เถียนกวาร้องตะโกนวิ่งเข้าไปในบ้าน ข้างนอกคือเสี่ยวฮุยที่ร้องโหวกเหวกโวยวาย พี่สาวฉินสือโอวรีบเข้ามาถามว่า “เป็นอะไรไป ยัยหนู นี่มันอะไรกัน?”
เถียนกวาซุกเข้าไปในอกเธอ ปากน้อยๆ เบะออกทำท่าจะร้องไห้ พูดว่า “คุณป้า น่ากลัวมากเลย พี่ชายถูกกินไปแล้ว…”
ผู้ใหญ่ในบ้านล้วนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนหลังเสี่ยวฮุยได้ร้องไห้งอแงวิ่งเข้ามาในบ้าน พี่สาวของฉินสือโอวเข้าไปดูเห็นว่าไม่มีอะไร จึงถามอย่างแปลกใจว่า “ลูกเป็นอะไรน่ะ โตขนาดนี้แล้วทำไมยังร้องไห้อยู่อีก?”
เสี่ยวฮุยมองไปที่เถียนกวา เถียนกวาใช้มือลูบหน้าสองที แล้วเข้าไปถามอย่างระมัดระวังว่า “พี่ชาย พี่ไม่ได้ถูกกินไปแล้วเหรอคะ?”
เสี่ยวฮุยชี้ไปที่เถียนกวาอย่างโกรธเคือง ตะโกนว่า “คุณแม่ เป็นเธอคนนี้แหละที่ใช้ผีเสื้อเรืองแสงมาแกล้งให้ผมตกใจน่ะ!”
เถียนกวาเบิกตาโตแล้วทำสีหน้าไร้เดียงสา หน้าน้อยๆ ที่เนียนนุ่มนั้นแสดงออกว่าไม่รู้เรื่องอย่างที่สุด แอ๊บน่ารักให้กับพวกผู้ใหญ่ได้สำเร็จ พี่สาวฉินสือโอวจูบเธอไปทีหนึ่ง จากนั้นก็มองไปที่เสี่ยวฮุยอย่างไม่พอใจ พูดว่า “อย่าพูดไปเรื่อยนะ เถียนกวาจะไปแกล้งลูกได้อย่างไร? ถ้าลูกขี้ตกใจขนาดนี้ก็ไม่ต้องเล่นดอกไม้ไฟแล้ว เอาล่ะ เอาดอกไม้ไฟไปเก็บเถอะ กินข้าวกัน”
เสี่ยวฮุยงอแง เอาดอกไม้ไฟในมือซ่อนไว้ด้านหลัง ร้องไห้แล้วพูดว่า “ไม่เอา!”
พี่สาวฉินสือโอวมีอารมณ์ที่รุนแรง ตอนเด็กๆ ฉินสือโอวก็ถูกเธอจัดการมาแล้วไม่น้อยเลย ตอนนี้ถึงตาเสี่ยวฮุยรับชะตากรรมนี้แล้วล่ะ ดีที่วินนี่อยู่ข้างๆ เธอเข้าไปปาดน้ำตาให้เสี่ยวฮุย แล้วพูดหยอกไปว่า “เป็นผู้ชายจะร้องไห้ไม่ได้นะ ดูอย่างเชอร์ลี่ย์สิ เขาเป็นผู้หญิงแท้ๆ ยังไม่ร้องไห้เลย”
กอร์ดอนหัวเราะเหอๆ อยู่ข้างๆ แล้วพูดว่า “ไม่จริง ตอนที่เร่ร่อนกันเธอร้องไห้ประจำ…โอ๊ย เชอร์ลี่ย์ ทำไมเธอถึงป่าเถื่อนแบบนี้? ทำไมลงไม้ลงมืออีกแล้วล่ะ? ปล่อยหูฉันนะ เจ็บๆๆ!”
มิเชลพูดกับพาวลิสเสียงเบาว่า “โอ้สววรค์ สรุปว่าเป็นไวส์หรือเชอร์ลี่ย์กันแน่ที่เรียนศิลปะการต่อสู้ นายดูมือของเธอสิ รวดเร็วมากเลย นี่เรียกว่าอะไรนะ? กรงเล็บมังกรหรืออะไรนะ?”
ฉินสือโอวมองดูกอร์ดอนที่ร้องขอชีวิตอย่างขำขัน เจ้าหมอนี่ไม่หลาบจำเสียที เชอร์ลี่ย์ควรจะจัดการเขาให้เข็ดจริงๆ นั่นแหละ
พอวินนี่พูดถึงเชอร์ลี่ย์ปุ๊บ เสี่ยวฮุยก็หยุดร้องไห้ทันที เขารีบเช็ดน้ำตาแล้วอธิบายว่า “ผมไม่ได้ร้องไห้ เมื่อกี้น่ะ เมื่อกี้คือ เมื่อกี้ผมก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เถียนกวาจุดไฟให้ผีเสื้อเรืองแสงแล้วก็โยนมาบนตัวผม ผมตกใจหมดเลย!”
วินนี่มองไปที่ลูกสาว ยัยตัวเล็กทำท่าไร้เดียงสาออกมา เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาบริสุทธิ์ แล้วพูดเสียงอ่อนว่า “หม่าม๊า พวกเราออกไปจุดดอกไม้ไฟกันไหมคะ?”
ฉินสือโอวเข้ามาเคาะหัวเธอทีหนึ่ง พูดว่า “ยังไม่ปีใหม่เลย พวกหนูจะจุดดอกไม้ไฟให้หมดเลยเหรอ? ตอนนี้ต้องกินข้าวแล้ว ใครก็ห้ามออกไปเล่น ดูสิ หู่จือกับเป้าจือก็ยังกลับมาแล้วเลย”
พอถึงเวลากินข้าวพวกหู่เป้าฉงหลัวกับแมวป่าจะกระตือรือร้นกว่าใครเป็นที่สุด พวกมันพากันมานั่งเรียงกันหลังโต๊ะกินข้าว คาบถ้วยอาหารของตัวเองไว้เพื่อรอกินข้าว
แม่ของฉินสือโอวชอบท่าทีว่าง่ายของเจ้าพวกนี้เป็นที่สุด เธอเข้ามาลูบหัวของเจ้าพวกนี้ทีละตัวอย่างมีความสุข แล้วนำอาหารที่เตรียมไว้แล้วใส่ลงในถ้วยอาหารของพวกมัน จากนั้นเจ้าพวกนี้ก็จะก้มหน้าก้มตากินอาหารของใครของมัน
พ่อของฉินสือโอวพึมพำว่า “มีที่ไหนที่ให้สัตว์กินข้าวก่อนคนกัน?”
แม่ของฉินสือโอวพูดด้วยท่าทีอ่อนน้อมแต่น้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “ตอนที่เสี่ยวหลานกับเสี่ยวโอวยังเด็ก เป็นใครกันที่พอถึงเวลากินข้าวแล้วก็จะพูดกับฉันว่า ก่อนกินข้าวให้ป้อนหมูก่อนน่ะ?”
พ่อของฉินสือโอวหัวเราะอย่างเคอะเขิน แล้วพูดกลบเกลื่อนว่า “กินข้าวๆ เจ้าพวกนี้ทำตัวดี ให้พวกมันกินก่อนก็ได้”
วันที่สองหลังเทศกาลช้อปปิ้ง ช่วงเช้าได้มีนักข่าวหลายคนมาที่ฟาร์มปลา เป็นนักข่าวของช่องโทรทัศน์ซีซีทีวีที่อยู่ในแคนาดา มาสัมภาษณ์ความเห็นเกี่ยวกับเทศกาลวันตรุษจีนและเทศกาลประจำชาติของชาวเชื้อสายจีนในต่างประเทศ เรื่องนี้ท่านชายฉินเป็นมือฉมัง เพราว่าได้เอี๋ยนตงเหล่ยชี้แนะให้บวกกับสถานะและทรัพย์สินของเขา ทำให้ทุกปีใหม่ต้องเจอกับเรื่องจำพวกนี้
เขาในตอนนี้ถือว่าเป็นกึ่งคนของสาธารณะแล้ว ควรจะรับมือกับงานแบบนี้อย่างไรเขาได้คิดไว้ในใจแล้ว ในปีแรกที่ถูกสัมภาษณ์ยังเป็นการสัมภาษณ์ผ่านออนไลน์อยู่ ระหว่างสัมภาษณ์ฉินสือโอวยังจงใจเล่นมุกตลกด้วย แต่ตอนนี้เขาไม่เล่นมุกแล้ว แค่ทำการแนะนำถึงชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเชื้อสายจีนในนิวฟันด์แลนด์ง่ายๆ เท่านั้น จากนั้นก็อวยพรให้พ่อแม่พี่น้องบ้านเดียวกันมีความสุขในวันตรุษจีน
สามวันให้หลังจากสัมภาษณ์เสร็จก็ถึงวันจ่ายแล้ว แม่ของฉินสือโอวให้เขาเรียกเหมาเหว่ยหลงมาที่บ้าน บอกว่าครอบครัวเขาอยู่ที่แฮมิลตันน่ะเงียบเหงาเกินไป ฉินสือโอวก็คิดแบบนี้ด้วยเหมือนกัน เขาจึงโทรศัพท์ไปหา เหมาเหว่ยหลงบอกว่าพวกเขากลับไปที่จีนแล้ว ปีนี้จะไปฉลองปีใหม่กันที่บ้านเกิด!
นี่เป็นเรื่องดี ความขัดแย้งของเหมาเหว่ยหลงกับครอบครัวถือว่าคลี่คลายแล้ว ฉินสือโอวแสดงความยินดีในสายไม่หยุด แล้วบอกให้เขาว่าหลังฉลองปีใหม่เสร็จแล้วให้เอาของดีจากบ้านเกิดมาด้วยเยอะๆ
ทางฝั่งเหมาเหว่ยหลงก็ดีใจมากเช่นกัน เขาพูดอย่างดีใจว่า “รอฉันกลับมาหลังปีใหม่แล้วกัน อยู่บ้านก็คงอยู่ได้ไม่นานหรอก แค่อยากกลับไปดูพ่อแม่กับปู่ย่าเฉยๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่อยากกลับไปหรอก รอฉันกลับไปแล้ว พวกเราพี่น้องค่อยมาฉลองกันดีๆ อีกที”
ฉินสือโอวรีบพูดว่า “ไม่ๆๆ ไม่ใช่ให้พวกเราฉลอง แต่ให้นายเอาของดีมา กลับมาแล้วฉันจะฉลองเองที่บ้าน”
พอวางสาย เขาก็เล่าสถานการณ์ของเหมาเหว่ยหลงให้ที่บ้านฟัง แบบนี้ก็เท่ากับว่าพวกเขาฉลองปีใหม่กันเองก็พอแล้ว
วันที่สามสิบเดือนสิบสอง ฉินสือโอวได้รับของขวัญก่อนปีใหม่ชิ้นหนึ่ง ฮิวจ์คนน้องได้ช่วยเขาตามหาคนเอธิโอเปียที่ก่อนหน้ามีเคยมีเรื่องกันจนเจอ เขาจ่ายเงินไปกว่าสองแสนดอลลาร์แคนาดา คนพวกนี้แอบลักลอบขึ้นไปบนเรือขโมยปลาที่ถูกยามชายฝั่งยึดไว้ตรงท่าเรือเซนต์จอห์น จากนั้นก็ทำลายห้องบังคับการเรือเสียจนไม่เป็นชิ้นดี แถมยังวางเพลิงบนนั้นอีก
แต่ว่าโดยปกติแล้วบนทะเลจะไม่ค่อยมีอัคคีภัยให้เห็น เพราะว่าหาน้ำได้ง่าย บนเรือก็ล้วนมีปืนฉีดน้ำแรงดันสูงกันหมด หลังจากรู้ว่าเกิดเพลิงไหม้แล้วคนงานบนท่าเรือก็พากันเข้าไปช่วยดับไฟ แต่ว่านี่ก็เพียงพอให้นักข่าวมาสนใจแล้ว
ข่าวที่เกี่ยวกับเรื่องนี้ได้แพร่สะพัดไปทั่วนิวฟันด์แลนด์ ความจริงเหล่าชาวประมงทุกคนรู้ว่าเรื่องเป็นมาอย่างไร ตำรวจม้าท้องถิ่นก็เดาออกเช่นกัน ใช้ก้นก็ยังสามารถคิดได้เลย แต่ว่าบนเรือไม่มีกล้องวงจรปิด คนเอธิโอเปียทำเรื่องนี้กันอย่างรัดกุม พวกเขาหาหลักฐานไม่เจอ จึงไม่สามารถลงโทษเจ้าของฟาร์มปลาที่อยู่เบื้องหลังได้
พวกนักเลงเอธิโอเปียต่อสู้ไม่ได้เรื่องก็จริง แต่ถนัดเรื่องการทำลายแบบนี้นัก ฉินสือโอวอ่านข่าว ในนั้นบอกว่ากับเรื่องการทำลายทรัพย์สินในครั้งนี้ตำรวจท้องที่ไม่มีทั้งเบาะแสและหนทางที่จะสืบต่อ เมื่อรวมกับคดีลักขโมยในฟาร์มปลาก่อนหน้านี้อีกหลายคดี ทำให้ความสามารถของตำรวจท้องที่ถูกนักข่าวจากสำนักต่างๆ กังขา เรื่องนี้ทำให้เขารู้สึกสะใจมาก
ความสามารถในการทำงานของตำรวจแคนาดาไม่เก่งเอาจริงๆ แม้ว่าหากเทียบกับการทำงานของตำรวจม้าในอเมริกาที่เป็นประเทศเพื่อนบ้านแล้วจะนุ่มนวลและยุติธรรมกว่ามาก แต่ความสามารถในการปิดคดีนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะในเขตพื้นที่นิวฟันด์แลนด์ที่เป็นเขตชายแดนยิ่งแล้วใหญ่ ในสถานีตำรวจของแต่ละพื้นที่ไม่รู้ว่ามีคดีที่ปิดไม่ลงมากี่คดีแล้ว
วันจ่ายมาถึงแล้ว เวลาในแคนาดาช้ากว่าปักกิ่งสิบสามชั่วโมง ส่วนเวลาในนิวฟันด์แลนด์จะช้ากว่าปักกิ่งที่สิบสองชั่วโมงครึ่ง นี่หมายความว่าเวลากลางวันกลางคืนของทั้งสองที่นั้นได้ตรงข้ามกันพอดี
คำว่าคืนวันจ่ายมีคำว่าคืนอยู่ด้วย นั่นก็คือต้องฉลองกันในตอนดึกเท่านั้น ฉลองตอนกลางวันไร้ความหมาย ดังนั้นฉินสือโอวจึงตัดสินใจว่าจะฉลองบ้านใครบ้านมัน ไม่สนใจเวลาปักกิ่ง อย่างไรเสียพวกเขาก็อยู่กันพร้อมหน้าอยู่แล้ว ตอนกลางวันเขาทำการอัดวีดีโอคืนวันตรุษจีนไว้ พอถึงกลางคืนค่อยเอามาดูตอนฉลองคืนวันจ่ายของตรุษจีนก็ได้แล้ว
กว่าจะอัดวีดีโอภาพงานฉลองเทศกาลตรุษจีนเสร็จก็ใช้เวลาไปกว่าครึ่งค่อนวัน ฉินสือโอวอดใจไว้ไม่ดูตอนกลางวัน พอถึงกลางคืนหลังจากทำอาหารมาเต็มโต๊ะแล้วค่อยให้คนทั้งบ้านรวมไปถึงหู่เป้าฉงหลัวและสามตัวเล็กบนฟ้ามากินข้าวไปพลางดูไปพลาง
……………………