ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – บทที่ 1809 ออกไปต่อสู้

บทที่ 1809 ออกไปต่อสู้

พวกตำรวจม้ากับตำรวจทะเลท้องถิ่นในนครเซนต์จอห์นก็เหมือนกับศัตรู พวกเขามองชาวประมงที่ก่อจลาจลอย่างระมัดระวัง ในกลุ่มนั้นมีตำรวจที่ลักษณะเหมือนจะเป็นผู้นำมาพบฉินสือโอว “คุณฉิน กรุณาช่วยรับผิดชอบความสงบและความเป็นระเบียบหน่อย เพราะอย่างไรก็ตามที่นี่คือโรงพยาบาล”

ฉินสือโอวถือเป็นคนดังอันดับหนึ่งในนิวฟันด์แลนด์ คนจีนที่มีสถานะแบบเขามีแค่เขาคนเดียว

โจรขโมยปลาพวกนี้ก้าวร้าวเกินไปแล้ว และพวกเขาจะต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน ครั้งแรกฉินสือโอวได้ยินว่าหลังโจรขโมยปลาถูกเจอไม่เพียงแค่ไม่หนีแต่กลับทำร้ายเจ้าของฟาร์มปลาและทำให้พวกชาวประมงทุกคนได้รับบาดเจ็บ พฤติกรรมแบบนี้ต้องได้รับการลงโทษ ไม่อย่างนั้นถ้าเรื่องนี้กระจายออกไป โจรขโมยปลาคนอื่นๆ ก็คงเอาเป็นแบบอย่างและเป็นปัญหาแน่

แต่สิ่งที่พวกตำรวจม้าพูดก็ถูก ที่นี่คือโรงพยาบาล ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบของสังคม

ฉินสือโอวลูบคาง ในใจมีความคิดหนึ่ง เขาโบกมือ “ทุกคนฟัง กลับไปที่ห้องผู้ป่วย เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง!”

ชาวประมงบางส่วนไม่พอใจ เพราะโดนัลด์ยังอยู่ในห้องไอซียู โชคดีที่แอนดรูว์เชื่อฉินสือโอว เขาก็รู้ถึงความสามารถของท่านชายฉินเหมือนกัน หลังจากได้รับการยืนยันเขาก็ช่วยฉินสือโอวชักชวนพวกชาวประมงกลับไปในห้องผู้ป่วย

“จะจัดการอย่างไร?” แอนดรูว์ถามอย่างเงียบๆ จากด้านหลัง

ฉินสือโอวหรี่ตา “ฉันจำได้ว่ามีคนเคยบอกฉันว่า นครเซนต์จอห์นมีชาวเอธิโอเปียที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดอยู่กลุ่มหนึ่ง ตราบใดที่ให้เงินพวกเขา ไม่ว่าอะไรพวกเขาก็กล้าทำ ดังนั้นฉันจึงอยากรู้ว่า พวกเขาจะกล้าไปทำลายเรือประมงไหม?”

ดวงตาของแอนดรูว์เปล่งประกาย “ใช่ๆ ทำลายเรือประมงบ้านั่น!”

ฉินสือโอวตบไหล่ของเขา “โอเค ไม่ต้องพูดแล้ว นายไปพักผ่อนก่อนเถอะ ฉันจะไปเยี่ยมโดนัลด์หน่อย”

โดนัลด์ตอนนี้ยังพักอยู่ในห้องไอซียู ฉินสือโอวคิดว่าร่างกายของเขาคงติดท่อเต็มไปหมด ผลคือไม่มีเลย มีแค่ท่อออกซิเจนยัดอยู่ในจมูกเท่านั้น หมอคนหนึ่งเดินมาอยู่ข้างๆ เขา อาจจะเป็นเพราะเมื่อสักครู่นี้เขาหยุดการก่อจลาจลของชาวประมง หมอคนนี้ปฏิบัติกับเขาด้วยความสุภาพและอดทน

ปัญหาของโดนัลด์คือเขาถูกปืนฉีดน้ำแรงดันสูงยิงเข้าที่ศีรษะโดยตรง ในวันที่หยดน้ำกลายเป็นน้ำแข็งแบบนี้ อานุภาพของปืนฉีดน้ำแรงดันสูงจึงไม่ได้แย่ไปกว่าปืนไรเฟิลลำกล้องเล็กสักเท่าไหร่ แรงดันน้ำที่รุนแรงกระแทกที่กะโหลกศีรษะของเขา ภายใต้ความหนาวเย็นและแรงดันที่กระแทกเป็นสองเท่า ทำให้เขาเกิดอาการช็อก

และสาเหตุที่ส่งเข้ามาในห้องไอซียู ก็เป็นเพราะว่าในสมองของโดนัลด์มีเลือดคั่งอยู่ เลือดคั่งพวกนี้ไปกดทับเส้นประสาทในสมอง ต้องล้างออกให้หมดภายในหนึ่งถึงสองวัน ไม่อย่างนั้นจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของเขาไปตลอดชีวิต

หลังจากที่ไปเยี่ยมพวกชาวประมง ฉินสือโอวก็ตรงไปที่ห้องทำงานในพันธมิตรการประมงนิวฟันด์แลนด์ หลังจากนั้นก็บอกให้ทิญาจ้างจ้างทีมทนายความ เขาจะฟ้องโจรขโมยปลาพวกนี้อย่างหนัก อย่างดีที่สุดก็จะทำให้ทั้งชีวิตของพวกเขาไม่ได้ก้าวออกมาจากคุกอีกเลย!

ยิ่งไปกว่านั้นยังมีปัญหาที่สำคัญอีกหนึ่งข้อ นั่นก็คือการปกป้องฟาร์มปลาที่อยู่ในพันธมิตรการประมง เจ้าของฟาร์มปลาทุกคนกำลังรอให้เขาพี่ใหญ่ที่เป็นผู้นำคนนี้ออกความคิดอยู่ เจ้าของฟาร์มปลาในนครเซนต์จอห์นหลายคนตรงมาที่ย่านธุรกิจCDB ซึ่งเป็นที่ตั้งของพันธมิตร และรอให้เขายืนหยัดเพื่อความยุติธรรม

ส่วนทางโทรศัพท์ นั่นดังยิ่งกว่า การบาดเจ็บของโดนัลด์ทำให้พวกเจ้าของฟาร์มปลามีโอกาสที่จะร่วมแรงร่วมใจกันต่อต้านศัตรู เจ้าของฟาร์มปลาที่อารมณ์รุนแรงหลายคนกำลังใช้ความรุนแรงเพื่อควบคุมความรุนแรง

ฉินสือโอวยิ่งไม่ใช่คนที่อารมณ์ดีด้วย คนจีนที่อยู่แคนาดาทุกคนอ่อนแอ เขาได้เรียนรู้ว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไรจากประสบการณ์ของพวกเพื่อนร่วมชาติและข่าวในโทรทัศน์ นั่นก็คือต้องดุร้ายยิ่งกว่า คนจีนที่อยู่ต่างประเทศต้องเอาตัวรอด นั่นก็คือต้องละทิ้งหลักสายกลาง ละทิ้งลัทธิขงจื๊อ และจะต้องทำให้ตัวเองกลายเป็นหมาป่า!

ตอนนี้สิ่งที่ยากที่สุดคือการค้นหาเรือขโมยปลาให้ทันเวลา วิธีที่ดีที่สุดคือติดตั้งเรดาร์ในฟาร์มปลาทุกแห่ง แต่เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ ค่าก่อสร้างสูงเกินไป การซื้อเฮลิคอปเตอร์ก็เป็นไปไม่ได้เหมือนกัน เพราะค่าก่อสร้างก็สูงเกินไปเหมือนกัน ขอบคุณเทคโนโลยีชั้นสูงในยุคปัจจุบัน ฉินสือโอวเจออุปกรณ์ดีๆ ในการสังเกตการณ์ฟาร์มปลาแล้ว เครื่องบิน!

เขาเคยซื้อเครื่องบินมา 4 ลำ ความเร็วในการบินของสิ่งนี้เร็วมากและสามารถใช้รีโมทควบคุมได้ สำหรับฟาร์มปลาต้าฉินพวกมันไม่มีประโยชน์ เพราะขอบเขตของฟาร์มปลาต้าฉินกว้างมาก แต่สำหรับฟาร์มปลาขนาดเล็กแห่งอื่นนั้นมันเพียงพอ ถ้าระยะการแผ่รังสีของเครื่องบินยังเล็กเกินไป งั้นก็ขึ้นเครื่องบินที่ไม่มีคนขับ ค่าใช้จ่ายของอุปกรณ์สองอย่างนี้เจ้าของฟาร์มปลาสามารถใช้กุ้งที่เลี้ยงไว้จ่ายได้

พันธมิตรพึ่งพาอาหารสัตว์แบรนด์ต้าฉินก็ทำเงินได้มากมายเหมือนกัน ฉินสือโอวเรียกร้องให้พวกเจ้าของฟาร์มปลาไปซื้อเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์ไร้คนขับ และพันธมิตรจะช่วยออกค่าใช้จ่ายให้ครึ่งหนึ่ง ดังนั้นพวกเจ้าของฟาร์มปลาจึงกลับไปสั่งซื้อทีละคนๆ ในทันที

นอกจากแผนการใช้เครื่องบินสังเกตการณ์ เขายังติดตั้งช่องทางสื่อสารพิเศษไว้อีกด้วย เมื่อไหร่ที่มีฟาร์มปลาโดนบุกรุก เจ้าของฟาร์มปลาที่อยู่รอบๆ นั้นต้องไปสนับสนุนก่อนทันที ถ้ามีใครจงใจหลีกเลี่ยง ไล่ออกจากพันธมิตรทันที!

ฉินสือโอวรับเฮลิคอปเตอร์ 3 ลำของตัวเองกลับมา แต่ไม่ได้นำกลับมาที่ฟาร์มปลา และวางแผนจะจอดไว้ในลานของสวนสาธารณะด้านหน้าอาคารสำนักงานพันธมิตร นอกจากนี้เขายังขอเฮลิคอปเตอร์ 4 ลำจากเจ้าของฟาร์มปลาที่ร่ำรวยหลายคนคืนอีกด้วย ดังนั้นจึงสามารถระดมพลได้ทั้งหมด 7 ลำ

การต่อสู้กับเรือขโมยปลาต้องพึ่งวิธีฟ้าร้อง เขาอยากหนักมือใน 2 ครั้งแรก ให้ใช้การโจมตีที่ทรงพลังกับโจรขโมยปลา ไม่ต้องกังวลเรื่องการป้องกันมากเกินไป ถึงตอนนั้นก็กระพือข่าวสักหน่อย และมาตั้งใจแสดงกัน!

เตรียมการเสร็จไปได้ไม่นาน เรือขโมยปลาลำแรกก็ปรากฏขึ้นมา

ฟาร์มปลาที่เรือขโมยปลาลำนี้บุกตั้งอยู่ที่น่านน้ำเทรพาสซี่ เทรพาสซี่เป็นเมืองที่อยู่ทางใต้ที่สุดของนิวฟันด์แลนด์ ซึ่งห่างจากที่ตั้งของนครเซนต์จอห์นไม่ไกลนัก เพราะนี่ถือเป็นเขตชายแดนของชายฝั่งแคนาดา ดังนั้นการดูแลจึงค่อนข้างหละหลวม คาดว่าเรือขโมยปลาลำนี้ก็เลือกที่นี่หลังจากพิจารณาเรื่องนี้แล้ว

แต่พวกเขาคงไม่คิดว่า เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะมีการควบคุมที่หละหลวมแน่นอน แต่ระยะทางก็ไม่ไกลจากนครเซนต์จอห์นมากนัก มีปัญหาอะไร นครเซนต์จอห์นก็สามารถไปสนับสนุนได้ในทันที

สองสามวันมานี้ฉินสือโอวอยู่ในสำนักงานที่พันธมิตรตลอด แม้แต่วันปีใหม่ก็ไม่ได้กลับ ตอนที่วินนี่โทรหาเขาทุกวัน ทุกครั้งจะได้ยินเสียงพึมพำที่ไม่มีความสุขของเถียนกวา บางครั้งถ้าเปิดวิดีโอคุยยัยตัวเล็กก็จะร้องไห้ ร้องไห้ไปด้วยตะโกนเรียกพ่อไปด้วย ทำให้ในใจของท่านชายฉินนั้นเจ็บปวดมาก

ดังนั้นเขาจึงอยากระบายความโกรธแค้นใส่โจรขโมยปลา เพราะสิ่งที่ไอสารเลวพวกนี้ทำเขาจึงไม่สามารถกลับบ้านไปอยู่กับลูกสาวได้ ต้องรู้ก่อนว่าวันเหล่านี้แม้แต่ตอนกลางคืนเขาก็นอนอยู่แถวบริษัท ปกติเรือขโมยปลาจะเคลื่อนไหวตอนกลางคืน

การคาดการณ์ของเขาไม่เคยพลาด วันปีใหม่เพิ่งจะผ่านไปที่น่านน้ำเทรพาสซี่ก็มีเจ้าของฟาร์มปลาโทรมาขอความช่วยเหลือว่า มีเรือขโมยปลาลำหนึ่งเข้ามาในฟาร์มปลาของเขา ขอการสนับสนุน!

หลังจากรับโทรศัพท์ ท่านชายฉินก็มองขึ้นไปบนฟ้าและตะโกนเสียงดัง “แม่งเอ๊ย ในที่สุดฉันรอหลานชายคนนี้แกเกิด พี่น้องไม่ได้พูด ไป!”

คืนวันปีใหม่ถูกลิขิตให้ไม่เงียบสงบ เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำบินขึ้นสู่ท้องฟ้าตามลำดับ ในเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่งมีชาวประมงอย่างน้อย 4 คน รวมนักบิน คนทั้งหมด 40 คนตรงไปทางน่านน้ำเทรพาสซี่อย่างยิ่งใหญ่

ภาพที่เฮลิคอปเตอร์ 7 ลำบินขึ้นสู่ท้องฟ้าทีละลำและบินไปตามลำดับนั้นน่าเกรงขามมาก ฉินสือโอวนั่งอยู่ในเฮลิคอปเตอร์ดอลฟินลำใหญ่และมองไปทางด้านหลัง เมื่อเห็นไฟด้านหน้าของเฮลิคอปเตอร์ 6 ลำส่องแสงในท้องฟ้ายามค่ำคืน ภายในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความกล้า มีฉันออกมาสู้ อยู่ยงคงกระพันแน่นอน!

นครเซนต์จอห์นอยู่ห่างจากเทรพาสซี่ 200 กิโลเมตร และด้วยความเร็วของเฮลิคอปเตอร์จึงใช้เวลาเพียง 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นก็บินอยู่เหนือฟาร์มปลา และให้สังเกตการณ์เรือประมงที่บุกรุกเข้ามาในฟาร์มปลาจากบนท้องฟ้า!

………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

Status: Ongoing

เดือนเมษายน  ณ เมืองไหเต่าซึ่งอากาศยังคงความหนาวเย็นของฤดูใบไม้ผลิอยู่

7 โมงครึ่งแล้วแต่ฉินสือโอวกลับไม่รู้สึกง่วงงุนอีกต่อไป เขากระชับเสื้อคลุมเอนตัวนั่งพิงหัวเตียงพลางทอดสายตาเหม่อมองไปยังนอกหน้าต่าง

เขามาอยู่ในเมืองนี้ได้ 8 ปีแล้ว เริ่มจากมาเรียนมหาวิทยาลัย หลังจากเรียนจบก็ยังคงก็อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่อมา

มหาวิทยาลัยจงยางไห่หยางที่ฉินสือโอวเรียนจบมาเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดในเมืองไหเต่า หลังจากที่เขาเรียนจบ เขาก็ได้เข้าทำงานในแผนกทรัพยากรบุคคลที่บริษัทปิโตรเลียมที่ดีที่สุดของเมืองไหเต่าด้วยความเหลือจากเหมาเหว่ยหลงรุ่นพี่ของเขา

ทำงานในตำแหน่งนี้มาได้ 4 ปี จนเมื่อเดือนที่แล้วแผนกทรัพยากรบุคคลก็มีพนักงานดูแลเอกสารสาวสวยเข้ามาใหม่คนหนึ่ง ผู้จัดการมอบหมายให้ฉินสือโอวเป็นพี่เลี้ยงดูแลเธอ แรกๆ ก็ไม่มีอะไร แต่ความสวยของเธอดันไปโดดเด่นสะดุดตาทายาทเศรษฐีคนหนึ่งในบริษัทเข้า

เรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นก็ง่ายๆ เข้าอีหรอบเดิม ทายาทเศรษฐีคนนั้นเห็นเธอกับฉินสือโอวสนิทกันก็เลยเกิดความหึงหวง เขาเรียกฉินฉือโอวไปเตือนหลายครั้ง แต่ฉินสือโอวไม่สนใจ จนกระทั่งทั้งสองมีปากเสียงกันจนถึงขั้นลงไม้ลงมือในท้ายที่สุด

เดิมทีมันเป็นเพียงปัญหาเรื่องผู้หญิง แต่เมื่อทายาทเศรษฐีถูกฉินสือโอวทำร้าย ปัญหาที่ตามมาหลังจากนั้นจึงยิ่งไปกันใหญ่ หมอนั่นติดต่อไปหาเพื่อนของเขาที่อยู่แผนกการเงินเพื่อให้พวกนั้นสร้างหลักฐานใส่ร้ายว่าฉินสือโอวยักยอกเงินก้อนหนึ่งของบริษัทไป

การยักยอกเงินบริษัทถือเป็นเรื่องที่ค่อนข้างใหญ่โต ฉินสือโอวไม่เพียงต้องชดใช้เงินคืนให้บริษัท แต่เขายังถูกไล่ออกเพราะเหตุนี้อีกด้วย!

จะว่าไปเรื่องที่ถูกไล่ออกจากบริษัทมันก็ไม่ได้แย่อะไร ที่จริงฉินสือโอวก็คิดจะลาออกอยู่แล้ว แต่ปัญหาอยู่ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาตอนนี้แทบจะไม่มีเงินเหลืออยู่เลย เพราะเงินของเขาถูกนำไปชดใช้ให้บริษัทจนหมดแล้ว

เคราะห์ซ้ำกรรมซัดไปอีกก็คือเดือนนี้เขาต้องจ่ายค่าเช่าห้องสำหรับสามเดือนข้างหน้าอีกด้วย ลำพังเงินที่เขาเหลืออยู่ตอนนี้มีพอแค่ค่าอาหารแต่ละมื้อเท่านั้น และไม่ว่ายังไงเงินก็คงไม่พอจ่ายค่าเช่าห้องแน่ๆ

ขณะที่ฉินสือโอวกำลังเครียดเรื่องค่าเช่าห้องก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น!

ฉินสือโอวเดินไปเปิดประตูก่อนใบหน้าดุดันของลุงเจ้าของห้องจะปรากฏขึ้นต่อหน้าเขาทันที ลุงเจ้าของห้องมาหาเขาตอนนี้ก็มีอยู่แค่เหตุผลเดียวเท่านั้นคือการมาเก็บค่าเช่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ถึงแม้ว่าเมืองไหเต่าจะตั้งอยู่ทางเหนือ แต่เนื่องจากอยู่ติดทะเลจึงทำให้เมืองไหเต่ากลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญแห่งหนึ่ง ดังนั้นนั้นเศรษฐกิจจึงเติบโตอย่างรวดเร็ว เรียกได้ว่าเป็นเมืองรองเลยก็ว่าได้ และด้วยเหตุนี้จึงทำให้บ้านมีราคาสูงมา ส่วนค่าเช่าบ้านก็แพงเช่นกัน

ฉินสือโอวเช่าห้องสตูดิโอขนาดเล็ก 1 ห้องนอน 1 ห้องรับแขกเอาไว้ ค่าเช่าต่อเดือนอยู่ที่หนึ่งพันหยวน แถมยังเก็บค่าเช่าล่วงหน้าทีละ 3 เดือนอีก นั่นจึงหมายความว่าเขาต้องจ่ายสามพันหยวนภายในเดือนนี้ แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือแค่สามร้อยหยวนเขายังไม่มีเลย!

ช่วยไม่ได้ ฉินสือโอวจึงทำได้เพียงยิ้มแห้งๆ และขอร้องให้ลุงเจ้าของห้องช่วยเห็นใจเขาหน่อย ลุงเจ้าของห้องดูไม่ค่อยพอใจมากนัก และก่อนจากไปเขาก็พูดออกมาเสียงแข็ง “ฉันให้เวลา 2 วัน เย็นวันมะรืนฉันจะมาเก็บเงินอีกที ถ้ายังไม่จ่ายค่าเช่าห้องนายก็ไสหัวออกไปซะ!”

ช่างเป็นคำพูดที่ทำร้ายจิตใจเหลือเกิน แต่ฉินสือโอวไม่มีแรงจะโมโหอีกแล้ว

ฉินสือโอวในวันนี้ถูกบีบบังคับจนอับจนหนทางมองไปทางไหนก็มืดแปดด้านไปหมด

เมื่อส่งเจ้าของห้องเช่ากลับไปแล้ว ฉินสือโอวก็กลับไปนอนลงบนเตียงด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า ในหัวของเขาคิดเรื่องอนาคตไม่ออกและยังสิ้นหวังกับเรื่องราวในปัจจุบัน

อีกไม่นานเขาก็จะสามสิบแล้ว แต่กลับไม่มีงาน ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ และพอนึกถึงหน้าพ่อแม่ใจของเขาก็ยิ่งห่อเหี่ยวเข้าไปใหญ่

ในตอนนั้นเองจู่ๆ ประตูห้องของเขาถูกเคาะอีกครั้ง และเสียงดังบาดหูของเจ้าของห้องเช่าก็ดังขึ้นมา

“เสี่ยวฉิน เปิดประตู เปิดประตูเดี๋ยวนี้!”

พอได้ยินเสียงเจ้าของห้องเช่าความรู้สึกห่อเหี่ยวและสิ้นหวังในใจของเขาก็ถูกแทนที่ด้วยความโกรธ ตาลุงเจ้าของห้องชักจะมากเกินไปแล้วนะ ไหนบอกว่าให้เวลาเขาสองวัน พอถึงเวลาแล้วจะมาเก็บเงินไง แล้วทำไมถึงกลับมาทวงเร็วขนาดนี้?

ฉินสือโอวข่มกลั้นความโกรธแล้วเปิดประตูออกไป แต่เขากลับพบว่าข้างกายของเจ้าของห้องเช่ามีตำรวจในเครื่องแบบที่สวมหมวกปีกกว้างอีกคนอยู่ด้วย

เมื่อตำรวจเห็นฉินสือโอว เขาก็เอ่ยปากถามขึ้นมา “คุณคือคุณฉินใช่ไหมครับ?”

ฉินสือโอวพยักหน้า จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงพูดต่อ “ถ้าอย่างนั้นเชิญไปกับผมด้วยครับ มีคนอยากพบคุณ”

พอได้ยินตำรวจพูดอย่างนั้น ยังไม่ทันที่ฉินสือโอวจะพูดอะไร เจ้าของห้องเช่าก็รีบพูดขึ้นมาทันที “คุณเจ้าหน้าที่ครับ ผมไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเสี่ยวฉินนะครับ ถ้าเขาไปก่อคดีอะไรมา มันไม่เกี่ยวกับห้องของผมนะครับ”

ฉินสือโอวจะไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาคิดว่าคดีก่อนหน้านี้อาจจะมีปัญหาอะไรขึ้นมาเขาจึงได้แต่เดินตามเจ้าหน้าที่ตำรวจหนุ่มไปยังสถานีตำรวจด้วยสภาพไร้วิญญาณ

พอถึงสถานีตำรวจ เจ้าหน้าที่ก็พาเขาตรงไปยังห้องของผู้อำนวยการทันที

เมื่อเข้าไปในห้องเขาก็กวาดตามองไปรอบๆ ห้องก่อนจะเห็นตำรวจพุงพลุ้ยวัยกลางกำลังชงชาให้ชายในชุดสูทสองคนที่นั่งอยู่ตรงโซฟา

สิ่งที่ทำให้ฉินสือโอวจับต้นชนปลายไม่ถูกก็คือหนึ่งในสองคนที่นั่งอยู่บนโซฟาเป็นชายสวมสูทรูปร่างสูงใหญ่ ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้าและผิวขาวซีดราวกับแวมไพร์ อายุของเขาน่าจะไม่ต่ำกว่าห้าสิบหกสิบเห็นจะได้ เพราะเคราของเขากลายเป็นสีขาวราวกับหิมะไปแล้ว แต่ร่างกายที่กำยำนั้นช่างดูทรงพลังและน่าเกรงขามเหลือเกิน

เจ้าหน้าที่ตำรวจวัยกลางคนคนนั้นคือผู้อำนวยการสถานีตำรวจอย่างไม่ต้องสงสัย ว่าแล้วเขาก็ยื่นมือมาทางฉินสือโอวแล้วพูดขึ้น “คุณคือคุณฉินสือโอวสินะครับ? สวัสดีครับ ผมหลัวหย่งจื้อผู้อำนวยการสถานีตำรวจท้องที่ถนนซวงเหอเขตหลัวซานครับ”

ช่วงก่อนหน้านี้ฉินสือโอวถูกพวกตำรวจทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ไม่สู้ตาย เมื่อเห็นหลัวหย่งจื้อยื่นมือมาจึงรีบเข้าไปจับ ก้มหัวโค้งแนะนำตัวเองทันที

หลังจากหลัวหย่งจื้อปล่อยมือฉินสือโอวแล้ว ชายวัยกลางคนที่ก่อนหน้านี้นั่งอยู่ตรงโซฟาก็ลุกขึ้นมาจับมือเขาแล้วพูดขึ้น “สวัสดีครับคุณฉิน ผมหลี่ซิ่นจากศาลประชาชนกลางแห่งเมืองไหเต่าครับ ส่วนท่านนี้คือคุณเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความที่มีชื่อเสียงจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ ประเทศแคนาดาครับ”

หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้แนะนำตัวกันแล้ว แวมไพร์เฒ่าที่วางตัวสูงสง่าน่าเกรงขามมาตลอดก็ถามออกมาเป็นภาษาอังกฤษ “สวัสดีครับคุณฉินสือโอว คุณรู้จักฉินหงเต๋อไหมครับ”

ขณะหลี่ซิ่นกำลังจะแปล ฉินสือโอวก็ตอบออกมาด้วยภาษาอังกฤษอย่างคล่องแคล่ว

“ฉินหงเต๋อหรอครับ? เขาคือปู่รองของผม อืม..ก็คือพี่ชายคนที่สองของปู่ผม”

เออร์บักพยักหน้าแล้วถามอีก “ถ้าอย่างนั้นคุณคงจะมีหัวใจโพไซดอนใช่ไหมครับ มันเป็นจี้สีน้ำเงินเล็กๆ ที่สวยมากๆ อันหนึ่ง ช่วยเอาออกมาให้ผมดูหน่อยได้ไหมครับ?”

ฉินสือโอวขมวดคิ้ว เขาไม่เข้าใจว่าฝรั่งคนนี้พูดถึงอะไร แต่กระนั้นเขาก็เลื่อนมือไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตเม็ดบนสุดออกแล้วดึงสร้อยเส้นสีแดงที่มีจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินออกมา

เออร์บักยื่นมือไปรับหัวใจโพไซดอน แล้วหันไปพูดกับหลัวหย่งจื้อ “ผมขอแก้วกระดาษใบหนึ่งหน่อยได้ไหมครับ?”

หลัวหย่งจื้อยกหูโทรศัพท์ อึดใจต่อมาแก้วคริสทัลราคาแพงก็ถูกยื่นมาให้เขาอย่างรวดเร็ว

เออร์บักเติมน้ำลงไปในแก้วแล้วนำหัวใจโพไซดอนหย่อนลงไปในน้ำ ทันใดนั้นน้ำในแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเช่นเดียวกับหัวใจโพไซดอน และเมื่อเออร์บักขยับข้อมือ น้ำในแก้วก็กระเพื่อมส่งกลิ่นน้ำทะเลออกมา

ทุกคนในที่นั้นตกตะลึงจนพูดไม่ออก ฉินสือโอวก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่าจี้เล็กๆ ที่ตัวเองห้อยมาตลอดมีพลังวิเศษแบบนี้

เมื่อเสร็จแล้วเออร์บักก็พูดออกมาอย่างจริงจังว่า “คุณฉินสือโอว สวัสดีครับ ผมเออร์บัก ชาร์คแมน ทนายความมือหนึ่งจากสำนักงานกฎหมายฟาสเกนส์ คุณฉินหงเต๋อมอบหมายให้ผมนำพินัยกรรมมาส่งมอบให้กับคุณ เดี๋ยวผมจะอ่านให้ฟังนะครับ…”

เออร์บักเปิดพินัยกรรมแล้วพูดออกมา

“นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณฉินสือโอว หลานคนโตของคุณฉินหงเต๋อ จะเป็นผู้สืบทอดฟาร์มปลาต้าฉิน ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนิวฟันด์แลนด์และแลบราดอร์ นครเซนต์จอห์น ประเทศแคนาดา! ซึ่งมีมูลค่าการตลาดตามการประเมินโดยธนาคารแคนาดาอยู่ที่ประมาณ 42 ล้านดอลลาร์แคนาดา หรือก็คือ 233,100,000 หยวนครับ! “

หัวใจของฉินสือโอวเต้นดัง ‘ตุบ ตุบ ตุบ’ ราวกับจะหลุดออกมา ไม่ง่ายเลยที่เขาจะทำใจให้สงบลงได้ จากนั้นเขาก็ถามออกไปด้วยเสียงสั่นๆ “นี่คุณเออร์บักไม่ได้กำลังล้อผมเล่นใช่ไหมครับ? คุณปู่รองของผมทิ้งทรัพย์สินมูลค่า 230 ล้านหยวนให้ผมอย่างนั้นเหรอ?”

เออร์บักพยักหน้าเพื่อยืนยัน ต่อมาเขาก็แนะนำอะไรอีกนิดหน่อย ประมาณว่าตอนนี้เขาเป็นทนายส่วนตัวของฉินสือโอวแล้ว และต้องการให้ฉินสือโอวเดินทางไปแคนาดาโดยเร็วที่สุดเพื่อดำเนินการเกี่ยวกับการส่งมอบอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ ให้เสร็จสิ้น

ฉินสือโอวลงนามในเอกสารยินยอมรับมรดกภายใต้การรับรองของหลัวหย่งจื้อและหลี่ซิ่น จากนั้นเขาก็พาหลี่ซิ่นกับเออร์บักเดินทางไปยังห้องเช่าของตัวเอง

พอไปถึงอพาร์ตเมนต์เขาก็ต้องตกใจเมื่อได้เห็นกองข้าวของที่วางอยู่หน้าห้อง เมื่อมองดูดีๆ เขาก็พบว่าทั้งหมดเป็นของของเขาจำพวกผ้าห่ม ที่นอน หนังสือและคอมพิวเตอร์

เมื่อเจ้าของห้องเช่าเดินออกมาเห็นฉินสือโอว เขาก็ล็อกประตูดัง ‘กริ๊ก’ แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชา

“กลับมาแล้วเหรอ? ดีเลย ฉันจะได้พูดให้นายเข้าใจ นายไปทำอะไรไม่ดีมาใช่ไหม? ไม่อย่างนั้นตำรวจจะมาหานายถึงที่ทำไม”

พอฉินสือโอวทำท่าจะตอบกลับ เขาก็แสดงสีหน้าเย็นชาแล้วพูดต่อ “ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว เก็บของของนายแล้วไสหัวออกไปซะ ฉันปล่อยห้องเช่าให้คนไม่ได้เรื่องอย่างนายไม่ได้หรอก”

ทันใดนั้นฉินสือโอวก็ได้สติขึ้นมาทันที

……………………………………….

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท