เมื่อเห็นภาพตรงหน้า คนที่อยู่รอบๆ ก็พากันหัวเราะออกมา วินนี่ดึงเถียนกวากลับมา จากนั้นก็ส่งปลาไหลทอดให้เธอหนึ่งชิ้น
อย่าคิดว่าเถียนกวานั้นยังเด็ก เวลาที่เธอทานอะไรเข้าไปเธอสามารถแยกรสชาติได้ ปลาไหลอร่อยหรือไม่อร่อย ถ้าอร่อยก็จะบอกว่าอร่อย ไม่อร่อยก็จะไม่ยอมทานง่ายๆ ที่ตัวของมันมีก้างเล็กๆ อยู่มากมาย ดังนั้นเมื่อทอดจนสุกแล้วผู้ใหญ่สามารถทานเข้าไปได้เลย แต่สำหรับเด็กนั้นจะกินได้ยาก
ปากเล็กๆ ของ เถียนกวาผู้อวบอ้วนเป็นเด็กฉลาดมาก เธอกัดปลาไหลไปครึ่งตัว จากนั้นริมฝีปากเล็กๆ ของเธอก็ขยับขึ้นลงไปมา ไม่นานก้างเล็กๆ จำนวนมากก็ออกมาจากปากของเธอ เธอคายก้างพวกนั้นลงพื้น และมีเนื้อหลุดออกมาไม่มากนัก เหมาเหว่ยหลงและหลิวซูเหยียนมองภาพนั้นอย่างตกตะลึง
ตั๋วตั่วก็หยิบปลาไหลขึ้นมาทานด้วยท่าทางเอร็ดอร่อย ปรากฏว่าเมื่อกลืนลงไปน้ำตาของเธอก็ซึมออกมา เธอจับแขนของเหมาเหว่ยหลงแล้วพูดพลางไอออกมาว่า “แค่กๆ ปะป๊าแค่กๆ ติดคอ อึดอัดจัง…”
เหมาเหว่ยหลงประคบประหงมดูแลลูกสาวคนโตเป็นที่สุด นั่นก็เพราะว่าเมื่อก่อนตั๋วตั่วไม่ยอมพูด ตอนนี้จะพูดออกมาแต่ละคำก็ไม่ง่ายเลย เขาไม่อยากจะกลับไปใช้ชีวิตแบบเดิมอีกแล้ว
เถียนกวายังคงเคี้ยวปลาไหลไปมาในปาก มืออ้วนๆ ทั้งสองข้างถือปลาไหลข้างละตัว จากนั้นวินนี่ก็ให้เนื้อแกะย่างแก่เธอ เธอโยนปลาไหลตัวหนึ่งทิ้งจากนั้นก็เปลี่ยนมาหยิบเนื้อแกะย่างแทน ปากด้านซ้ายกัดปลาไหลและด้านขวากัดเนื้อแกะกินอย่างมีความสุข
ตั๋วตั่วทำเพียงมองดูภาพนั้นด้วยความอิจฉา เหมาเหว่ยหลงใช้วิธีดินในการรักษาอาการก้างปลาติดคอ นั่นคือการให้เธอจิบน้ำส้มสายชู จากนั้นใบหน้าอันน่ารักของหลิวซูเหยียนก็บิดเบี้ยวไปด้วยความทุกข์ทรมาน
นี่มันเป็นการแกล้งเด็กและสุนัขชัดๆ การกินปลาไหล ปลาไหลนาและเนื้อแกะหอมๆ พร้อมกับจิบเบียร์เย็นๆ ไปด้วย ทำให้อาหารเย็นมื้อนี้จบลงอย่างมีความสุข
เช้าตรู่ของวันต่อมา ฉินสือโอวและคนอื่นๆ เข้ามาทำงานในฟาร์มกันแต่เช้า ฟาร์มของเหมาเหว่ยหลงมีเนื้อที่มากกว่าหนึ่งพันสองร้อยเอเคอร์ จากนั้นเขาก็ได้ซื้อฟาร์มเล็กๆ ด้านข้างเพิ่ม ทำให้เขาพื้นที่ทำฟาร์มทั้งหมดหนึ่งพันแปดร้อยเอเคอร์ พื้นที่มากกว่าหนึ่งพันเอเคอร์เป็นพื้นที่สำหรับปลูกข้าวโพด ก่อนหน้านี้เขาเคยทำฟาร์มไปแล้วสี่ร้อยเอเคอร์ เหลืออีกหกร้อยเอเคอร์ที่ยังวันนี้ต้องทำให้เสร็จ
ในขณะที่มองดูรถขนข้าวโพดเก็บเข้าคลังไปทีละคัน เหมาเหว่ยหลงก็พูดขึ้นมาอย่างตื้นตันว่า “แม่งเอ้ย มีคนมาช่วยงานนี่มันดีจริงๆ ฉันทำคนเดียวแทบตายอาทิตย์หนึ่งได้แค่สี่ร้อยเอเคอร์เอง พวกเราสี่คน ไม่ถึงสองวันทำงานมากกว่าฉันเกือบสองเท่าแน่ะ”
ข้าวโพดที่ปลูกในฟาร์มขนาดพันกว่าเอเคอร์ไม่สามารถนับจำนวนของมันได้ และเป็นไปไม่ได้ที่มันจะโตพร้อมๆ กัน มีบางต้นที่สุกก่อนและได้ทำการเก็บเกี่ยวไปก่อนแล้ว และบางต้นก็ยังเป็นเขียวอยู่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าวโพดแห้ง เนื่องจากข้าวโพดเขียวมีความชื้นที่ค่อนข้างสูง ไม่สามารถเก็บเข้าคลังได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้พวกมันเป็นเชื้อราได้ง่าย ข้าวโพดพวกนี้ถูกคัดเลือกมาได้ เหมาเหว่ยหลงบอกว่าจะทำให้เป็นอาหารสัตว์แล้วขายออกไป ฉินสือโอวมองดูข้าวโพดอวบเต็มเม็ดและมันวาว แล้วบอกว่าพวกมันสามารถเอาไปคั่วไปทานตอนกลางวันได้
เหมาเหว่ยหลงรู้สึกไม่ดีขึ้นมา เพราะว่าทุกคนทำงานจนเหงื่อท่วม จะให้มาทานข้าวโพดสองสามฝักในตอนกลางวันได้อย่างล่ะ? เอาแบบนี้ ที่ไร่ของเขามีมันฝรั่งอยู่ รสชาติไม่ได้แย่ เพิ่มมันฝรั่งอบเข้าไปอีกสักหน่อยแล้วกัน…
เหมือนกับตอนเด็กๆ ฉินสือโอวเก็บข้าวโพดแห้งและฟืนมาจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็จุดไฟที่กองฟืน แล้วเสียบข้าวโพดเข้ากับไม้เสียบเหล็กปิ้งบนไฟ ปรากฏว่าบางส่วนของข้าวโพดที่ยังเปียกอยู่ ดันติดไฟขึ้นมา ทำให้เกิดหมอกควันหนาทึบปกคลุมไปทั่ว เพราะว่าวันนี้ไม่มีลม ควันไฟที่อยู่ด้านหลังก่อตัวกันเป็นก้อน และพุ่งขึ้นท้องฟ้าไป
แบล็คไนฟ์เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้า แล้วพูดออกมาว่า “บอส เมื่อวานตอนเย็นพวกเราใช้เตาย่างไม่ใช่เหรอครับ? ถ้างั้นใช้เตาย่างย่างข้าวโพดน่าจะดีกว่าไหมครับ?”
อันที่จริงแล้ว เปลวไฟจากกองไฟนี้ใหญ่มาก และข้าวโพดเขียวก็นิ่ม หากไม่ระวังอาจจะไหม้ได้
ฉินสือโอวพูดกลั้วหัวเราะว่า “ต้องทานแบบนี้สิถึงจะได้อารมณ์ อารมณ์แห่งวัยเยาว์ไงล่ะ”
เหมาเหว่ยหลงเตรียมน้ำมันถั่วลิสงมา เพื่อทาลงบนข้าวโพดในขณะที่กำลังย่าง การทำแบบนี้ต้องระวังไม่ทำให้มันไหม้ด้วยเช่นกัน เหมาเหว่ยหลงตั้งหม้อลงบนกองไฟ แล้วใส่ข้าวโพดลงไปต้มในหม้อ เขายังเชื่อมั่นในฝีมือของฉินสือโอว
ข้าวโพดสองฝัก ฝักหนึ่งฉินสือโอวส่งให้แบล็คไนฟ์ ส่วนอีกฝักเขาทานเอง
เพราะน้ำมันถั่วลิสง ข้าวโพดย่างจึงมีรสชาติหอมหวานเป็นพิเศษ แม้ว่าจะไม่ใช่ข้าวโพดเหนียว แต่เมื่อทานไปรสชาติก็ถือว่าไม่เลยเลยทีเดียว
ในขณะที่กำลังแทะข้าวโพดอยู่ ฉินสือโอวรู้ว่ามันอร่อยจึงคิดจะย่างเพิ่ม แบล็คไนฟ์ไม่ได้ถนัดเรื่องข้าวโพดย่าง เขาทานแค่บาร์บีคิวและเนื้อย่างเท่านั้น ถ้าหากว่าเขาจะกินธัญพืช เขาจะกินแบบต้มเท่านั้น หลังจากที่ฉินสือโอวย่างข้าวโพดแล้วก็ส่งให้เขา เขาจึงพูดขอบคุณเท่านั้น
“ทำไมล่ะ นายอิ่มแล้วเหรอ? “ ฉินสือโอวแทะข้าวโพดไปพลางถามอย่างครุมเครือออกไปด้วย
แบล็คไนฟ์หัวเราะออกมาแห้งๆ “ไม่ใช่ครับ แต่ว่าบอส ทานอาหารย่างเสี่ยงจะเป็นมะเร็งนะครับ”
ฉินสือโอวยิ้มเย็นออกมาว่า “บ้านแกสิ ทำไมเวลาที่นายกินบาร์บีคิวนายไม่เห็นจะกลัวเป็นมะเร็งเลยล่ะ?”
แบล็คไนฟ์พูดออกมาอย่างเป็นเหตุเป็นผลว่า “บาร์บีคิวหอมขนาดนั้น ใครจะปฏิเสธได้ล่ะครับ? ผมยอมเสี่ยงเป็นมะเร็งเพื่อที่จะกินบาร์บีคิว แต่ผมไม่ยอมเป็นมะเร็งเพราะกินข้าวโพดย่าง”
น้ำในหม้อเดือดพอดี ข้าวโพดก็สุกพอดีเช่นกัน เหมาเหว่ยหลงหยิบข้าวโพดมาให้แบล็คไนฟ์และบีบีซวง ทั้งสองคนทานอย่างเอร็ดอร่อย พวกเขาพยักหน้าและบอกว่าข้าวดพดนี้อร่อยไม่หยุด
ฉินสือโอวรอจนข้าวโพดสุก จากนั้นก็เขี่ยฟืนให้ความร้อนแผ่ไปทั่วเท่าๆ กัน ตอนนั้นเองเสียงรถตำรวจก็ดังเขามาในฟาร์ม เหมาเหว่ยหลงเงยหน้ามองตามเสียงนั้นด้วยความแปลกใจ แล้วพูดขึ้นมาว่า “อะไรกันน่ะ ตำรวจมาทำอะไรที่นี่?”
ฉินสือโอวที่กำลังเขี่ยกองไฟ และขุดมันฝรั่งออกมาจากพูด พูดกลั้วหัวเราะว่า “ไม่ใช่มาช่วยทำงานหรอกนะ?”
เหมาเหว่ยหลงกระซิบพึมพำว่า “เรื่องนี้ฉันไม่กล้าขอให้ช่วยหรอก แม่เอ้ย พวกนี้เป็นตำรวจของแคนาดาไม่ใช่ตำรวจของพวกเรา พวกตาแก่พวกนี้”
เมื่อฉินสือโอวได้ยินดังนั้นก็ไม่พอใจขึ้นมา เขาพูดว่า “เพื่อน นายกำลังพูดเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ อย่างไรก็ตามเท่าที่ฉันรู้ ตำรวจที่นี่ ที่แคนาดาไม่ว่าจะเป็นพนักงานหรือผู้รับผิดชอบหน้าที่พวกเขาก็ดูแลดีในทุกๆ ด้านนะ นายบอกว่าตรวจคือตาแก่งั้นเหรอ? งั้นลูกน้องและเพื่อนร่วมงานที่อยู่ที่ประเทศจีนก็เป็นบรรพบุรุษแล้วน่ะสิ อดใจไม่ไหวที่จะเตรียมเคารพพวกเขาจะแย่แล้ว”
รถตำรวจจอดอยู่ที่หน้าตึก จากนั้นพวกเขาก็ค่อยๆ เปิดประตูลงมา ตำรวจสองนายที่ลงจากรถมาสองคนสุดท้ายมีท่าทีเคร่งขรึมว่า “เมื่อครู่พวกคุณจุดไฟใช่ไหม?”
เหมาเหว่ยหลงพยักหน้าตอบกลับว่า “ใช่ครับ แต่ว่าพวกเราไม่เผาอะไรนะครับ พวกเราเพียงแค่จุดไฟย่างทำกับข้าวเท่านั้น ของที่ย่างก็พวกข้าวโพดและมันฝรั่ง”
เมื่อพูดจบถึงตรงนี้ สีหน้าของนายตำรวจก็ดูผ่อนคลายขึ้นมา หนึ่งในสองคนที่มีอายุมากกว่าเดินดูรอบๆ กองไฟอย่างละเอียด แล้วพูดขึ้นมาอย่างไม่พอใจว่า “พวกคุณจะย่างอาหารทำไมไม่ใช่เตาย่างล่ะ? พวกเราได้รับแจ้งความว่า ที่ฟาร์มของคุณเกิดไฟไหม้ เมื่อครู่เพื่อนบ้านของพวกคุณเห็นควันไฟลอยขึ้นไปบนอากาศ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
หม้อพวกนี้มีเพียงฉินสือโอวที่ใช้ เขาเป็นคนเลือกที่จะย่างข้าวโพด และกองไฟนั้นเขาก็เป็นคนสร้าง เขาจึงถามออกไปว่า “เพื่อน มีอะไรเข้าใจผิดกันรึเปล่า? พวกเราเพียงแค่ย่างอาหารทานกันเองเท่านั้น ถ้าหากมันสร้างความตื่นตระหนกให้เพื่อนบ้าน พวกเราก็ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน”
…………………