ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1800 การเปลี่ยนแปลงที่ดี

บทที่ 1800 การเปลี่ยนแปลงที่ดี

ฉินสือโอวมองความสามารถของนักข่าวคนนี้สูงไป เพราะว่าในสัมภาษณ์ข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ หัวข้อคือ ‘เจ้าของฟาร์มปลาเชื้อสายจีนไม่เชื่อในพลังแห่งพระเจ้า วาฬหัวทุยใกล้ชิดสัมพันธ์กับเงือกอย่างปาฏิหาริย์’

พูดตามจริงแล้ว ข่าวนี้ไม่ได้มีปัญหาอะไร ท่านชายฉินก็หมายความอย่างนี้แหละ แต่สื่อพูดแบบนี้ไม่ได้ ก็เหมือนที่เคยพูดก่อนหน้านี้ แคนาดาเป็นประเทศเทวาธิปไตย คนทั้งประเทศต่างก็กำลังพูดว่านี่เป็นพลังแห่งพระเจ้า รายงานนี้กลับใช้มุมมองทางวิทยาศาสตร์มาอธิบาย แม้ว่าจะค่อนข้างมีเหตุผล แต่กลับทำให้ท่านชายฉินอยู่บนกองไฟ เขาต้องถูกโจมตีแน่!

และตามคาด หลังจากนั้นทวิตเตอร์ของเขาก็ระเบิดเลย ความคิดเห็นต่างๆ ด้านล่างบอกว่าเขาพล่ามไปเรื่อย บอกว่าเขามาสวมรอยรับความชอบอย่างหน้าไม่อาย ถึงขั้นที่บอกว่าเขาทารุณกรรมวาฬ เอาอานวาฬมัดไว้บนหลังของมัน สมควรจะได้รับโทษทางกฎหมาย!

อ่านความคิดเห็น ฉินสือโอวเดือดดาลเป็นอย่างมาก เขาตบโต๊ะอย่างแรงแล้วพูดว่า “สื่อข่าวพวกนี้ทำเกินไปแล้ว! นีลเซ็น แบล็คไนฟ์ ไปจัดการมันซะ!”

แบล็คไนฟ์และนีลเซ็นที่กำลังเล่นไพ่นกกระจอกอยู่ได้ยินก็เข่าอ่อน หันกลับไปถามอย่างพร้อมเพรียงว่า “บอส คุณเอาจริงเหรอ?”

“แน่นอนว่าไม่ใช่น่ะสิ สมองหมูเหรอ? ฉันจะฆ่าคนเพราะเรื่องแบบนี้ได้?” ท่านชายฉินบอกอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “แต่ว่าไอ้นักข่าวนั่น เพื่อยอดขายแล้วเรื่องอะไรก็ทำออกมาได้จริงๆ!”

หลังจากนั้นหนึ่งวัน ฉินสือโอวอยากจะกำจัดนักข่าวคนนั้นเสียจริง เพราะอาร์คบิชอปเสื้อแดงพาคนมาถึงฟาร์มปลา สั่งสอนท่านชายฉินต่อหน้า บอกว่าเขาลบหลู่อำนาจของพระเจ้า เตือนเขาว่าวันหลังจะต้องมีใจเคารพต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ฉันลบหลู่กับน้องสิ ฉันเคารพกับน้องสิ ท่านชายฉินโมโหจริงแล้ว คนก็เขาเป็นคนช่วยขึ้นมา วาฬก็เขาเป็นคนเลี้ยง แล้วเขาไปลบหลู่พระเจ้ายังไงกัน?

ขี้เกียจต้อนรับอาร์คบิชอปเสื้อแดงท่านนี้ ฉินสือโอวโบกมือบอกอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ส่งแขก ปิดประตู เฝ้าระวัง ถ้ามีใครกล้าเข้ามาในฟาร์มปลาอีก ฆ่าไม่มีละเว้น!”

อาร์คบิชอปเสื้อแดงหนวดขาวผมรีบบอกว่า “คุณทำแบบนี้ไม่ได้ ผมมาที่ฟาร์มปลาของคุณเพราะมีเรื่องสำคัญจะเจรจา…”

“ส่งแขก ปิดประตู ปล่อยสุนัข!” ท่านชายฉินตะโกนโดยตรง หู่จือเป้าจือหมาน้อยทั้งสองตัวรีบหูตั้งขึ้นมา มองคนแปลกหน้าพวกนี้ที่สวมเสื้อคลุมอย่างไม่เป็นมิตร แล้วเริ่มอ้าปากแยกเขี้ยวเผยฟันคมน่ากลัวออกมา

เหล่าสาวกของพระเจ้ากลัวแล้ว พวกเขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าพระเจ้าจะสำแดงปาฏิหาริย์อีกครั้งลงโทษผู้ที่หมิ่นพระเจ้าคนนี้ แต่น่าเสียดาย กระทั่งพวกเขาถูกไล่ออกจากฟาร์มปลาก็ไม่ได้เห็นร่องรอยของพระเจ้าเลย

หลังจากวางอำนาจบาตรใหญ่กับอาร์คบิชอปเสื้อแดงแล้ว ในที่สุดความโกรธในใจท่านชายฉินถึงได้คลายลง ที่หลงเหลือหลังลมพายุก็คือแสงแดดสดใส วันดีๆ ของเกาะแฟร์เวลมาถึงแล้ว

เพราะว่าอากาศไม่ดี เทศกาลฮาโลวีนของปีนี้จึงไม่ได้จัด วิญญาณแห่งความบันเทิงของคนแคนาดาแรงมาก นครเซนต์จอห์นเลื่อนเทศกาลฮาโลวีนออกไป ปรับเวลาไปเป็นวันอาทิตย์แรกหลังลมพายุมรสุม

ฟาร์มปลามีฟักทองจำนวนมาก เนื้อฟักทองถูกคว้านออกมากินหมดแล้ว คนกินเนื้ออ่อน ม้าและไก่ เป็ด ห่าน หมูกินเนื้อแก่ ในช่วงนี้ฟักทองทำประโยชน์อย่างมากในฟาร์มปลา ทำให้คนและสัตว์ของฟาร์มปลาต่างก็กินอิ่มจนพุงกลม

เอาเนื้อฟักทองออกไปที่เหลือก็คือเปลือกฟักทอง ฉินสือโอวพาพวกวัยรุ่นแกะสลักรูปบางอย่างลงบนนั้นเพื่อทำให้ฟักทองดูน่ากลัวเหมือนหน้าผี จากนั้นเอาไว้หน้าประตูฟาร์มปลาและรอบๆ วิลล่า ตอนดึกก็จุดเทียนข้างในหรือแขวนไฟฉายไว้ก็สามารถสร้างบรรยากาศเทศกาลฮาโลวีนได้แล้ว

วันที่สอง อาร์คบิชอปเสื้อแดงมาอีกแล้ว ครั้งนี้ฉินสือโอวไล่ไม่ได้อีกแล้ว เพราะว่าพวกเขาได้เชิญบิชอปคาบ็อทแบ๊บติสต์แห่งอาสนวิหารคริสต์ทรงสี่เหลี่ยมของนิวฟันด์แลนด์มาด้วย

บิชอปท่านนี้เป็นหนึ่งในผู้หลักผู้ใหญ่ที่ฉินสือโอวเคารพมากที่สุด เขาเป็นเพื่อนสนิทของฉินหงเต๋อ ชายชราผู้ซื่อสัตย์ที่มีแต่เจตนาดีที่แท้จริง และเป็นเจ้าพิธีในงานแต่งงานของเขาและวินนี่ พอบิชอปคาบ็อทมา ฉินสือโอวรีบพาวินนี่และลูกออกไปต้อนรับทันที

หลังจากสวมกอดฉินสือโอวและวินนี่แล้ว บิชอปคาบ็อทก็ยิ้มแล้วอุ้มเถียนกวาไว้ในอก แต่ว่าเดินไปไม่กี่ก้าวก็เหนื่อยแล้ว ลอบถอนใจว่า “กาลเวลาเหมือนดั่งลูกศร ยายตัวน้อยโตถึงขนาดนี้แล้ว เวลาเพียงพริบตาเดียวเอง วันที่ฉันทำพิธีบัพติศให้เธอก็ราวกับเพิ่งผ่านมาเมื่อวานนี้เอง”

ฉินสือโอวยิ้มแล้วอุ้มเถียนกวาไว้ เขาผิวปากทีหนึ่ง ฉงต้าวิ่งมา เขาวางเถียนกวาไว้บนไหล่ของฉงต้า หมีสีน้ำตาลค่อยๆ หมอบตัวลง เถียนกวาลูบขนนุ่มสวยของมันตามแนวขนไปด้านหลัง สุดท้ายหยุดอยู่ที่หลังอันกว้างใหญ่ของมัน ขี่หลังหมีจากไปอย่างตื่นเต้น

เห็นชัดว่าบิชอปคาบ็อทมาเพื่อคลายความขัดแย้งระหว่างเขาและอาร์คบิชอปเสื้อแดง วันนี้ฝ่ายหลังเก็บอารมณ์เอาไว้ ไม่ได้มาถึงก็สั่งสอนฉินสือโอวเลย แต่ประทานพรให้กับลูกและวินนี่ก่อน

คงเพราะบิชอปเคยบอกเขาไว้ว่า บอกฉินสือโอวเป็นลา ต้องโอนอ่อนคล้อยตาม ชอบให้ใช้ไม้อ่อน ถึงยังไงกลยุทธ์ของเขาก็ถูกต้อง ฉินสือโอวไม่ได้ใช้อารมณ์กับเขา หลังต้อนรับเข้าไปยังห้องรับแขกอย่างมีมารยาทก็เสิร์ฟชา ถามไถ่ว่ามีธุระอะไร

เมื่อวานนี้บิชอปเสื้อแดงไม่ได้พูดไปเรื่อย เขามีเรื่องสำคัญจริงๆ นั่นก็คือการมอบตำแหน่งให้กับวาฬหัวทุยจ่าฝูง!

ฉินสือโอวงงไปหมด คุณปู่หนวดขาวคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? คุณมอบตำแหน่งให้กับวาฬตัวหนึ่งอะไร? สัตว์ผู้พิทักษ์? บางทีศาสนาคริสต์คิดว่าการพิชิตแผ่นดินบกหมดความสะใจแล้ว อยากจะทำการเผยแผ่ศาสนากับสัตว์ทะเล?

พอบิชอปคาบ็อทอธิบายให้ฉินสือโอวถึงได้เข้าใจ การมอบตำแหน่งแบบนี้ไม่เหมือนลัทธิเต๋าหรือศาสนาพุทธ ไม่ใช่ว่าจะให้ตำแหน่งหนึ่งกับวาฬ แต่เป็นการขอบคุณที่มันช่วยเหลือสาวกพระเจ้าที่มีใจศรัทธาหลายคน

แน่นอนว่า ทั่วแคนาดาเป็นคริสเตียน มีครีสเตียนประสบกับปัญหาในทุกวัน และมีคริสเตียนได้รับการช่วยเหลือในทุกวัน แต่ไม่มีทางทำการมอบตำแหน่งให้กับคนเหล่านี้ได้ทั้งหมด จนแล้วจนรอดก็ยังเป็นผลประโยชน์มาก่อน ตอนนี้วาฬหัวทุยจ่าฝูงกำลังมีชื่อเสียง ในอินเทอร์เน็ตยิ่งดังไปค่อนโลก อาร์คบิชอปเสื้อแดงทำแบบนี้ก็เพื่อใช้โอกาสนี้ในการแสดงภาพลักษณ์ของศาสนา

ฉินสือโอวไม่ใช่คริสเตียน เรื่องราวหลังจากนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขา เขาให้เออร์บักอยู่เป็นเพื่อน คุณปู่เองก็เป็นคริสเตียนที่มีใจศรัทธา ฐานะก็ค่อนข้างสูง ตำแหน่งเองก็สูง เหมาะจะต้อนรับกลุ่มบิชอปเสื้อแดงที่สุดแล้ว

แต่ว่า เรื่องการช่วยเหลือคนของวาฬหัวทุยครั้งนี้ก็ก่อให้เกิดเรื่องดีที่ไม่คาดคิดเรื่องหนึ่งขึ้น นั่นก็คือความสัมพันธ์ระหว่างคนและสัตว์ถูกยกขึ้นมาสู่สายตาสาธารณชนอีกครั้ง

แม้ว่าเหล่าสาวกจะอ้างว่าเหตุการณ์นี้เป็นปาฏิหาริย์ของพระเจ้า แต่คำจำนวนมากก็ยังเห็นด้วยกับคำอธิบายของฉินสือโอว เป็นเพราะปกติคนในฟาร์มปลาอนุรักษ์วาฬหัวทุย ทำให้วาฬหัวทุยชื่นชอบและไว้วางใจ นี่ถึงเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่พวกมันช่วยเหลือคน

ดังนั้นองค์กรพิทักษ์สัตว์จึงได้ใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ ระดมคนปกป้องธรรมชาติ ปกป้องสัตว์ป่าและสัตว์น้ำ ช่องเคเบิลโทรอนโตยังถ่ายทำโฆษณาสร้างสังคมโดยใช้เทปบันทึกที่จากเฮลิคอปเตอร์กู้ภัยเป็นพื้นฐาน เชิญชวนให้ผู้คนอย่าได้ล่าสัตว์ป่าและสัตว์น้ำที่ถูกคุ้มครอง ยิ่งไม่ควรรับประทานหูฉลาม

ฉินสือโอวเป็นผู้สนับสนุนการปกป้องธรรมชาติ เขานำพาพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ตอบรับการเรียกร้องขององค์กรพิทักษ์สัตว์ ไม่ล่าวาฬ ไม่ล่าฉลาม ไม่ล่าสัตว์น้ำทุกชนิดในบัญชีรายชื่อสัตว์ป่าคุ้มครอง และสาบานว่าจะศัตรูกับเรือล่าวาฬและเรือล่าฉลาม!

………………………….

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท