ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1787 คนที่ส่งของขวัญให้มาแล้ว

บทที่ 1787 คนที่ส่งของขวัญให้มาแล้ว

งานฉลองครบรอบวันแต่งงานทำให้ฉินสือโอวเซอร์ไพรส์นิดหน่อย หลังจากนั้นชีวิตก็กลับสู่ความเงียบสงบ และงานของเขาก็ยุ่งขึ้นมา ก่อนจะไปพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์เพื่อจัดการงานที่เกี่ยวข้อง และทำงานอย่างรีบร้อนเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ติดต่อกัน

ครั้งนี้งานที่เขายุ่งอยู่หลักๆ คือการแจกจ่ายอาหารปลากับอาหารกุ้งที่ผลิตในโกลเด้นเบย์ ตามด้วยการขยายสายการผลิตอย่างบ้าคลั่ง อาหารปลาที่โกลเด้นเบย์สามารถผลิตได้ทุกสัปดาห์จากหลายสิบตันเปลี่ยนเป็นหลายร้อยตัน ทุกวันจะมีเรือขนส่งมาจอดที่ท่าเรือ หลังจากนั้นก็ลำเลียงอาหารปลากับอาหารกุ้งไป

อาหารปลากับอาหารกุ้งผลิตมาเป็นเวลานานมากแล้ว แต่ตลาดเพิ่งจะระเบิดไปเมื่อเร็วๆ นี้ สาเหตุก็คือพวกเจ้าของฟาร์มปลาทำการทดสอบแบบลองผิดลองถูกมาเป็นเวลานาน ในที่สุดก็ยืนยันได้ว่าคุณค่าทางโภชนาการของอาหารปลากับอาหารกุ้งที่โกลเด้นเบย์น่าอัศจรรย์อย่างไร และในที่สุดก็เข้าใจว่าการใช้อาหารสัตว์พวกนี้สามารถนำมาช่วยเรื่องรายได้ของพวกเขาได้ดีแค่ไหน

เจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้เป็นพวกซับซ้อน ตอนที่ฉินสือโอวผลิตอาหารปลาและแนะนำให้พวกเขาเมื่อตอนนั้น พวกเขาตอบกลับอย่างผิวเผินว่าจะใช้อาหารสัตว์พวกนี้ แต่ความจริงพวกเขาไม่ได้เต็มใจเลย พวกเขาคิดว่านี่เป็นการยืมความสะดวกสบายในหน้าที่การงานของฉินสือโอวเพื่อขายอาหารสัตว์ของตัวเอง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว

แน่นอนว่า เจ้าของฟาร์มปลาเช่นโดนัลด์ พวกเขาเชื่อใจฉินสือโอวอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นฉินสือโอวสัญญากับพวกเขาว่า ถ้าใช้อาหารสัตว์ของเขาเลี้ยงปลากับกุ้ง ปลาที่เกิดขึ้นมานั้นจะได้เข้ามาอยู่ในอาหารทะเลแบรนด์ต้าฉิน

เจ้าของฟาร์มปลาคนอื่นก็ได้รับสัญญานี้ แต่พวกเขาไม่มีความมั่นใจเลย เพราะพวกเขากังวลว่าฉินสือโอวจะพูดว่าทำไม่ได้ อันที่จริงสำหรับพวกเขา ฉินสือโอวก็เป็นแค่คนหนุ่มที่ปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม

หลังจากซื้ออาหารปลากับอาหารกุ้งและกลับไป เจ้าของฟาร์มปลาพวกนี้จะทำการทดสอบเพื่อเปรียบเทียบกันก่อน พวกเขาจะใช้อวนจับปลาล้อมน่านน้ำไว้ 2 ผืน ด้านในจะเลี้ยงลูกปลาสายพันธุ์เดียวกัน และขนาดเท่ากัน หลังจากนั้นก็ใช้อาหารปลาแบรนด์ต้าฉินกับอาหารปลาแบรนด์อื่นมาเลี้ยงพวกมัน และจับขึ้นมาเทียบกันเป็นระยะๆ

ผลการเปรียบเทียบ ทำให้พวกเขาตกตะลึง ฉินสือโอวไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวเลย อาหารปลาชนิดนี้ที่เขาโปรโมท มีแรงดึงดูดต่อปลากับกุ้งมากเป็นพิเศษ ความสามารถในการพัฒนาคุณภาพเนื้อปลากับกุ้งก็มากเป็นพิเศษเหมือนกัน จึงสามารถส่งเสริมการเจริญเติบโตของปลากับกุ้งได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับปลาค็อด ปลาค็อดที่ใช้อาหารปลาแบรนด์ต้าฉินเลี้ยง ความเร็วในการเจริญเติบโตเร็วกว่าอาหารปลาแบรนด์อื่น 20 เปอร์เซ็นต์ถึง 40 เปอร์เซ็นต์

อัตราการเจริญเติบโตที่โตเร็วแบบนี้น่ากลัวมาก หลังจากเจ้าของฟาร์มปลาประหลาดใจก็รู้สึกกลัวขึ้นมา พวกเขากังวลว่าในอาหารปลาพวกนี้จะมีฮอร์โมนเร่งโตหรือโกรทฮอร์โมนอยู่ ซึ่งเป็นสิ่งที่ห้ามใช้อย่างเคร่งครัดในแคนาดา ถ้าภายในปลาของพวกเขาตรวจเจอฮอร์โมนพวกนี้เกินค่ามาตรฐาน พวกเขาจะถูกตัดสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของฟาร์มปลา

ดังนั้น เจ้าของฟาร์มปลาที่กังวลจึงส่งอาหารปลาแบรนด์ต้าฉินไปที่สถาบันวิจัยอาหารและโภชนาการเพื่อทำการทดสอบ

รายงานการทดสอบแสดงให้เห็นว่า ปริมาณโปรตีนในอาหารปลาพวกนี้ค่อนข้างต่ำ แต่ทุกองค์ประกอบมีความสมดุลแปลกๆ พวกเขาคิดว่าความสมดุลนี้ นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพเนื้อปลากับกุ้งและการเปลี่ยนแปลงอัตราความเร็วในการเจริญเติบโต ส่วนของต้องห้ามอย่างฮอร์โมนเร่งโตกับโกรทฮอร์โมน ทดสอบแล้วไม่พบว่ามีอยู่ในอาหารสัตว์

แบบนี้ อาหารปลาแบรนด์ต้าฉินจึงได้รับการยอมรับจากเจ้าของฟาร์มปลาอย่างรวดเร็ว แม้แต่เจ้าของฟาร์มปลาที่มองการณ์ไกลบางคนยังแห่กันซื้อและกักตุนไว้อย่างบ้าคลั่ง พวกเขามั่นใจว่านี่คือปัจจัยสุดท้ายที่สามารถเปลี่ยนแปลงรายได้ของฟาร์มปลาได้

เดิมทีการขายอาหารปลาเป็นการขายแบบพึ่งพากึ่งบังคับ ตอนนี้เจ้าของฟาร์มปลาแห่กันมาซื้อ สถานการณ์การขายก็ยุ่งเหยิง ก่อนฉินสือโอวไปดูแลที่พันธมิตร ก็กำหนดโควตาของอาหารปลาไว้ เพราะความสามารถในการผลิตอาหารปลาที่โกลเด้นเบย์มีจำกัด ดังนั้นจึงต้องใช้ระบบโควตา

เวลานี้ ระบบข้อมูลขนาดใหญ่ที่ฉินสือโอวจัดทำขึ้นมาก่อนหน้านี้มีประโยชน์แล้ว เขาสามารถเข้าใจทิศทางการผลิตหลักๆ และความสามารถในการผลิตที่ผ่านมาของฟาร์มปลาที่สังกัดพันธมิตรพวกนี้ได้อย่างรวดเร็ว ตอนที่แจกจ่ายอาหารปลาก็สามารถบรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้

ใช้เวลาหนึ่งสัปดาห์ เขาเป็นผู้นำการประชุมหลายครั้งให้กับหัวหน้าหลายแผนกที่พันธมิตร ในที่สุดก็กำหนดระบบการแจกจ่ายอาหารสัตว์ในไตรมาสที่สี่ของปีนี้ออกมาได้ แบบนี้ก็สามารถทำตามที่แผนที่วางไว้ได้แล้ว

หลังจากกำหนดเรียบร้อยแล้ว ฉินสือโอวก็เริ่มค้นคว้าสมุดบัญชีด้านอาหารสัตว์ของโกลเด้นเบย์ สิ่งที่เจ้าของฟาร์มปลาคิดนั้นไม่ผิด เขาใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวจริงๆ แต่พวกเขาเดาผิด เรื่องที่เขาใช้อำนาจหน้าที่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวไม่ใช่การขายอาหารปลาของเขา แต่เป็นการใช้พันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์มาทำงานให้เขา ตั้งแต่แผนการขายไปจนถึงงานฝ่ายการเงิน คนที่เขาใช้ล้วนเป็นพนักงานของพันธมิตรการประมงทั้งนั้น

แม้จะยกเว้นช่วงแรกเพราะแผนกทรัพยากรบุคคลของพันธมิตรการประมงยุ่งอยู่กับการมีส่วนร่วมในการกำหนดระบบข้อมูลขนาดใหญ่ เขาจึงเรียกใช้บริษัทจัดหางานให้ช่วยรับสมัครคนงานผลิตอาหารสัตว์ให้ หลังจากสายการผลิตขยายกว้างขึ้น เขาก็ไม่เรียกใช้บริษัทจัดหางานอีก และจัดให้แผนกทรัพยากรบุคคลรับสมัครให้เขาแทน ไม่เพียงแค่ประหยัดเงิน แต่ประสิทธิภาพในการทำงานของคนพวกนี้ยังดีกว่าอีกด้วย งานรับสมัครก็ดำเนินไปได้อย่างราบรื่น

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังอ่านสมุดบัญชี เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาในทันที เขาปิดสมุดบัญชีก่อนจะทำท่าทางสง่าผ่าเผย และพูดว่า “เชิญเข้ามา”

เมื่อประตูสำนักงานเปิดออก ชายวัยกลางคนตัวสูงใหญ่คนหนึ่งมองเข้ามาข้างในอย่างระมัดระวัง หลังจากนั้นก็เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “สวัสดีครับท่านประธาน ผมอยากถามว่าตอนนี้ท่านพอจะมีเวลาไหมครับ? ผมมีเรื่องอยากคุยกับท่านนิดหน่อย เอ่อ ผมลืมแนะนำตัวเองไปเลย ผมชื่อ…”

“คาร์ล เดวิส ใช่ไหม?” ฉินสือโอวแสดงรอยยิ้มเบิกบานออกมา นี่คือเจ้าของฟาร์มปลาคนหนึ่งที่อยู่ในการปกครองของพันธมิตร เขาจำชื่อของชายคนนี้ได้ เพราะตอนฤดูล่าแมวน้ำเมื่อตอนนั้น เขาเรียกร้องให้เจ้าของฟาร์มปลาจำนวนหนึ่งไปปกป้องแมวน้ำ ซึ่งในกลุ่มนั้นก็มีชายคนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังส่งเสื้อเกราะกันกระสุนสำหรับสุนัขทหารให้หู่จือกับเป้าจืออีก จึงค่อนข้างประทับใจ

เมื่อพบว่าฉินสือโอวจำชื่อของตัวเองได้ เดวิสก็ยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นมา เขาพูดว่า “ถูกท่านประธานจำชื่อได้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติมากจริงๆ ใช่ครับ ผมชื่อคาร์ล เดวิส คาร์ล เดวิสจากรัฐโนวาสโกเชีย”

ฉินสือโอวจำเขาได้ และก็ขอบคุณเขาที่ส่งของขวัญให้หู่จือกับเป้าจือ แต่ตอนนี้เขาค่อนข้างยุ่ง จึงเปิดประเด็น และถามว่า “เพื่อน ไม่ต้องเกรงใจ คุณมานั่งตรงนี้ และขอถามว่าครั้งนี้เข้ามามีเรื่องอะไรเหรอ? ถ้าต้องการความช่วยเหลือจากผม งั้นก็ไม่ต้องลังเลพูดมาได้เลย”

ถึงคำพูดจะพูดอย่างนี้ แต่ข้อความที่ไม่ได้พูดออกมาตรงๆ ของท่านชายฉินคือ มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ พี่ไม่มีเวลามาเล่นกับนาย

เดวิสเป็นชายที่ฉลาด เขาเข้าใจ เขาถูมือและพูดว่า “ความจริงมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมอยากมาเยี่ยมท่าน และนำปลาอลาสก้าพอลล็อคมาให้ท่านชิมนิดหน่อย ปลาอลาสก้าพอลล็อคพวกนี้เป็นปลาที่ผมใช้อาหารปลาแบรนด์ต้าฉินของท่านเลี้ยงจนเติบโตขึ้น รสชาติเยี่ยมเป็นพิเศษ ผมคิดว่าท่านน่าจะชอบ”

ฉินสือโอวโบกมือ “ถ้าอยากให้ของขวัญ งั้นก็หยุดเลย เดวิส เพื่อนของฉัน คุณควรจะเข้าใจจรรยาบรรณของผม ผมไม่สามารถรับของขวัญจากใครก็ตามในที่ทำงานได้ มันไม่สอดคล้องกับสไตล์การทำงานของผม”

ขณะที่พูด เขาก็ทำท่าโปร่งใสไปด้วย ความจริงเขาพูดประโยคหนึ่งอยู่ในใจ เขารอวันนี้มานานมากแล้ว ตอนเด็กเขามีความฝันที่จะเป็นข้าราชการที่ทุจริต น่าเสียดายที่ตอนอยู่ประเทศจีนมันไม่สำเร็จ แต่ตอนนี้ในที่สุดเขาก็มีโอกาสทำความฝันให้สำเร็จ แต่สิ่งที่น่าเสียดายคือ เขามอบของขวัญให้ในเล้าหมู และประจบไม่ถูกทาง นายมอบปลาค็อดให้ฉันทำไม? ฟาร์มปลาของนายไม่มีอย่างอื่นแล้วเหรอ ปลาค็อดน่ะมีพอแล้ว!

……………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท