ยัยตัวเล็กไม่พอใจแล้ว จึงปัดมือน้อยๆ อย่างเอาแต่ใจออกมาเพื่อจะไล่หู่จือกับเป้าจือ แลบราดอร์สองตัวหลับตาขวางอยู่ข้างหน้า เธอจะโวยวายก็โวยวายไป เธอจะมาไม้แข็งก็ไม้แข็งไป อย่างไรก็ไม่ให้เธอไป
เมื่อผลักไปสักพักก็ผลักแลบราดอร์ออกไปไม่ได้ และพอคิดจะเดินอ้อมไปก็ดันวิ่งไม่เร็วเท่าแลบราดอร์อีก ยัยตัวเล็กจึงโกรธนั่งลงกับพื้นแล้วเริ่มเตะขาน้อยๆ งอแงขึ้นมา
หู่จือลืมตามามองไปสองที ขอโทษด้วย จะอ้อนแค่ไหนก็ไม่ได้ผล มันเดินเข้ามาอ้าปากงับปกเสื้อของยัยตัวเล็กไว้ ส่วนเป้าจือก็งับขากางเกงของเธอไว้ เหล่าแลบราดอร์พร้อมใจสามัคคีกัน จึงพาเธอกลับไปอยู่ข้างๆ ฉินสือโอวได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ฉินสือโอวก็ดีใจสุดขีด หยิบมือถือออกมาถ่ายวีดีโอไว้ เถียนกวานั่งอยู่ข้างขาเขาร้องงอแงไปพลางตบเขาไปพลาง แล้วตะโกนว่า “หนูจะไปเล่น หนูจะไปเล่น หนูจะไปเล่น!”
วินนี่จ้องไปที่ฉินสือโอวทีหนึ่ง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “เป็นพ่อแท้ๆ หรือเปล่าคะ? คุณยังจะถ่ายอยู่อีก รีบอุ้มลูกสาวขึ้นมาสิคะ”
ณ ตอนนี้ท่านชายฉินไม่กล้าขัดใจภรรยาหรอก วินนี่ใกล้จะคลอดแล้ว ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญ พ่อแม่ของทั้งสองฝ่ายได้ออกราชโองการมาแล้ว ไม่ว่าวินนี่จะพูดอะไรก็คือถูก วินนี่อยากได้อะไรก็จำต้องให้เธอ ขอแค่วินนี่เป็นคนตัดสินใจ เขาก็จำต้องทำให้ได้ ขอแค่เป็นความต้องการของวินนี่ เขาต้องทำตามสถานเดียว เรื่องนี้ถูกเรียกว่าเป็นนโยบาย ‘สองขอแค่กับสองจำต้อง’ ของฟาร์มปลา
ไม่มีทางเลือก เขาจึงจำเป็นต้องแบกยัยตัวเล็กต่อ ขอแค่เธอมีความสุขก็พอ แต่ว่ายัยตัวเล็กไม่มีความสุข เธอนั่งควบอยู่บนคอของพ่อแล้วส่ายขาไปมาไม่หยุด มือเล็กๆ ก็จับหูเขาไว้แล้วตะโกนอย่างน้อยใจว่า “หนูจะไปเล่น หนูจะไปเล่น หนูจะไปเล่น!”
ฉินสือโอวรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จึงพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคืองว่า “อยู่เฉยๆ ขี่ม้าใหญ่แล้วยังจะไม่ดีอีก จะไปเล่นอะไรอีก?”
เถียนกวาได้สืบทอดความกล้าหาญไม่ยอมถอยของวินนี่มา จึงไม่มีความประนีประนอมใดๆ พูดว่า “ไม่ขี่ม้าใหญ่ จะไปเล่น! ไม่ไปเล่น หนูจะดึงผมของพ่อออกให้หมด!”
ฉินสือโอวยิ้มอย่างเยือกเย็นแล้วพูดว่า “ทำเป็นเก่งเชียว ถ้าเก่งขนาดนี้ทำไมหนูไม่ขึ้นฟ้าล่ะ? พ่อไปซื้อบั้งไฟให้อันหนึ่ง แล้วก็ส่งหนูขึ้นไปบนฟ้าดีไหม?”
เถียนกวากะพริบตาปริบๆ คิดอยู่สักพัก แล้วถามอย่างลังเลว่า “บั้งไฟคืออะไรคะ? ขึ้นไปบนฟ้าต้องนั่งเครื่องบินสิคะ”
ฉินสือโอว “…”
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากพาลูกสาวไปเล่น แต่ว่าวินนี่ได้นัดตรวจครรภ์กับแผนกสูตินารีโรงพยาบาลแล้ว พวกเขานั่งกันอีกสักพักก็ต้องไปโรงพยาบาลแล้ว ถ้าตอนนี้ไปเดินเล่นในงาน จากการเบียดกันในตอนนี้ เข้าไปแล้วจะออกมายาก จะทำให้เสียเวลาแล้วเลยเวลานัดได้
ฉินสือโอวแบกลูกสาวไปคุยกับพวกแฮมเล็ตและเอี๋ยนตงเหล่ยสักพัก ได้เวลาแล้ว เขาจึงพาวินนี่นั่งรถไปที่โรงพยาบาล คนขับรถแท็กซี่เห็นว่ามีหมาตามมาด้วยสองตัว จึงไม่อยากรับพวกเขา
ตอนนี้ได้มีรถแท็กซี่อีกหนึ่งคันขับเข้ามา คนขับรถคันนั้นเปิดประตูรถอย่างเป็นมิตรแล้วตะโกนว่า “คุณฉินหรือเปล่าครับ? โชคดีจังเลย ได้มาเจอกับคุณด้วย ว้าว ยังมีหู่เป้าผู้ดุดันซูเปอร์สตาร์ตัวน้อยอีกด้วย มาครับ มารถผมเถอะ ผมยินดีต้อนรับพวกคุณมากครับ”
ฉินสือโอวไม่รู้จักคนขับรถคนนี้ แต่ว่าการที่อนุญาตให้หู่จือกับเป้าจือขึ้นรถ ทำให้เขารู้สึกว่าคันนี้น่าจะเหมาะกว่า
เมื่อฟังคำพูดของคนขับรถที่มาทีหลังแล้ว คนขับรถที่ก่อนหน้านี้ไม่อยากให้หู่จือกับเป้าจือขึ้นรถได้มองฉินสือโอวกับแลบราดอร์สักพัก สุดท้ายก็จำเขาได้ จึงรีบเปลี่ยนท่าทีทันทีเพื่ออยากจะรั้งเขาไว้ แต่พวกของฉินสือโอวได้ขึ้นรถแท็กซี่คันที่มาทีหลังไปแล้ว
เขากับวินนี่และเถียนกวานั่งข้างหลัง หู่จือกับเป้าจือนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับด้วยกัน ท่านั่งเหมือนคนที่ก้นติดกับเบาะ ตัวตรงพิงเบาะไว้ แถมคนขับยังได้รัดเข็มขัดนิรภัยให้พวกมันอีก
คนขับรถคนนี้เป็นแฟนคลับของแลบราดอร์ ก่อนจะออกรถเขาได้ให้ฉินสือโอวดูมือถือของตัวเอง ในนั้นมีรูปถ่ายของหู่จือกับเป้าจืออยู่ แถมมีหลายรูปที่ยังมีโลโก้ของทวิตเตอร์ติดอยู่ด้วย เห็นได้ชัดว่าไปคัดลอกมาจากทวิตเตอร์นั่นเอง
หลังจากแสดงออกถึงความคลั่งไคล้ในตัวหู่จือกับเป้าจือแล้ว เขาก็ขอความเห็นจากฉินสือโอว เรื่องที่อยากจะถ่ายรูปคู่กับแลบราดอร์สองตัวนี้
ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ บอกว่าตามสบายเลย แลบราดอร์ไม่กัดคน คุณอยากจะถ่ายแบบไหนก็ถ่ายได้เลย
คนขับรถจึงดีใจขึ้นมา เบียดเข้าไปชิดกับหู่จือแล้วถ่ายเซลฟี่รัวๆ แถมยังลงรถไปถ่ายรูปแลบราดอร์กับรถเขาทั้งทางด้านหน้าและด้านข้างอีกด้วย
ตลอดทาง คนขับรถคนนี้ยังพูดถึงเรื่องความชอบของเขาต่อแลบราดอร์ไม่หยุด แถมยังถามข้อมูลส่วนตัวของแลบราดอร์จากฉินสือโอวอีกด้วย อย่างเช่นอายุของพวกมัน อย่างเช่นช่วงติดสัดของพวกมัน อย่างเช่นพวกมันมีลูกแล้วกี่คอกเป็นต้น
หู่จือกับเป้าจือเบิกตาโตมองไปที่คนขับรถอย่างงงงวย ตอนแรกที่คนขับรถมาถ่ายรูปคู่ด้วย เจ้าตัวเล็กสองตัวยังวางมาดอยู่ ตั้งแต่พวกมันโด่งดังแล้ว ทุกครั้งที่ไปศาลหรือเดินเล่นในเมือง ก็มักจะมีคนมาถ่ายรูปกับพวกมันประจำ ทำให้พวกมันคุ้นเคยกับการถ่ายรูปมาก
แต่ความกระตือรือร้นของคนขับรถในวันนี้ทำให้พวกมันรู้สึกกลัวขึ้นมานิดหน่อย ภายหลังตอนที่คนขับรถมาถ่ายรูปคู่ด้วย หู่จือถึงขั้นใช้ขาที่ใหญ่และแข็งแรงนั้นกันเขาไว้ ไม่กล้าให้เขาเข้าใกล้ตัวเอง กลัวว่าจะถูกทำร้าย อย่างเช่นถูกนำไปต้มกินอะไรเทือกนี้ เพราะว่าพวกมันสามารถรับรู้ได้ ว่าความรู้สึกกระตือรือร้นที่คนขับรถมีให้พวกมันไม่ปกติ เป็นความกระตือรือร้นแบบไม่ปกติที่พวกมันมีให้กับกระดูกซี่โครงอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากรถแท็กซี่จอดที่โรงพยาบาลแล้ว คนขับรถก็ลงรถไปกอดหู่จือกับเป้าจือแล้วเริ่มถ่ายรูปอย่างบ้าคลั่งอีก แถมยังขอให้ฉินสือโอวมาช่วยถ่ายรูปให้เขาด้วย โดยให้ถ่ายหน้าตรง
ท่าทีของหู่จือและเป้าจือน่าสนใจมาก พวกมันสองตัวตัวแข็งทื่อ ขาทั้งสี่ก็ยืนได้ตรงมาก กล้ามเนื้อเกร็งแน่น หูก็เก็บไปด้านหลังอย่างแนบแน่น พร้อมเบิกตาโตราวกับบื้อไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
รอจนคนขับรถจากไป ฉินสือโอวก็พูดกับวินนี่ว่า “ดูท่าว่าเจ้าเด็กสองตัวนี้จะมีความทุกข์จากการมีชื่อเสียงแล้วล่ะ ดูสิว่าพวกมันยังจะกล้าอวดตัวเองเหมือนเมื่อก่อนอยู่หรือเปล่า?”
แลบราดอร์ความคิดเรียบง่าย พอแผลเป็นหายแล้วก็ลืมเรื่องที่เคยเจ็บไปด้วย ก่อนจะเข้าโรงพยาบาลพวกมันสองตัวยืนนิ่งแล้วพากันเลียขนบนตัวให้กันและกัน ราวกับกำลังจัดทรงให้ตัวเองอยู่ พอขนบนตัวเรียบและเงางามแล้ว จึงค่อยยืดอกแล้วเดินเข้าไปในโรงพยาบาล
เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว ฉินสือโอวก็รู้สึกหมดคำจะพูดจริงๆ พูดว่า “พระเจ้า เจ้าเด็กสองตัวนี้ทำไมถึงขี้อวดอย่างนี้นะ?”
วินนี่มองตาขวางให้เขาทีหนึ่ง แล้วพูดแดกดันเขาไปทีว่า “พวกมันโตมากับคุณนี่คะ คุณว่าพวกมันไปเลียนแบบการขี้อวดแบบนี้มาจากใครล่ะ?”
ในโรงพยาบาลเซนต์แมรี่ หู่จือกับเป้าจือก็ยังเป็นซูเปอร์สตาร์อยู่ เหล่าพยาบาลไม่ว่าจะเป็นคุณป้าผิวดำเอวหนาหรือสาวน้อยผมทอง ก็ล้วนชอบมาเล่นกับเจ้าตัวเล็กแสนรู้สองตัวนี้กันทั้งนั้น
ตอนที่วินนี่คลอดเถียนกวาจะต้องมาตรวจครรภ์เดือนละครั้ง ถ้าฉินสือโอวอยู่บ้านเขาจะมาด้วย ถ้าเขาไม่อยู่บ้าน วินนี่ก็จะพาแลบราดอร์สองตัวมาเป็นเพื่อน ส่วนแลบราดอร์ก็รู้งาน พวกมันสามารถไปรับคิว ต่อคิว คาบใบสั่งยาไปรับยาที่ห้องยาได้ด้วย ไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนสายตาก็คนก็ตามไปที่นั่นด้วย
ครั้งนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น หลังเข้าไปในโรงพยาบาลแล้ว ฉินสือโอวไปถามประชาสัมพันธ์เรื่องห้องของผู้เชี่ยวชาญที่เขานัดไว้ จากนั้นเขาก็ชี้ตำแหน่งห้องตรวจให้กับหู่จือ หู่จือก็รีบวิ่งไปกระโดดขึ้นนั่งตรงเก้าอี้หน้าประตูทันที มันหาเก้าอี้ตัวที่ใกล้ประตูที่สุดแล้วนั่งลงไป แน่นอนว่ามาเพื่อต่อคิวนั่นเอง
ก่อนหน้าคิวของฉินสือโอวและวินนี่มีคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งมารออยู่ก่อนแล้ว ผู้หญิงที่ท้องอยู่คนนั้นได้ตบหู่จือที่นั่งอยู่ข้างๆเบาๆ แล้วพูดว่า “เจ้าตัวน้อย นายลัดคิวแล้ว คุณแม่นายเป็นคิวต่อจากฉันนะ”
หู่จือมองดูฉินสือโอว ฉินสือโอวชี้ไปตรงที่นั่งข้างผู้หญิงคนนั้น หู่จือจึงละจากที่ที่ใกล้ประตูที่สุด ไปนั่งข้างหลังผู้หญิงคนนั้น แล้วก็จ้องไปที่ประตูห้องตรวจอย่างตั้งใจ
………………………