ถ้าเทียบกับเมื่อสี่กว่าปีที่แล้ว การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดของเมืองก็คือบรรยากาศที่มีชีวิตชีวามากขึ้น ตอนนั้นเมืองเล็กๆแห่งนี้มีบ้านที่ว่างเปล่าเต็มไปหมด ชาวเมืองมากมายล้วนพากันออกจากเกาะนี้ ไปยังเมืองใหญ่อย่างเซนต์จอห์นและโทรอนโต เป็นต้น ฉินสือโอวยังจำได้ ตอนนั้นที่เขาเพิ่งมาถึงเมืองนี้ เออร์บักพาเขาไปพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง โรงแรมแห่งนั้นเป็นโรงแรมเดียวที่เปิดทำการในเมืองนี้ แถมยังใกล้จะปิดตัวลงเพราะขาดแคลนนักท่องเที่ยวอีกด้วย
ตอนนั้น บนถนนในเมืองก็มีคนสัญจรไปมาเพียงไม่กี่คนเท่านั้น แม้ว่าจะบังเอิญเจอคนเข้า ก็ล้วนเป็นพวกอารมณ์ตกต่ำ เปี่ยมไปด้วยความมืดมน
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ในเมืองไม่มีบ้านว่างแล้ว จำนวนประชากรก็พุ่งขึ้นมากถึงสองเท่ากว่าๆ เพราะวินนี่ทำงานราชการ ฉินสือโอวจึงรู้การเติบโตขึ้นของตัวเลขสถิติในเมืองบ้าง เทศบาลท้องถิ่นในตอนนี้ได้คุมเข้มเรื่องการโอนย้ายภูมิลำเนาเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้นในเมืองคงอัดแน่นไปด้วยผู้คน คนดีคนชั่วปะปนกันมั่วไปนานแล้ว
เศรษฐกิจของทุกพื้นที่ในแคนาดาล้วนไม่ค่อยดี หาเงินไม่ง่าย แต่กับทางเมืองแฟร์เวลนั้นกลับถือว่าหาได้ง่ายกว่า หนึ่งเพราะฟาร์มปลาต้าฉินที่ขับเคลื่อนในการพาอุตสาหกรรมการประมงก้าวไปข้างหน้า ทำให้ปริมาณการเก็บเกี่ยวปลาในฟาร์มปลาสาธารณะเพิ่มขึ้นอย่างมากมาย เหล่าชาวประมงออกทะเลกันทีหนึ่งสามารถทำเงินได้ไม่น้อย สองก็คืออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจในเมือง การเปิดแผงลอยหรือร้านในเมือง ขอแค่ตั้งใจบริหารดีๆ การจะร่ำรวยเป็นเศรษฐีอาจจะไม่ง่ายก็จริง แต่ว่าถ้าหาเงินเลี้ยงครอบครัวแล้วล่ะก็ไม่มีปัญหาเลย
ตลอดทางที่ขับรถมา บ้านที่อยู่ใกล้กับถนนหลักของเมืองล้วนถูกดัดแปลงกลายเป็นร้านค้ากันหมด ทั้งให้เช่าขายอุปกรณ์กีฬากลางแจ้ง ห้างจัดจำหน่ายเบ็ดตกปลาและกระดานโต้คลื่น ร้านจำหน่ายของที่ระลึก เป็นต้น ดูแล้วกิจการกำลังไปได้ดีเสียด้วย
แต่ที่มีจำนวนเยอะที่สุดยังคงเป็นโรงแรม ไม่เพียงแต่บ้านที่อยู่ใกล้ถนนเท่านั้น บ้านที่อยู่ในเขตอาศัยมากมายก็ทำการดัดแปลงเป็นโรงแรมแล้ว โดยมากจะทำเป็นโฮมเสตย์ ขนาดเล็กจะมีห้องพักแค่สามสี่ห้อง มีจุดขายคือการใช้ชีวิตแบบอบอุ่นสไตล์แคนาดา ถือว่าได้รับความนิยมมากในหมู่นักท่องเที่ยวเลย
เดินจับมือซุยฉีอยู่บนถนน แบรนดอนมองดูร้านค้าสองข้างทางแล้วก็รู้สึกทึ่งเป็นอย่างมาก พูดว่า “ฉิน อิทธิพลของนายช่างมากเสียจริง นายส่งผลกระทบต่อเมืองนี้แล้ว ดูสิ บ้านเรือนพวกนี้ล้วนตกแต่งร้านโดยใช้สไตล์การตกแต่งของวันตรุษจีนทั้งนั้นเลย สุดยอดจริงๆ”
จริงตามนั้น สไตล์การตกแต่งร้านของร้านค้ามากมายในเมืองแฟร์เวลล้วนเกี่ยวข้องกับเทศกาลตรุษจีนทั้งนั้น อย่างเช่นการแขวนโคมไฟแดงตรงประตูทางเข้า อย่างเช่นติดตุ้ยเหลียน อย่างเช่นพวกเขานำพวงพริกสีแดงกับประทัดมาห้อยไว้ตรงหน้าต่าง อย่างเช่นการติดภาพของตุ๊กตาจีน เป็นต้น
มีเถ้าแก่หลายคนที่ใส่เสื้อคอจีนที่พิมพ์คำว่า ‘ฝู (ความสุข)’ อยู่ด้วย ในร้านก็เปิดเพลงจีนจำพวกสวัสดีปีใหม่ กับขอให้เฮงๆรวยๆอยู่ด้วย พอเห็นนักท่องเที่ยวชาวจีนเข้าไปแล้วก็จะทักทายด้วยคำว่าสวัสดีปีใหม่ หากไม่ใช่เพราะพวกเขามีหน้าตาแบบคนผิวขาวแล้วล่ะก็ คนคงนึกว่าตัวเองเข้าไปในไชน่าทาวน์หรือไม่ก็ย่านคนจีนเป็นแน่
ใบหน้าที่สละสลวยของซุยฉีก็เต็มไปด้วยความชื่นชมเหมือนกัน เธอพูดด้วยความอิจฉาว่า “ฉิน บรรยากาศของผู้คนที่นี่ดีจริงๆ เลย แล้วก็วินนี่อีก คุณดูสิ ที่นี่มีติดรูปของวินนี่ด้วย ดีสุดๆ เลย!”
เรื่องนี้ก็เป็นจริงตามนั้น ระหว่างทางคนพื้นที่ที่เจอกับฉินสือโอวก็ล้วนพากันทักทายเขาอย่างเป็นมิตรพร้อมกับอวยพรปีใหม่ให้เขากันทั้งนั้น ตอนที่พวกเขาเดินผ่านร้านค้าบางร้าน ก็ถึงขั้นว่ามีเถ้าแก่ตั้งใจออกมาทักทายอีกด้วย อย่างเช่นฮิวจ์ที่อยู่ในร้านสะดวกซื้อ ตอนที่มาทักทายยังจงใจอวดภาษาจีนงูๆ ปลาๆ ของเขาอีกด้วย
แม้ว่าท่านชายฉินจะชอบที่ได้สิทธิพิเศษกับคำชมแบบนี้ก็ตาม แต่เขาก็จำต้องอธิบายก่อนว่า “คนพวกนี้ไม่ได้ตกแต่งร้านสไตล์ตรุษจีนเพราะฉันหรอกนะ ฉันไม่ได้มีเสน่ห์ขนาดนั้น พวกเขาไม่ได้ทำเพื่อเอาใจฉัน แต่เพื่อเอาใจนักท่องเที่ยวที่เป็นเพื่อนร่วมชาติฉันต่างหาก หรือก็คือ เจ้าพวกเจ้าเล่ห์พวกนี้กำลังทำทุกวิถีทางเพื่อจะเอาเงินจากเพื่อนร่วมชาติฉันนั่นเอง”
“แต่พูดจริงๆ นะ การนับถือเป็นของที่ไม่ว่าเงินแค่ไหนก็ซื้อไม่ได้หรอก” แบรนดอนพูดพร้อมรอยยิ้มที่อ่อนโยน
เดินเตร็ดเตร่อยู่บนถนนในเมือง นักท่องเที่ยวที่สัญจรไปมาใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แบรนดอนพูดถูก นักท่องเที่ยวพวกนี้อยู่ฉลองปีใหม่กันในเมือง มีบางคนถึงขั้นตั้งใจมาฉลองปีใหม่ที่นี่ด้วย ก็เพราะชอบในบรรยากาศที่อบอุ่นของที่นี่นั่นเอง
เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ฉินสือโอวรู้สึกไม่เข้าใจขึ้นมา เขาเคยอาศัยอยู่ในเมืองมาหลายปี จากที่เขาสังเกต ในเมืองมีเขตเล็กๆมากมายเพื่อนบ้านก็มากมาย แม้จะอาศัยมาหลายปีแล้วก็ไม่มีการไปเที่ยวเยี่ยมเยียนกันเลย ต่างคนต่างขี้เหนียวกันเสียจนแม้แต่พบหน้ากันก็ไม่มีรอยยิ้มให้กันเสียด้วยซ้ำ ทว่ากับในเมืองเล็กๆ ต่างถิ่นในต่างแดน ผู้คนก็แปลกหน้า แต่พอเจอกันบนถนนกลับมีรอยยิ้มให้กันและกัน หากว่านั่งโต๊ะข้างกันในบาร์ของโรงแรม ยังมีการเข้าไปพูดคุยกันอย่างกระตือรือร้นอีกด้วย
ช่วงเที่ยง ฉินสือโอวพาพวกแบรนดอนไปหาข้าวกินกันที่ร้านอาหารของคุณลุงฮิคสัน บิลลี่แนะนำกับลินดาว่า “พวกเราจะไปร้านอาหารที่วิเศษมากแห่งหนึ่ง คุณลุงแกมีความสามารถอันน่าทึ่งในการหมักไวน์ อีกเดี๋ยวคุณต้องลองชิมไอซ์ไวน์ที่เขาหมักนะ ผมกล้าพนันเลย หลังจากคุณดื่มแล้ว จะต้องไม่รู้สึกชอบไอซ์ไวน์อื่นๆ อีกแน่นอน”
ฉินสือโอวพูดอย่างประหลาดใจว่า “ลินดาท้องอยู่ นายยังให้เธอดื่มเหล้าอีกเหรอ?”
บิลลี่เองก็ประหลาดใจเช่นกัน พูดว่า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกันเหรอ? ดื่มไวน์องุ่นเล็กน้อยมีประโยชน์กับร่างกายและอารมณ์นะ ดังนั้นทำไมจะไม่ดื่มล่ะ? ปกติตอนที่ฉันกับลินดากินมื้อเย็นกันที่บ้าน ก็จะดื่มกันคนละนิดนะ”
ฉินสือโอวยักไหล่ สภาพแวดล้อมต่างกันธรรมเนียมก็ต่างกัน เห็นทีว่าเขาจะเข้มงวดกับวินนี่ที่กำลังท้องอยู่มากเกินไปเสียแล้ว เดี๋ยวรอเธอคลอดลูกเสร็จจะต้องบำรุงเสียหน่อย
ร้านอาหารของคุณลุงได้ทำการตกแต่งใหม่เมื่อฤดูใบไม้ร่วงปีที่แล้ว ตอนแรกมีห้องโถงใหญ่แค่ห้องเดียว ตอนนี้ได้ถูกกั้นแบ่งเป็นสี่ห้องเล็กแล้ว พอรวมกับห้องวีไอพีซึ่งก็คือห้องอาหารสวนดอกไม้ที่เพิ่งเปิดตัวไป ก็มีทั้งหมดห้าห้องพอดี
ในจำนวนนั้น ห้องเล็กๆ สี่ห้องได้ถูกตั้งชื่อว่าห้องพบเพื่อนเก่าในแดนไกล ห้องสอบได้ตำแหน่ง ห้องเรือนหอ ห้องสมหวังปรารถนา เป็นการตั้งชื่อโดยใช้ความสุขทั้งสี่ในชีวิตมนุษย์ของวัฒนธรรมจีนมาตั้ง ให้ความรู้สึกที่แตกต่างมาก ส่วนชื่อของห้องสวนดอกไม้ ก็คือร่ำรวยดั่งดอกไม้บาน ซึ่งก็เข้ากับบรรยากาศอย่างที่สุด
ตอนที่พวกของฉินสือโอวถึงร้านเป็นเวลาทานอาหารพอดี คุณลุงกำลังยุ่งอยู่กับการไม่รับไม่รับอยู่ ห้องทั้งสี่ห้องคนเต็มแล้ว มีแต่ห้องสวนดอกไม้เท่านั้นที่ว่างอยู่ เพราะว่าการจะเข้าใช้งานห้องสวนดอกไม้มีเงื่อนไขกำหนดอยู่ คนที่มีคุณสมบัติตรงตามนั้นมีไม่มาก แต่แน่นอน ฉินสือโอวมีคุณสมบัติครบอยู่แล้วจึงสามารถพาคนเข้าไปได้เลย
สวนดอกไม้ได้ใช้กระจกกั้นไว้ก่อนชั่วคราว คุณลุงเห็นพวกเขามาถึงก็รีบไปล้างมือแล้วมาดูแลพวกเขา ตอนที่แนะนำสวนดอกไม้เขาได้พูดอย่างภูมิใจว่า “นี่เป็นไอเดียของฉันเอง ฤดูหนาวใช้กระจกมากั้นไว้เพื่อรักษาความอบอุ่น ฤดูร้อนค่อยรื้อกระจกพวกนี้ออกแล้วตั้งค้างแทน ให้พวกเถาวัลย์กับดอกไม้ต้นหญ้าอะไรพวกนั้นเลื้อยขึ้นไปเพื่อบังแดดให้ เป็นอย่างไรบ้าง? เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยใช่ไหม?”
ฉินสือโอวมองดูดอกไม้สดมีชีวิตชีวาที่อยู่รอบๆแล้วก็ยิ้มแล้วพูดว่า “แน่นอนครับ อยู่ท่ามกลางดงดอกไม้สด อย่างไรก็ทำให้คนมีความสุขอยู่แล้ว”
เบลคพูดว่า “คุณลุง แต่การที่คุณทำการดัดแปลงร้านอาหารแบบนี้ ดูเหมือนจะทำให้รับลูกค้าได้น้อยลงนะครับ”
ตาแก่ยิ้มแล้วพูดว่า “ทำอย่างไรได้ พ่อหนุ่ม ฉันจำต้องจำนนกับความแก่ล่ะนะ ลูกค้าที่มากเกินไปทำให้ฉันยุ่งมากไปด้วย ทำให้ไม่สามารถดื่มด่ำกับฝีมือการทำอาหาร และก็ไม่สามารถดื่มด่ำกับชีวิตได้ด้วย ถ้าเป็นแบบนี้ฉันเปิดร้านอาหารนี้ไว้แล้วจะมีความหมายอะไรล่ะ?”
“คุณสามารถจ้างพนักงานมาช่วยแบ่งเบาภาระคุณได้นี่ครับ” เบลคพูดอย่างสมเหตุสมผล
ฉินสือโอวส่ายหัว พูดว่า “ไม่ๆๆ นายไม่เข้าใจหลักการการใช้ชีวิตของคุณลุง นายคิดว่าคุณลุงแกยังขาดเงินอยู่เหรอ? เงินของเขาพอใช้แล้ว ที่มาเปิดห้องอาหาร ก็แค่อยากลิ้มรสกับความรู้สึกที่ได้คุมทุกอย่างที่นี่เท่านั้น อีกอย่างถ้าจ้างคนขึ้นมาจริงๆ งั้นเขาก็ไม่สามารถลิ้มรสความรู้สึกแบบนี้ได้แล้ว”
ฮิคสันหัวเราะร่าฮ่าๆ ตบไหล่ของฉินสือโอวแล้วพูดว่า “ที่ฉินพูดมาไม่ผิดเลย ช่างเป็นหนุ่มน้อยที่รู้ใจคนแก่เสียจริง”
ฉินสือโอวก็หัวเราะด้วย แต่ก็รู้สึกพูดไม่ออกในใจ คุณลุงแก่แล้วน่า ความจำไม่ไหวแล้ว คำพูดพวกนี้ความจริงก็เป็นแกนั่นแหละที่เป็นคนมาบอกตัวเองน่ะ
…………………………