คำพูดของพี่สาวและพี่เขยฉินสือโอวทำเขาหวั่นไหว เขาลูบคางไปมาสักพัก ก็มีชื่อโผล่ขึ้นมาในใจไม่กี่ชื่อ ล้วนเป็นเพื่อนสมัยเรียน และเพื่อนที่ค่อนข้างสนิทกับเขา แถมคนเหล่านี้ยังมีชีวิตที่ไม่ค่อยได้ดั่งใจอีกด้วย เหมือนว่าจะสามารถมาลองค้าขายอันนี้ได้
เขามองไปยังปลาคาร์ฟเอเชียที่กองเต็มอยู่ในห้องแช่แข็งของเขา แล้วก็คิดถึงปลาที่ยังอาศัยอยู่ในทะเลสาบเฉินเป่าพวกนั้น จากนั้นก็ตัดสินใจ ลองถามเพื่อนดูแล้วกัน บางทีนี่อาจจะเป็นเส้นทางทำเงินอีกเส้นก็ได้
สำหรับเส้นทางการหาเงินเส้นนี้แล้ว แน่นอนว่าไม่จำเป็นสำหรับตัวเขา ปลาน้ำจืดแห้งจะขายได้เงินสักเท่าไรเชียว? ถ้าเขาอยากจับทางด้านนี้จริงๆ งั้นยังไม่สู้ขายปลาโอแถบแห้งดีกว่า ฝูงปลาโอแถบในฟาร์มปลามีขนาดใหญ่มหึมามาก แต่สำหรับคนบางคนนั้น เงินที่ปลาน้ำจืดแห้งพวกนี้ทำได้นั้นก็ถือว่าน่าดูมากแล้ว
คนที่เขานึกถึงคนแรกคือเพื่อนสมัยเด็กฉินเผิง หลังจากโทรศัพท์ไปหาแล้ว ฉินเผิงกลับไม่สนใจกับธุรกิจนี้เลย เขาเพียงอยากจะทำร้านซ่อมรถของตัวเองให้ดี ไม่เพียงแต่ทำเงินได้เท่านั้น นั่นก็เป็นความชอบและความฝันของเขาด้วย ส่วนเรื่องปลาคาร์ฟแห้ง ปลาเฉาฮื้อแห้ง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ
จากนั้น ฉินสือโอวก็นึกถึงหัวหน้าห้องในมหาวิทยาลัยจงต้าจวิ้นขึ้นมา นี่ก็เป็นเพื่อนสนิทของเขาเหมือนกัน ครั้งที่แล้วที่มาแคนาดา เขาเห็นว่าจงต้าจวิ้นมีชีวิตที่ไม่ค่อยดีนัก ปกติดูจากในไทม์ไลน์ เขาก็ไม่ค่อยโพสต์อะไรมาก เพียงแค่โผล่หน้ามาบ้างในกลุ่มของห้องเท่านั้น เห็นได้ชัดว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่ค่อยดีนัก
ส่วนเรื่องความสามารถของจงต้าจวิ้นนั้น ฉินสือโอวนับถือเป็นอย่างมาก ตอนที่เรียนมหาวิทยาลัย เขาเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่เรียนดีที่สุดในสำนักเลย เรียนดี มีวินัย สามารถทนความลำบากตรากตรำได้ หลังจากเรียนจบแล้วสามารถพูดได้แค่ว่าโชคไม่ดี แต่ละงานที่ทำก็ไม่ได้ดีขึ้นกว่ากันเท่าไรนัก
คิดได้แล้วก็ลงมือทำ เขาโทรศัพท์ไปหา แต่ดันลืมว่าเวลาในเซนต์จอห์นช้ากว่าประเทศจีนถึงสิบกว่าชั่วโมง จงต้าจวิ้นในตอนนี้ยังคงสะลึมสะลือ พูดว่า “ฮัลโหล ฉินเหรอ? ทำมายโทรมาเอาป่านนี้เหลา? มีเรื่องอะไรเหรอ? กำลังหลับสบายเลย”
ดูท่าว่าจงต้าจวิ้นยังหลับไม่ตื่น ถึงได้พูดจีนกลางที่เต็มไปด้วยสำเนียงเสฉวนแบบนี้
ฉินสือโอวรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย จึงพูดสั้นๆ กระชับใจความว่า “ทางฉันมีธุรกิจอันหนึ่งไม่เลวเลย อย่างไรก็ทำแล้วรุ่งแน่นอน แต่แค่ไม่รู้ว่าจะทำเงินได้เท่าไร แต่ถ้าให้ฉันคิดคร่าวๆ ดู ปีหนึ่งให้ได้หลักล้านนี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย”
“เงินหยวนใช่ไหม? อย่ามาบอกว่าเป็นเงินเยนกับฉันนะ” จงต้าจวิ้นตื่นขึ้นมาในทันที เขาในตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาดเงินขาดโอกาสพอดีเลย
ฉินสือโอวพูดว่า “ไม่ใช่เงินหยวน เป็นเงินดอลลาร์แคนาดา!”
“เฮ้ย นายล้อฉันเล่นเหรอ ห้าล้านหยวนเหรอ? หนึ่งปี?” จงต้าจวิ้นตกใจเป็นอย่างมาก
นอกจากเหมาเหว่ยหลงแล้ว เพื่อนคนอื่นๆ ต่างก็ไม่รู้สถานะทางการเงินที่แท้จริงของฉินสือโอว พวกเขารู้สึกว่าฟาร์มปลาแห่งหนึ่ง ปีหนึ่งน่าจะมีรายได้ก็แค่ไม่กี่ล้านหรือดีหน่อยก็ไม่กี่ร้อยล้านหยวนเท่านั้น แต่กลับไม่รู้ว่าในหนึ่งปีฟาร์มปลาต้าฉินสามารถทำเงินให้ฉินสือโอวได้ถึงหลายพันล้านเลยทีเดียว แถมค่าเงินยังเป็นเงินดอลลาร์แคนาดาอีกต่างหาก!
“ตอนนี้งานของนายเป็นอย่างไรบ้าง?” ฉินสือโอวเปลี่ยนเรื่องคุย เขายังไม่รู้เลยว่าสถานการณ์ของจงต้าจวิ้นช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้าง
จงต้าจวิ้นหัวเราะขืนๆ แล้วพูดว่า “ไม่อย่างไรหรอก ก็ลำบากลำบนจนได้มาตำแหน่งหัวหน้าทีมมาเท่านั้นเอง ต้องรับอารมณ์ทุกวัน รับอารมณ์ลูกค้า รับอารมณ์หัวหน้า เฮ้อ ตลาดอสังหาของประเทศจีนในปีนี้ไม่ค่อยดีนัก ฝ่ายตกแต่งอย่างพวกฉันน่ะ ทำงานยากมากเลย”
ฉินสือโอวได้ยินคำนี้แล้วก็มีความมั่นใจขึ้นมา พูดว่า “ฉันจองเครื่องบินให้นาย ช่างเถอะ นายไปหาโคโกโร่ ไม่กี่วันนี้เจ้าหมอนั่นจะกลับแคนาดาแล้ว พวกนายมาพร้อมกันเลย นายลาออกเถอะ มาดูลาดเลาโปรแกรมของฉันดู อย่างไรเสียก็เถอะเรื่องมากน่ะฉันไม่กล้าพูด แต่ปีละล้านเหรียญดอลลาร์แคนาดาน่ะไม่ใช่ปัญหาใหญ่เลย”
จงต้าจวิ้นตอบตกลงอย่างรวดเร็ว ถ้าคนอื่นมาพูดแบบนี้กับเขา ยังมีสิทธิ์ว่าจะเป็นพวกแชร์ลูกโซ่อะไรเทือกนั้น แต่เขารู้จักนิสัยและฐานะของฉินสือโอวดี ในเมื่อเขาบอกว่าปีละล้านเหรียญ งั้นถึงแม้ว่าจะหาไม่ได้หนึ่งล้านเหรียญดอลลาร์แคนาดา แต่การจะหาให้ได้หนึ่่งล้านหยวนก็ยังเป็นไปได้อยู่
รายได้ปีละหนึ่งล้านหยวนเลยนะ นี่เป็นอะไรที่เขาไม่กล้าคิดกับงานในปัจจุบันเลย
หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น จงต้าจวิ้นมาแคนาดาพร้อมกับเหมาเหว่ยหลงและครอบครัว และบังเอิญมาก ช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ยังเป็นวันกำหนดคลอดของวินนี่ด้วย เขาได้เข้าพักที่ห้องวีไอพีของโรงพยาบาลเซนต์แมรี่เพื่อรอคลอดแล้ว พวกของเหมาเหว่ยหลงมาได้จังหวะพอดี
วันที่เครื่องบินของพวกเขาลงจอดที่เซนต์จอห์น วินนี่กำลังคลอด มีประสบการณ์กับเถียนกวาแล้ว ทำให้ฉินสือโอวพอจะนั่งนิ่งอยู่ได้บ้าง เขาอุ้มเถียนกวารออยู่นอกห้องทำคลอด ความจริงในใจตุ๊มๆ ต่อมๆ อย่างมาก แต่เมื่อคิดถึงว่าคนที่ทำคลอดวินนี่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านสูตินารีระดับสูงที่เขาเชิญมาจากบอสตันโดยผ่านบริษัทอเมริกันเอ็กซ์เพรส แถมผลการตรวจก่อนคลอดของวินนี่ก็ปกติทุกอย่างแล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลอะไรอีก
เถียนกวาไม่ได้รับรู้ความรู้สึกของคุณพ่อเลย เธอดูดนิ้วมือเบิกตาโตมองไปทางประตูห้องคลอด ถามว่า “ป่าป๊า เดี๋ยวน้องชายจะออกมาจากตรงนั้นใช่ไหมคะ?”
ฉินสือโอว “หา?”
“หนูบอกว่าน้องชาย น้องชายจะออกมาจากข้างในนั้นใช่ไหมคะ?” เถียนกวาหงุดหงิดเล็กน้อย
ฉินสือโอว “อื้ม”
“น้องชายเป็นอย่างไรคะ? จะเหมือนกับใคร? อ้วนใหญ่หรือว่าอ้วนเล็กคะ?” เถียนกวาถามอีก ด้วยหน้าตาของเด็กขี้สงสัย
“ประมาณนั้นแหละ อ้าไม่ใช่ ทำไมหนูถึงคิดถึงแต่แมวน้ำเนี่ย?” ฉินสือโอวปวดขมับขึ้นมา “น้องชายของหนู แน่นอนว่าต้องไม่ต่างกับหนูอยู่แล้ว!”
เถียนกวาถอนหายใจออกมาทีหนึ่ง ท่าทีเสียดายสุดขีด พูดว่า “งั้นก็ไม่สนุกแล้วสิ ถ้าเขาเหมือนกับพ่างพ่างจะดีมาก ถ้าเป็นอย่างนั้นหนูจะได้เล่นกับเขาทุกวันเลย ป่าป๊า ได้ยินที่หนูพูดไหมคะ?”
