร พวกมันติดต่อกันได้อีกครั้ง และมีบางส่วนมาที่นี่เพิ่ม
พวกนากทะเลพอเห็นฉินสือโอว เถียนกวาและแลบราดอร์ก็ตกใจกลัว มีบางตัวชูมือสั้นป้อมของมันมาปิดตา พอเห็นนากทะเลแบบนี้ ฉินสือโอวรีบล้วงมือถือจากกระเป๋า ถ่ายเก็บไว้สองสามใบแล้วอัปโหลดขึ้นอินเทอร์เน็ต เขียนความคิดเห็นว่า นากทะเลเหล่านี้น่ารักมาก เมื่อเห็นคนแปลกหน้าจะรู้สึกกลัวแล้วเอามือมาปิดตาได้ด้วย
ด้านล่างมีความคิดเห็นต่างๆ เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีบางคนบอกว่า “คุณฉิน ความคิดเห็นของคุณมันช่าง…นากทะเลเอามือปิดตาไม่ใช่เพราะพวกมันกลัว แต่หนาวต่างหาก!”
ความคิดเห็นที่ตามมาก็มีพูดถึงสิ่งที่คล้ายกันกับข้อความด้านบน ฉินสือโอวเข้าอินเทอร์เน็ตเพื่อหาข้อมูล ถึงเพิ่งรู้ว่านากทะเลมีขนทั่วร่างกายและขนของพวกมันแข็งแรงมาก มีเพียงฝ่ามือของพวกมันที่ไม่มีขนและสะอาด ด้วยเหตุนี้จึงไม่กักเก็บความอบอุ่น จึงมักจะหนาวตรงบริเวณอุ้งเท้า
ดังนั้นเมื่อนากทะเลรู้สึกว่าอุ้งเท้าเย็น พวกมันจะเอาอุ้งเท้าไปไว้ตรงส่วนที่อบอุ่นของร่างกาย พวกมันมีคอสั้นและหัวเล็ก เมื่อชูอุ้งเท้าขึ้นมาก็จะสัมผัสได้ถึงบริเวณรอบดวงตาที่อบอุ่น ดังนั้นเมื่อเวลาผ่านไปสิ่งเหล่านี้ก็กลายเป็นนิสัยของพวกมัน เวลาหนาวจะวางอุ้งมือไว้ตรงบริเวณรอบดวงตา
ที่พวกมันทำท่าแบบนี้ ผู้คนจะรู้สึกว่ามันยื่นมือมาปิดตา แต่แท้จริงแล้วนั่นไม่ใช่เพราะเขินอายหรือหวาดกลัว แต่เพราะหนาว…
แต่ฉินสือโอวไม่เชื่อเหตุผลพวกนี้ เขามองไปที่พระอาทิตย์ดวงใหญ่ที่ส่องสว่าง แล้วมองไปที่เจ้าตัวอวบอ้วนขนพองหนาไปทั้งตัวเหล่านี้ ทำไมยิ่งดูก็ยิ่งรู้สึกว่าพวกมันควรจะรู้สึกร้อนถึงจะถูกต้องสิ
เมื่อพบว่าชายฝั่งไม่ปลอดภัย นากทะเลจึงหนีกลับทะเล ผลปรากฏว่าพวกแมวน้ำยังคงติดตามมาตลอดทาง รอพวกมันในทะเล เมื่อพวกมันกลับลงมาในน้ำ พวกแมวน้ำที่ชอบข่มเหงก็ว่ายเข้ามาล้อมพวกมันไว้ แล้วอ้าปากเผยให้เห็นฟันอันแหลมคมของมันขู่ให้นากทะเลตกใจกลัว
นากทะเลรู้สึกกลัว จึงทำได้เพียงขึ้นฝั่งมาอีกครั้ง พอเป็นแบบนี้หลายครั้ง ฉินสือโอวจึงพบว่ามีปัญหาจึงคิดจะหาทางแก้ไขข้อขัดแย้งระหว่างนากทะเลและแมวน้ำ
แต่พวกนากทะเลหลายครั้งที่ขึ้นฝั่งแล้วก็ลงไปในน้ำ พวกแมวน้ำจึงไม่รู้สึกพอใจแล้ว พวกมันคลานขึ้นไปที่ชายหาดด้วยใบหน้าอ้วนๆ ที่บึ้งตึงและส่ายก้นอ้วนๆ ไปมา ย่างกรายเข้าไปเพื่อจะรังแกนากทะเล
แมวน้ำเมื่ออยู่บนฝั่งจะมีความเงอะงะมาก พวกมันไม่มีแขนขา ขาหน้าของพวกมันได้พัฒนากลายเป็นตีนกบ แม้ว่านากทะเลจะมีพังผืดระหว่างแขนขาและอุ้งเท้า แต่ยังโชคดีที่พวกมันก็ยังมีแขนขา การเคลื่อนไหวของพวกมันจึงดีกว่าพวกแมวน้ำมาก
เมื่อเห็นไอ้พวกเลวที่ชอบข่มเหงเหล่านี้ไล่ตามขึ้นฝั่ง นากทะเลก็หันหลังกลับและวิ่งบนชายหาดไปตามสัญชาตญาณ แต่หลังจากวิ่งไปสักพัก พวกมันก็พบว่าเจ้าพวกเลวที่เก่งฉกาจเมื่ออยู่ใต้น้ำกลับดูงี่เง่าเมื่ออยู่บนฝั่ง ดังนั้นพวกมันจึงค่อยๆ หยุด กะพริบตาปริบๆ มองไปที่แมวน้ำด้วยความแปลกใจ
………………………………