ฉินสือโอวยิ้มขืนๆ แล้วพูดว่า “ตอนนี้ป่าป๊ากังวลใจมาก อะไรก็ไม่ได้ยินทั้งนั้น”
เถียนกวาบู้ปากเล็กๆ แล้วพูดว่า “งั้นหนูเข้าไปหาหม่าม๊านะคะ? พ่อไม่คุยกับหนู หนูจะไปหาหม่าม๊าให้คุยกับหนูแทน”
ท่านชายฉินยอมใจให้แล้ว พูดอย่างหมดทางเลือกว่า “คุยๆๆ ป่่าป๊าคุยกับหนูดีไหม? แต่ว่าหนูเงียบๆ หน่อยได้ไหมคะ? อีกอย่างต่อไปหนูมีน้องชายแล้ว หนูก็จะเป็นพี่สาวแล้ว พี่สาวต้องมีท่าทีของพี่สาว อย่าแกล้งน้องชายรู้ไหม? อย่าแกล้งน้องชายจนเป็นเหมือนบลูน้อยนะ หนูดูสิบลูน้อยน่ะถูกหนูเล่นจนบื้อไปแล้ว!”
เถียนกวาเผยยิ้มออกมา พูดด้วยน้ำเสียงดีใจว่า “น้องชายจะน่าสนุกเหมือนกับบลูน้อยเหรอคะ?”
ฉินสือโอว “…”
ดูเหมือนว่าคำพูดมากมายที่ตัวเองพูดไป ยัยหนูคนนี้จะไม่ได้ยินเลยสักประโยคเดียว ช่างเป็นการสิ้นเปลืองความรู้สึกจริงๆ
การคลอดท้องที่สองราบรื่นกว่าท้องแรกอย่างมาก ตั้งแต่เข็นเข้าห้องคลอดจนถึงตอนที่มีเสียงร้องไห้ของเด็กดังออกมานั้น ใช้เวลาไปเพียงแค่หกชั่วโมงนิดๆ เท่านั้น
นางพยาบาลอุ้มผ้าห่อตัวผืนหนึ่งออกมา พ่อแม่ของฉินสือโอว พี่สาว พี่เขย มาริโอ้ มิแรนด้าแล้วก็พวกวัยรุ่นต่างพากันล้อมเข้าไปหาในทันที แล้วก็เริ่มกรูถามขึ้นมาว่า “นี่เป็นเด็กของบ้านพวกเราใช่ไหม?” “ผู้ชายหรือผู้หญิง?” “แม่ของเด็กเป็นอย่างไรบ้าง?” “พวกเราขอดูหน่อยได้ไหม?”
ฉินสือโอวโยนเถียนกวาลงแล้วพยายามแทรกเข้าไปในกลุ่มคน พร้อมถามอย่างตื่นเต้นว่า “ภรรยาของผมยังอยู่ดีใช่ไหมครับ? ลูกของผมยังอยู่ดีใช่ไหมครับ?”
พยาบาลยิ้มแล้วพูดว่า “คุณฉิน คุณไม่จำเป็นต้องกังวลใจเลย วินนี่กำลังพักอยู่ข้างใน นี่เป็นลูกชายของคุณค่ะ เป็นเด็กผู้ชายที่แข็งแรงราวกับเสือน้อยเลยค่ะ แต่ว่าตอนนี้เขาต้องไปตรวจร่างกายที่ห้องควบคุมอุณหภูมิก่อน เชิญคุณหลีกทางก่อนนะคะ”
ฉินสือโอวยิ้มแหยๆ ไปพลางยื่นมือไปเปิดดูผ้าห่อเด็กไปพลาง หน้าเหี่ยวย่นเล็กๆ ซุกอยู่ข้างใน เจ้าตัวเล็กปิดตาอยู่ ปากเล็กๆ ขยับไปมาเบาๆ เขาไม่ร้องไห้แล้ว เหมือนกับกำลังนอนหลับอยู่
พ่อกับแม่ของฉินสือโอวและคนอื่นๆ อยากจะดูบ้าง แต่พยาบาลได้ห่มตัวเด็กไว้อีกครั้ง จากนั้นก็ให้พวกเขาไปเยี่ยมคนคลอด แล้วก็พรึ่บ คนทั้งกลุ่มพากันพุ่งเข้าไปในห้องคลอด เหลือไว้แต่เพียงเถียนกวาที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวคนเดียวด้วยท่าทีมึนงง
…………………………